ปั้นไทยสู่ Tech Talent Hub ยังไง? ให้ไทยสามารถดึงคนเก่งเข้าประเทศ | Techsauce

ปั้นไทยสู่ Tech Talent Hub ยังไง? ให้ไทยสามารถดึงคนเก่งเข้าประเทศ

อุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศไทยจะเป็นอย่างไรในโลกยุคโลกาภิวัตน์? เนื่องด้วยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพมหาศาล การดึงดูดและรักษาบุคลากรด้านเทคโนโลยีนำมาซึ่งทั้งโอกาสอันน่าตื่นเต้นและความท้าทายที่สำคัญ 

ดังนั้นการใช้ประโยชน์จากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะทำให้ประเทศไทยสามารถวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันระดับโลก

ในบทความนี้ Techsauce จะมาสรุป Session: Home for Tech Talent: Driving Mobility in a Globalized World จากงาน Techsauce Global Summit 2024 โดยดร. สันติธาร เสถียรไทย ที่ปรึกษา กมธ. AI, ดร.การดี เลียวไพโรจน์ หัวหน้าคณะที่ปรึกษา FutureTales Lab, MQDC และคุณปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ Accenture ประเทศไทย

ร่วมหารือเกี่ยวกับนโยบายที่มุ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับแรงงานดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสำรวจกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อดึงดูดและรักษาผู้มีความสามารถด้านเทคโนโลยีชั้นนำ ตลอดจนวิธีพัฒนาบุคลากรที่เป็นที่ต้องการในยุค AI ให้พร้อมสำหรับอนาคต

ความท้าทายและโอกาสของไทยในตลาดแรงงานโลก

"การมีแรงงานโลกไม่ใช่แค่สิ่งที่ดีที่ควรมี แต่นี่คือยุทธศาสตร์ที่สำคัญทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม" ดร. สันติธาร กล่าวว่าประเทศไทยกำลังประสบความท้าทายกับปัญหาแรงงานขาดแคลน โดยคาดการณ์ว่าปริมาณแรงงานไทยจะหดตัวลงถึง 10 ล้านคนภายในอีก 20-25 ปีข้างหน้า ดังนั้นการดึงดูดแรงงานจากต่างประเทศจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งและควรเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ยังเตรียมความพร้อมแรงงานไทยสามารถเป็นส่วนหนึ่งของแรงงานโลกได้เช่นกัน ซึ่งช่วยให้แรงงานไทยสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสในระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเจาะตลาดต่างชาติ และยังสามารถนำประสบการณ์อันมีค่ากลับมาสู่ประเทศไทย

ปัจจุบันเกิดปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ในหลากหลายพื้นที่ ทำให้เงินทุนและแรงงานมีการขยับขยายและเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ไทยต้องแสดงศักยภาพเพื่อดึงดูดแรงงานเข้ามาในประเทศ 

ดร.การดี กล่าวว่าเมื่อพิจารณาจากหลายๆ เมืองในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และพะงัน ล้วนติดในสิบอันดับเมืองที่เหมาะสมสำหรับ Digital Nomad ทั้งด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ค่าครองชีพที่ไม่สูงมากเกินไป และมีโครงสร้างพื้นฐานอย่างอินเตอร์เน็ตที่ครอบคลุมทั่วประเทศ หากว่าประเทศไทยสามารถที่จะเปิดกว้างและพัฒนาเพิ่มเติมในการดึงดูด Tech Talent ไม่เพียงแค่บริษัทใหญ่ แต่รวมถึง SME และ Startup จากทั่วโลกได้ จะยิ่งส่งเสริมศักยภาพของประเทศที่จะเป็น Tech Talent Hub ได้อย่างแน่นอน

คุณปฐมา กล่าวว่าหากประเทศไทยมีการปรับตัวให้ทันต่อความต้องการของตลาดแรงงานโลก ประเทศไทยจะสามารถก้าวเป็น Tech Talent Hub ได้ เหมือนอย่างที่ Accenture สามารถดึงดูด Tech Talent รุ่นใหม่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาทำงานได้เป็นจำนวนมาก 

ประเทศไทยจะดึงดูด Tech Talent ได้อย่างไร?

ดร. สันติธาร กล่าวว่าเราต้องมองไกลกว่าการหาคนมาเติมเต็มช่องว่างแรงงานที่ขาดแคลน แต่เราต้องดึงดูดแรงงานความสามารถสูงด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับความสามารถในระยะยาว ภาครัฐควรจัดทำ One Stop Service สำหรับการขอวีซ่า การทำงาน และการใช้ชีวิตเข้ามาทำงานในประเทศไทย ลดความยุ่งยากด้านเอกสารและกฎระเบียบที่ขัดแย้งกันในแต่ละหน่วยงาน 

นอกจากนี้สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือด้านคุณภาพชีวิตแบบองค์รวม ทั้งด้านข้อได้เปรียบด้านภาษี สวัสดิการ ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม การศึกษาสำหรับผู้ติดตาม และโอกาสในการพัฒนาตัวเองของแรงงาน ถือเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น อีกทั้งประเทศไทยควรส่งเสริมให้บริษัทต่างชาติ เข้ามาตั้งฐาน Reginal Hub ในประเทศไทย เพื่อเพิ่มตำแหน่งงานที่ใช้ความรู้ ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีระดับสูง เพื่อดึงดูดความสนใจของ Tech Talent ทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้น

ดร.การดี เสนอมุมมองว่าจะต้องมองภาพกว้างๆ ในอีกสิบปีข้างหน้า โดยออกแบบนโยบายที่ยึด Tech Talent เป็นศูนย์กลางและเน้นย้ำว่าภาครัฐจะต้องสร้างกฎระเบียบที่เป็นมาตรฐานมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านภาครัฐยังคงมองในมุมของตัวเองแต่ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่แรงงานต้องการมากพอ 

อีกสิบปีข้างหน้าจะเป็นยุคที่คน GenZ และ GenAlpha มีบทบาทในโลกการทำงานมากขึ้น ดังนั้นจะต้องคำนึงสิ่งที่พวกเขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงทางการเงิน สถานที่ทำงานที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น การทำงานที่เป็นอิสระที่มากกว่าการเลื่อนตำแหน่ง Work-Life Integration รวมถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 

คุณปฐมา กล่าวว่าเนื่องจากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งที่จะสามารถดึงดูด Tech Talent ได้คือการส่งเสริมการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะปรับการเรียนรู้ให้เป็นการปฏิบัติจริง ปลูกฝัง Growth Mindset ให้แรงงานเปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และไม่หยุดพัฒนาตัวเอง รวมถึงสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต

นอกจากนี้ต้องสร้าง Workplace ที่ดีและตอบโจทย์กับความต้องการของคนรุ่นใหม่ โดยแบ่งออกเป็นสามข้อได้แก่ 

  • Me Needs: ความต้องการพื้นฐาน เช่น ความมั่นคงทางการเงิน สวัสดิการและการส่งเสริมสุขภาพทั้งต้านร่างกายและจิตใจ เป็นต้น
  • You & Me Needs: ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง การสื่อสารที่เปิดกว้าง ความยืดหยุ่นในการทำงาน เช่น ทำงานแบบ Hybrid 
  • We Needs: สร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร การมีเป้าหมายร่วมกัน การให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (Sustainability) และความหลากหลาย (Diversity & Inclusion) เช่นการเพิ่มสวัสดิการเพื่อสนับสนุน LGBTQ+ เป็นต้น

"เราไม่สามารถเล่นเกมใหม่ ด้วยกฎเก่าๆ ได้อีกต่อไป" ดร.การดีกล่าว ประเทศไทยมีศักยภาพก้าวเป็น Tech Talent Hub หากทุกฝ่ายร่วมมือกัันปรับปรุงจุดอ่อนและไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษาและประชาชน เพื่อพัฒนา Ecosystem เปิดกว้าง เข้าใจและตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของแรงงานทุกระดับ นอกจากนี้การสร้างค่านิยมการเป็นพลเมืองโลกที่เปิดกว้าง ยอมรับความแตกต่างในความหลากหลายและพร้อมทำงานร่วมกับผู้อื่น 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Ingram Micro ช่วยให้คุณทำงานแบบ Productive ได้อีก ด้วย AI ของ Microsoft และ Poly by HP

บทความนำเสนอเครื่องมือที่มีการติดตั้งเทคโนโลยี AI เข้าไป เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น การประชุมราบรื่นขึ้นผ่านโซลูชันของ Microsoft 365 Copilot และ Poly by HP จากงาน 'BETTER...

Responsive image

เปิดมุมมอง เมื่อการตลาดรวมเข้ากับเทคโนโลยี กับ Jeff Titterton CMO จาก Stripe

เปิดมุมมอง เมื่อการตลาดรวมเข้ากับเทคโนโลยี กับ Jeff Titterton CMO จาก Stripe...

Responsive image

AI ดมกลิ่นจาก osmo นวัตกรรมจมูกดิจิทัลเปลี่ยนโลก

หากเรามี AI ที่สามารถดมกลิ่นและแยกแยะกลิ่นต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ โลกเราจะเปลี่ยนไปอย่างไร? นี่คือโจทย์ที่ Alex Wiltschko และทีม osmo กำลังพยายามพัฒนา...