Venture Building การสร้างปลาเร็วในมหาสมุทรแห่งความท้าทาย

ในปัจจุบันที่นับว่าเป็นยุคสมัยของปลาเร็วกินปลาช้า หลายบริษัทเทคโนโลยีใช้เวลาน้อยกว่าบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าเดิมมากในการเพิ่มมูลค่าของตนขึ้นมายืนแถวหน้า ด้วยการสร้างนวัตกรรมและความเปลี่ยนแปลงต่อโลก หากเปรียบเทียบแล้ว 10 อันดับแรกของบริษัทที่มูลค่ามากที่สุดในโลกจาก Statista นั้นมีมากถึง 7 จาก 10 บริษัทที่ทำธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม โดยบริษัทยักษ์ใหญ่มากันครบทั้ง Apple, Microsoft, Alphabet (บริษัทแม่ของ Google), Tesla, Meta (บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram)

ทำให้เราเห็นได้ว่า การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ของผู้ใช้งานสามารถมีมูลค่าได้มากและรวดเร็วขนาดไหน โจทย์สำคัญของยุคนี้ จึงเป็นการสร้างนวัตกรรมให้เร็วเพื่อตอบสนองต่อปัญหาของผู้บริโภค บริษัทใหญ่ที่มีทั้งบุคลากร เงิน สิทธิบัตร และทรัพยากรอื่น ๆ นั้นอาจดูได้เปรียบบริษัทเล็ก ๆ แต่พอเป็นบริษัทใหญ่ก็ทำให้ความคล่องตัวและโฟกัสต่อการแก้ปัญหานั้นลดลงไป สาเหตุนั้นเป็นได้จากทั้งการเมืองในองค์กร วัฒนธรรมในองค์กร หรืออีกหลากหลายสาเหตุ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ 5 อุปสรรคขององค์กรใหญ่ ในการเปลี่ยนแปลงไปสู่องค์กรแห่งนวัตกรรม)

บริษัทใหญ่หลายบริษัทในปัจจุบันจึงนิยมทำ Venture Building เพื่อการสร้างนวัตกรรมและโซลูชันให้ได้อย่างรวดเร็ว

Venture Building ทางลัดสร้างนวัตกรรม

การทำ Venture Building นั้นหมายถึง บริษัทแม่ (Corporate) สร้างทีม Startup ใหม่จากภายในองค์กรอย่างเป็นระบบ โดยการนำความเชี่ยวชาญและทรัพยากรที่มีอยู่แล้วของบริษัทแม่มาช่วยในการพัฒนานวัตกรรมและการเข้าสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว และยังมีความยืดหยุ่น ความคล่องตัว และการโฟกัสเพื่อสร้างนวัตกรรม ในแบบ Startup อยู่ด้วย

นอกจากนี้ ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงขององค์กรใหญ่ในการสร้างช่องทางรายได้ใหม่ สร้างธุรกิจเพื่อเข้าสู่ตลาดใหม่ รวมถึงการสร้างนวัตกรรมเฉพาะขององค์กรที่จะทำให้เกิดความได้เปรียบทางธุรกิจ (Unfair Advantage) ที่คู่แข่งทำได้เพียงแค่วิ่งตามหรือถูกดิสรัปต์ไป

การแทรกตัวเพื่อแย่งชิงตลาดและ Talent

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เชื่องช้า (เพียง 2.4%, -6.1%, 1.5% ในปี 2562, 2563 และ 2564 ตามลำดับ) เช่นเดียวกับหลายบริษัทใหญ่ที่มีสัดส่วนการเติบโตของรายได้และมูลค่าที่ช้าลงกว่าทศวรรษก่อน ทำให้หลายบริษัทต้องแสวงหาน่านน้ำใหม่ รวมทั้งการกระจายความเสี่ยงจากตลาดเดิม ส่งผลให้เกิดการทำ Venture Building ในบริษัทใหญ่หลายเจ้า

แต่ในหลายครั้งนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจาก Startup ที่เกิดขึ้น ก็มักจะถูกใช้เพียงแค่ในกลุ่มบริษัทในเครือของบริษัทแม่เท่านั้น ทำให้ตลาดและรายได้ของ Startup เหล่านี้ต้องพึ่งพาบริษัทแม่อยู่ โดยไม่ได้สามารถเข้าสู่ตลาดใหม่ หรืออยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ จำนวนคนเก่ง (Talent) ในตลาดแรงงานยังมีจำนวนเท่าเดิม เพิ่มขึ้นไม่ทันต่อจำนวน Startup ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดสงครามแย่งชิงคนเก่ง (Talent War) ระหว่างทั้ง Startup ใหม่จากการทำ Venture Building, Startup ที่เกิดขึ้นเอง หรือบริษัทใหญ่เดิม

Venture Building ไม่ได้ง่าย ต้องพัฒนาตลอดเวลา

SCG หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยที่มีชื่อเสียงในการจัดการองค์กร เน้นการเปิดกว้างทางความคิดใหม่ ๆ และให้ความสำคัญต่อดูแลคน ได้เริ่มมีแนวคิดในการทำ Venture Building ตั้งแต่ปี 2017 เพื่อสร้างธุรกิจใหม่เพื่อเป็นปลาเร็ว ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการสำรวจน่านน้ำใหม่และจะก้าวขึ้นมาเป็นส่วนสำคัญของ SCG

SCG ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวตลอด 5 ปี จนล่าสุดได้มาสรุปประสบการณ์การทำ Venture Building ในงาน Techsauce Global Summit 2022 ที่ผ่านมา ในหัวข้อ ‘5 yrs of Corporate Venture Building in 15 mins’ 

SCG ได้ลองผิดลองถูกกับการทำ Venture Building ในหลายรูปแบบ ทั้งรูปแบบการมอบหมายงานที่เป็นแบบบนลงล่าง (Top-down Approach) หรือแบบล่างขึ้นบน (Bottom-up Approach) ร่วมไปกับการพัฒนาแนวทางในการสร้างทีมปลาเร็ว เช่น การกำหนดกลุ่มธุรกิจเป้าหมาย ตัวชี้วัดในการลงทุนแต่ละโครงการ และการสร้าง Unfair Advantage รวมทั้งได้มีการ Spin-off และ Spin-in Startups ต่าง ๆ ออกและเข้ามาอยู่ในบริษัทแม่หลายครั้ง

โดยส่วนสำคัญในการทำ Venture Building ของ SCG คือ (1) คน ที่ต้องเฟ้นหาคนที่มีทักษะในการสร้างธุรกิจใหม่ (Build business) ซึ่งอาจแตกต่างจากคนที่มีอยู่แล้วในดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน (Run business) และ (2) การจัดการคนที่เข้ามาสร้างนวัตกรรม ที่ต้องมีระบบที่ส่งเสริมให้เกิดการลองผิดลองถูก (License to Fail) และการสร้างแรงจูงใจ (Incentive) ที่เหมาะสมในการสร้างธุรกิจใหม่

เช่นเดียวกับการสร้างทีมปลาเร็วของ SCG ที่ต้องลองหลากหลายวิธีในการสรรหาเหล่า Innovator ที่ใช่ ทั้งการดึงพนักงานประจำมาอยู่ในทีมปลาเร็ว การเฟ้นหา Innovator จากภายนอก หรือการสร้าง Innovator ที่คุ้นเคยกับการทำ Venture Building เอง เพื่อให้ได้ทีมและนวัตกรรมที่เหมาะสมกับการสำรวจน่านน้ำใหม่ของ SCG

เพราะไม่มีใครมีทุกอย่าง และเก่งทุกเรื่อง

ปัจจุบันมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยสัญญาณที่เห็นได้ชัดคือ อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบและน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้ธุรกิจใหญ่และเล็กต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก ทั้งจากการใช้จ่ายที่น้อยลงของผู้บริโภค ต้นทุนที่สูงขึ้น และขนาดของตลาดเดิมที่หดตัวลง เมื่อรวมกับปัญหาการเข้าสู่ตลาดใหม่ไม่ได้และการขาดแคลน Talent ที่จะเข้ามาเป็นคนที่ถูกต้องในองค์กร ทำให้ความท้าทายในครั้งนี้ถือว่าหนักเกินกว่าจะรับมืออย่างโดดเดี่ยว

การร่วมมือกันระหว่างธุรกิจหรือระหว่างองค์กร (Collaboration) จึงเป็นทางรอดที่จะทำให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ การแบ่งปันคนและความรู้ระหว่างกัน รวมถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของตลาดเดิมให้เป็นไปตามเทรนด์ใหม่ ๆ เช่น Green Economy หรือ ESG (สิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และธรรมาภิบาล) ที่เกิดจากความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ทำให้เจ้าเดิม ๆ ต้องปรับตัว และเจ้าใหม่ ๆ ได้เข้ามา

ความร่วมมือที่เกิดขึ้นสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ เช่น บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากวัตถุดิบที่สูงขึ้น ก็จะต้องหามองหา Partner มาเป็นแหล่งวัตถุดิบใหม่หรือแนวทางในผลิตใหม่ ๆ หรืออีกตัวอย่างคือบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ก็จะมองหาความร่วมมือในการขนส่งสินค้าร่วมกันเพื่อประหยัดต้นทุน หรือการร่วมกันวิจัยหาพลังงานทดแทนใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว

เพราะการทำสงครามแย่งชิงคนเก่ง ทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทต่าง ๆ และตลาดแรงงานในภาพรวม ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้ Partner สามารถแบ่งปันความรู้ ไอเดีย และคนที่ใช่ (Talent) ระหว่างกัน รวมถึงการแลกกันอบรมทักษะให้แก่พนักงานในส่วนที่ตนเองเชี่ยวชาญ จึงเป็นโอกาสของคนใหม่ ๆ ที่อยากลองทำสิ่งใหม่ที่แตกต่างและอยากได้โอกาสในการลองผิดลองถูกไปกับ Partner ใหม่ ๆ เพื่อก้าวข้ามความท้าทาย

ในการเตรียมรับมือกับคลื่นลูกใหม่ที่กำลังจะซัดเข้ามา นอกจากนี้หา คน เข้ามาร่วมทีมแล้ว SCG ยังมองว่าการ Collaboration เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการแข่งขัน และการร่วมมือระหว่างองค์กรสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบมากกว่าตัวอย่างที่ยกไปข้างต้น หากมี Corporate หรือองค์กรไหนที่สนใจจะเข้ามาร่วมมือ หรืออยากให้ SCG เข้าไปเติมเต็ม มาแสวงหาการเติบโตเพื่อขึ้นไปอยู่บนคลื่นด้วยกันได้ที่ 

https://addventures.co.th/

https://www.linkedin.com/company/addventuresbyscg/

http://www.scg.com/zerotoone/


บทความนี้เป็น Advertorial

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Gartner ชี้สัญญาณอันตราย 5 จุดบอดของ GenAI ที่ผู้บริหารไอทีต้องเร่งจัดการก่อนจะสาย

Gartner เตือน CIO ถึง 5 จุดบอดสำคัญในการใช้ GenAI ทั้ง Shadow AI, หนี้ทางเทคนิค และทักษะคนที่ถดถอย พร้อมทำนายปี 2030 คือจุดชี้ชะตาธุรกิจ...

Responsive image

สรุป Insight จาก ‘Turn ThAI to Tech Tide’ ชี้ไทยผลิต AI Talent ได้ไม่ถึง 500 คนต่อปี ถอดรหัส 4 กลยุทธ์จาก ดร.เอ้ และ ดร.อ้อ กู้วิกฤต Talent พลิกอนาคต AI ไทย

เจาะลึกกลยุทธ์กู้วิกฤตระบบเทคไทยจากการศึกษาจนถึงนโยบายรัฐ จากเวที AI Innovation Summit 2025 แก้ปัญหาไทยโตช้าในสนาม Data Economy ระดับโลก...

Responsive image

ปรากฏการณ์ Tech Squad เมื่อตัวจริงวงการสตาร์ทอัพกระโดดสู่สนามเลือกตั้ง 69

วิเคราะห์เจาะลึกปรากฏการณ์ Tech Squad พรรคประชาชน แม็กซ์ StockRadars, ป้อม ภาวุธ, มาร์ค Blognone กับภารกิจเปลี่ยนภาครัฐด้วย Data และ Tech ในสนามเลือกตั้ง 69...