จาก WeWork สู่ The We company และ deal ใหม่กับ SoftBank

เปิดอก Adam Neumann CEO WeWork สู่ The We Company และ deal ใหม่กับ SoftBank

  • CEO Adam กล่าวถึงแผนในอนาคตของ WeWork สู่การเปลี่ยนเป็น The We Company
  • เผยประเด็นเหตุการณ์ deal ใหม่กับ SoftBank ที่หลายคนสนใจ
  • บทบาทและความเห็นของ CEO Adam Neumann กับปัญหาที่เกิดขึ้นและแนวทางการแก้ไขทางธุรกิจเพื่อการเติบโตในก้าวใหม่ๆ

บทความนี้มาจาก Fast Company เพื่อให้เห็นการแก้ไขปัญหาทางธุรกิจและการเติบโตของ WeWork

หลังจากช่วงคริสมาสต์ผ่านไปไม่นาน Adam Neumann CEO แห่ง WeWork ก็กำลังจะตัดสินใจร่วมมือกับ Softbank และการร่วมมือครั้งนี้กำลังจะนำพาความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่มาสู่เขาและบริษัท โดย SoftBank ของ Masayoshi Son เตรียมที่จะให้เงินในจำนวนที่มากพอไม่ใช่แค่สำหรับการทำงานของ WeWork แต่รวมไปถึงการซื้อหุ้นจากนักลงทุนเดิมของ WeWork ทั้งหมด ซึ่งมูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีการประเมินมูลค่าบริษัทอยู่ที่เกือบ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และด้วยลายเซ็นเพียงอันเดียวของ Neumann จะทำให้เขามีอิสระอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนในฐานะผู้ประกอบการที่วาดฝันว่าจะทำให้บริษัทไปให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

แต่หลังจากนั้น Son ก็มาพร้อมกับข้าวร้ายที่ว่า การตกลงร่วมกันของเราอาจต้องสิ้นสุดลง Neumann บอกในการสัมภาษณ์กับ Fast Company ถึงแม้ว่าการตกลงนี้จะใช้เวลาอย่างยาวนานนับเดือนก็ตาม แต่เนื่องด้วยความปั่นป่วนของตลาดในเดือนธันวาคมนั้นส่งผลให้สต็อคของ SoftBank ลดลง 20% ตั้งแต่ช่วงพฤศจิกายน และการเสนอขายหุ้น IPO ที่คาดว่าจะสูงของหน่วยโทรคมนาคมญี่ปุ่นนั้นลดลง 14% ในวันแรกของการซื้อขาย (SoftBank เป็นกลุ่ม บริษัท ที่มีการถือครองเทคโนโลยีที่หลากหลายและ VisionFund ซึ่งเป็นกลุ่มการลงทุนมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)ทำให้ในวันเดียวกันนั้นเอง คนใกล้ชิดที่ทำงานใน WeWork กล่าวว่า Adam ก็รีบใช้เวลาในการเสนอข้อตกลงใหม่

การทำงานตลอดเวลาในช่วงวันหยุดไปจนถึงต้นเดือนมกราคม WeWork และ SoftBank ได้ทำการแก้ไขข้อตกลงและประกาศในสัปดาห์นี้ด้วยเงินทุนใหม่ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการประเมินมูลค่า 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะนี้ WeWork ได้เงินทุนมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจาก SoftBank และมีงบดุลเกือบ 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ถึงแม้ว่าตัวเลขในการลงทุนในตอนแรกจะดูน่าตื่นตา แต่ WeWork ก็ได้ตั้งคำถามขึ้นมาเกี่ยวกับการใช้เงินของบริษัท จากข้อมูลช่วงต้นปี 2018 WeWork ได้รับเงินจำนวน 1,250 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ใช้ไปถึง 1,220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

บริษัทที่กำลังจะเข้าสู่ปีที่ 9 ในปีนี้ถือว่ายังไม่เคยประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำอย่างแท้จริง อย่างที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดขึ้นในปี 2019 และ 2020 แต่ WeWork ก็ได้เห็นหนึ่งสัญญาณที่ชี้ว่าราคาของการเช่าอาคารในเกือบทุกเมืองที่ดำเนินกิจการกำลังลดลงเรื่อยๆ ยกเว้นแค่เพียงสองเมืองเท่านั้น

ถึงกระนั้น Neumann ยืนยันว่าไม่มีอะไรที่จะมาหยุดยั้งการทำงานของ WeWork ทางบริษัทยืนยันว่าราคาเช่าที่ต่ำนั้นเป็นผลดีต่อธุรกิจของ WeWork และตลาดที่อ่อนตัวลงอาจเปิดโอกาสใหม่ๆให้กับ WeWork “เมื่อปี 2019 มาถึงและถ้าโลกของเรากำลังเผชิญกับวิกฤติ สิ่งหนึ่งที่คุณจะไม่เห็นเราทำคือ การกลัวที่จะเสี่ยงหรือถอยหลังกลับ” เขากล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ ในขณะที่กำลังใส่เสื้อสีดำที่มีคำว่า “Creator” และใส่เฝือกอยู่ที่นิ้วหนึ่งของเขาหลังจากที่เขาทำนิ้วหักในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาในทริปการเล่นเซิร์ฟที่คลื่นสูงระดับ 18 ฟุตในฮาวาย กับนักเซิร์ฟที่ชื่อ Laird Hammilton นอกจากนี้เขายังพูดว่า

สำหรับผม วิกฤตที่ตกต่ำไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่มันคือโอกาส

ภาพการ brainstorm ในปี 2009 โดย WeWork CEO

ในงาน WeWork Global Summit ประจำปี 2019  Neumann จะประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญขององค์กรและเสนอกลยุทธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต บริษัทจะไม่ถูกเรียกว่า WeWork อีกต่อไป แต่จะเรียกว่า The We Company โครงสร้างใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งในความฝันอันยิ่งใหญ่ของ Neumann ที่จะผลักดันบริษัทไปสู่การบริการใหม่ๆ แทนที่จะเป็นแค่บริการการเช่า บริษัทเริ่มมีเป้าหมายที่จะครอบคลุมทุกด้านของชีวิตผู้คนทั้งในโลกทางกายภาพและดิจิทัล Neumann กล่าว  

The We Company จะประกอบด้วยสามหน่วยธุรกิจหลัก

  • WeWork ธุรกิจสำนักงานใหญ่
  • WeLive หน่วยที่อยู่อาศัยที่มีประสบการณ์
  • WeGrow ธุรกิจที่ยังคงพัฒนาซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนประถมและสถาบันสอน Code

แม้ว่าบริษัทจะไม่สามารถให้ข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงได้ แต่ก็ระบุว่ามีแผนในการสร้างหน่วยที่อยู่อาศัยและการศึกษาในปีนี้ นอกจากนี้ในปี 2019 จะมีการซื้อกิจการและการจ้างงานเพิ่มขึ้นโดยบริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มวิศวกรจำนวน 1,000 คน

ภาพการ brainstorm ในปี 2009 โดย WeWork CEO

การพยายามสร้างบริการใหม่ๆ ที่มากกว่า co-working space เป็นแผนของเขามาตลอดก่อนก่อตั้งบริษัท ซึ่งไม่นานมานี้เขาและผู้ร่วมก่อตั้งได้เจอกับ pitch deck เก่าก่อนที่จะทำ WeWork ซึ่งในนั้นเองพวกเขาได้พบกับแผนงานสำหรับทุกอย่างตั้งแต่ WeSleep ไปจนถึง WeSail และ WeBank เขาบอกว่าในตอนนี้บริษัทก็ได้อยู่ในสถานะทางการเงินที่สามารถจะทำทุกอย่างอย่างที่เขาได้ฝันไว้ได้ และเมื่อถามถึง WeBank Neumann ก็ได้บอกว่า “แน่นอนว่า มันกำลังจะมา” แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดอะไรต่อ

ในช่วงเริ่มต้นปี 2019 ที่ได้รับเงินระดมทุนทุ่มลงมามากมาย WeWork และ Neumann ก็ต้องรับแรงกดดันเพิ่มขึ้น คำถามก็คือ พวกเขาจะสามารถสร้างคุณภาพให้สมกับมูลค่าของบริษัทได้หรือไม่ และจะสามารถเอาตัวรอดในยุคเศรษฐกิจตกต่ำได้ไหม

Neumann กล่าวว่าเขาและทีมประสบความสำเร็จภายใต้แรงกดดันอย่างมาก “ คุณรู้ไหมว่าต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหนในการทำเพชร?” เขาถาม “ มันยาวนานมากนะ 500,000 ถึง 4 ล้านปี ผมชอบการเปรียบเทียบนั้น เพื่อสร้างสิ่งที่มีค่ามากคุณต้องใช้ความกดดันอย่างมาก”

อ้างอิงภาพและข้อมูลจาก fastcompany.com

 

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ WeWork เพิ่มเติมได้ที่:

เปิดสงคราม co-working space ในไทย

WeWork ระดมทุน 3,000 ล้านเหรียญแต่ยังขาดทุนเกือบ 3 เท่า 

 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

‘Yindee’ แชตบอตในแอป ttb Touch ใช้ Gen AI จับความรู้สึก ตอบเร็วและฉลาดกว่าที่เคย

Yindee แชตบอตที่อยู่บน Mobile Banking ของ ttb ทำงานผ่านแอป ttb Touch สามารถจับ Mood & Tone ของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ว่าขณะแชตนั้น ลูกค้าอยู่ในอารมณ์ไหน ด้วย Generative AI โดย Azur...

Responsive image

คนอยากใช้พลังงานเยอะ แต่โลกอยากได้ปล่อยคาร์บอนน้อย บริษัทพลังงานแก้ไขความย้อนแย้งนี้อย่างไรดีในยุค AI

The Energy/Prosperity Paradox หรือภาวะย้อนแย้งแห่งพลังงาน และความเจริญ ถือเป็นความท้าทายระดับโลกที่บริษัทด้านพลังงานกำลังพบเจอ เพราะในตอนนี้โลกกำลังต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่เ...

Responsive image

เศรษฐกิจไทย ‘ฟื้นตัว’ แล้วหรือยัง ? ฟังความเห็นจาก 3 ผู้นำธุรกิจยักษ์ใหญ่ไทย

ค้นพบศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และกัมพูชา พร้อมโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจในภาคอุตสาหกรรม การเงิน และเทคโนโลยี...