Cultural Technology เทคโนโลยีที่ SM Entertainment สร้างขึ้นเพื่อปฏิวัติวงการ K-Pop

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท SM Entertainment ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ได้ร่วมมือกับสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงของเกาหลี  (Korea Advanced Institute of Science and Technology: KAIST) เพื่อหยิบเอาเทคโนโลยีมาผลิตคอนเทนต์บันเทิงรูปแบบใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา AI และหุ่นยนต์, การทำวิจัยเกี่ยวกับการสร้าง Digital Avatar รวมไปถึงเทคโนโลยีเชิงวัฒนธรรม หรือ Cultural Technology  ด้วย

Cultural Technology SM

Cultural Technology คือระบบที่คิดค้นและพัฒนาโดย ‘อี ซูมาน’ ประธานบริษัท SM ซึ่งเป็นการนำเอานวัตกรรมใหม่ ๆ มาผนวกเข้ากับทุกขั้นตอนของการปลุกปั้นไอดอลอย่างเป็นระบบ โดยระบบดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะกลายมาเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้เลยทีเดียว

อี ซูมาน กล่าวว่า “SM ใส่ใจถึงความสำคัญในการนำเสนอคอนเทนต์ใหม่ ๆ โดยพยายามที่จะหลอมรวมวัฒนธรรมและเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่อง” 

เมื่อปี 2020  SM ได้เปิดตัวเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่อย่างวง ‘aespa’ ที่ใช้คอนเซปต์ Cultural Technology ในการโปรโมตวง โดยวงดังกล่าวประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คน และสมาชิกแต่ละคนก็จะมี Avatar เป็นของตัวเองคนละ 1 ตัว ซึ่งตัว Avatar นี้จะมีชื่อว่า ‘ae’ สามารถสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กับตัวสมาชิกในชีวิตจริงได้ ปรากฏการณ์แปลกใหม่ของวงการ K-pop นี้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่าแฟนเพลงเป็นอย่างมาก

นอกจากนั้น ในก่อนหน้านี้ SM ก็ยังมีความพยายามในการใช้ระบบ Cultural Technology กับวงที่เดบิวต์มาก่อนในปี 2016 ได้แก่วง NCT (Neo Culture Technology) ที่มีจำนวนสมาชิกมากกว่า 20 คน และอาจเปลี่ยนแปลงได้เรื่อย ๆ โดยภายในจักรวาล NCT จะมียูนิตแยกย่อยออกมาอีก 4 ยูนิต ได้แก่ NCT U, NCT 127, NCT Dream และ WayV ซึ่ง อี ซูมาน พยายามใช้ระบบนี้ในการทำวงศิลปินเพื่อเชื่อมเนื้อหาของแต่ละยูนิตรวมเข้าให้เป็นจักรวาลเดียวกัน

เราอาจเห็นได้ว่า ในเนื้อเพลงของทั้งวง NCT และวงน้องใหม่อย่าง aespa นั้น จะมีการพูดถึงเมือง ‘Kwangya (กวังยา)’ ซึ่งเป็นเมืองสมมติหรือจักรวาลเสมือนที่คาดเดาว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมโยงเนื้อหาของศิลปินแต่ละวงเข้าด้วยกันภายใต้ระบบ Cultural Technology 

นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ใน Music Video ของแต่ละวงด้วยเช่นกัน เช่น ใน Music Video เพลง One (Monster & Infinity) ของ SuperM ได้เผยให้เห็นฉากสั้น ๆ ของ ‘แทมิน’ ที่กำลังเปิดสมาร์ตโฟนแล้วปรากฏโลโก้ของวง aespa ก่อนที่พวกเธอจะเดบิวต์ และฉากช่วงท้ายใน Music Video เพลง Make A Wish (Birthday Song) ของ NCT U ก็มีการเผยฉากสวนดอกไม้ในรถไฟใต้ดิน ซึ่งต่อมาก็ได้เฉลยว่าฉากนั้นคือฉากใน Music Video เพลง Black Mamba หรือเพลงเปิดตัวของ aespa ที่เดบิวต์ในเวลาถัดมานั่นเอง

สำหรับการใช้โมเดล Cultural Technology ของ SM นั้น สร้างทั้งความแปลกใหม่และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายในกลุ่มแฟนเพลง K-Pop เป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดี นี่อาจเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของระบบนี้เท่านั้น ดังที่ อี ซูมาน ได้กล่าวไว้ว่า SM จะพยายามสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ มาสู่วงการ K-pop อยู่เสมอ จึงไม่แน่ว่าจักรวาลนี้จะมีการขยับขยายเป็นธุรกิจที่ใหญ่โตต่อไป

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทำไมองค์กรทุ่มงบให้ AI แต่ยังไม่เห็นผลจริง ? เปิดมุมมองกับ ABeam Consulting ผู้คลุกคลีกับ Data & AI ขององค์กรไทย

ทำไมทุ่มงบ AI แต่ไม่เห็นผล? เจาะลึกมุมมองจาก ABeam Consulting ถึงสาเหตุที่แท้จริง ตั้งแต่ปัญหาข้อมูลใช้ไม่ได้ จนถึงวัฒนธรรมองค์กร พร้อมแนวทางปรับตัวให้ AI ใช้งานได้จริงในปี 2025...

Responsive image

ส่องเทรนด์ AI ปี 2026 เมื่อเทคโนโลยีเป็น 'คู่คิด' แต่ความเร็วอาจเป็น 'กับดัก'

ปี 2025 AI ได้กลายเป็นเครื่องมือของคนทำงานไปแล้ว และในปี 2026 กำลังจะเป็นอีกก้าวสำคัญ เพราะ AI จะไม่ได้แค่ช่วยให้ทำงานเร็วขึ้น แต่จะเริ่มเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจมากขึ้นเรื่อย ๆ...

Responsive image

Nvidia ทุ่ม 2 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าซื้อเทคและทีม Groq สตาร์ทอัพชิป LPU หวังตัดคู่แข่งและเดินเกมคุมโครงสร้างพื้นฐานโลก AI

Nvidia เดินหมากใหญ่ด้วยดีลมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ กับ Groq สตาร์ทอัพชิป LPU โดยไม่ซื้อกิจการ แต่เลือกถือสิทธิเทคโนโลยีและดึงทีมแกนหลักเข้าร่วมทัพ เพื่อเร่งครองเกม AI Inference แล...