ในปี 2019 จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากระแสของวงการคริปโตนั้นแผ่วลงไปมากหากเทียบกับปี 2017 และ 2018 ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ก็มาจากการที่ตลาดกลับเข้าไปสู่ตลาดหมี และ Sideway นิ่ง ๆ อยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้มีปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งในตลาดคริปโตที่ส่งผลให้บางเหรียญในตลาดนั้นราคาดีดขึ้นไปกว่า 500 หรือ 1,000 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ปรากฏการณ์ที่ว่าคือ IEO คืออะไร ? คล้าย ICO หรือไม่ ? มันจะมากอบกู้วงการคริปโตได้มั้ย ? พี่ทุยจะพาไปเจาะลึกกันในบทความนี้
โดยปกติแล้ว ช่องทางหลักในการระดมทุนภายในวงการคริปโตนั้นจะมาจากการระดมทุนในรูปแบบของ ICO (Initial Coin Offerings) แต่ทว่ากระแสของ ICO กลับไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก เพราะมีนักลงทุนโดนหลอกเงินไปปลงทุนกับโปรเจกต์ปลอม ๆ เยอะมาก คนเลยเลิกลงทุนใน ICO กันทำให้กระแสดับไป
ล่าสุด เลยมีเว็บเทรดคริปโตแห่งหนึ่งคิดวิธีการระดมทุนแบบใหม่ขึ้นมาได้ ซึ่งก็คือ IEO (Inital Exchange Offerings) เป็นการระดมทุนต่อยอดมาจาก ICO แต่เดิมโปรเจกต์ที่ต้องการระดมทุนจะประกาศระดมทุนผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง แต่ IEO จะถูกระดมทุนที่เว็บเทรดคริปโตที่โปรเจกต์นั้น ๆ ไปร่วมมือด้วยนั่นเอง ทำให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
การทำงานหลัก ๆ ของ IEO คือโปรเจกต์นั้นทำการสร้างและส่งเหรียญที่จะขายไปยังเว็บเทรดที่ตกลงกันไว้ และเมื่อเปิดการระดมทุนจริง ผู้ใช้งานเว็บเทรดคริปโตก็จะเข้าไปซื้อเหรียญของโปรเจกต์นั้น ๆ อีกรอบหนึ่ง
ถึงแม้การระดมทุน ICO นั้นจะถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ในแวดวงการเงิน แต่ด้วยความที่มันเพิ่งถือกำเนิดได้ไม่นาน ทำให้มีช่องโหว่อยู่เยอะมาก ๆ และช่องโหว่เหล่านั้นก็ถูกแอบนำไปใช้ประโยชน์โดยมิจฉาชีพ โดย IEO นั้นจะเข้ามาช่วยปิดข้อเสียของ ICO ทั้งในฝั่งของโปรเจกต์ และนักลงทุนได้ดังนี้
จากข้อมูลข้างต้น พี่ทุยก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากกว่า IEO นั้นได้เข้ามาทำการยกระดับคุณภาพของตลาดคริปโตให้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ไม่ว่าจะในแง่ของความน่าเชื่อถือ, การทำให้กระแสดีขึ้น, โปรเจกต์ที่มีคุณภาพมากขึ้น และปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่ปลุกความมั่นใจให้กับนักลงทุนอีกครั้งหนึ่ง
และอีกหนึ่งในเหตุผลที่ IEO ได้รับการกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้งในตอนนี้เนื่องจาก ราคาของเหรียญที่ทำการระดมทุน IEO มีมูลค่าพุ่งขึ้นไปหลายเท่า ในวันที่เปิดตัว ยกตัวอย่างเช่น เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้มีการระดมทุน BitTorrent Token (BTT) ผ่านเว็บเทรดคริปโตอันดับต้น ๆ ในวงการอย่าง Binance ผลปรากฏว่า เมื่อเปิดให้ซื้อเหรียญได้ มีนักลงทุนจำนวนมหาศาลเข้าไปซื้อกันจนภายในไม่กี่นาทีก็ขายได้หมดเกลี้ยง และเมื่อวันที่เปิดให้เทรดเหรียญนั้น ราคาของมันในวันแรกพุ่งขึ้นไปถึง 4.5 เท่า และพุ่งขึ้นไปสูงสุดถึงเกือบ 8 เท่าเลยทีเดียว จากราคาเหรียญละ 0.0038 บาท เป็น 0.016 บาท และปัจจุบันมันก็ยังคงราคาระดับนั้นอยู่ ถึงแม้ผ่านมา เดือนกว่าแล้วก็ตาม
หากใครเป็นนักลงทุนคริปโต จะเริ่มลำลึกความหลังได้เลยว่า เหตุการณ์แนว ๆ นี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในยุคที่ กระแสของ ICO กำลังมาแรง โปรเจกต์หน้าใหม่เกิดขึ้นแทบทุกวัน และโปรเจกต์เหล่านั้นก็ให้กำไรอย่างต่ำที่ 2 ถึง 10 เท่าเลย ซึ่งในช่วงนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ตลาดคริปโตเป็นขาขึ้น และราคาของ Bitcoin สามารถพุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดได้ที่ 20,000 ดอลลาร์นั่นเอง และเหตุการณ์เหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งล่าสุดราคาของคริปโตต่าง ๆ ในตลาดก็เริ่มขยับเขยื้อนทะยานตาม ๆ กันมา อย่างล่าสุดที่ Bitcoin สามารถขึ้นมายืนเหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์ได้แล้ว หลังจากที่ Sideway ในระดับ 3,500 ถึง 3,900 ดอลลาร์มายาวนานหลายเดือน
ในปัจจุบันเว็บเทรดคริปโตชั้นนำอื่น ๆ เช่น Huobi ก็ได้เริ่มทยอยสร้างแพลตฟอร์ม IEO ของพวกเขาเองแล้ว ไม่ยอมแพ้ Binance และคาดว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ก็จะมีเว็บเทรดคริปโตอีกมากมายที่ทยอยเข้าสู่กระแส IEO และมันอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดคริปโตกลับมาคึกคักเหมือนปี 2017 และ 2018 ก็เป็นได้ เพราะว่า นักลงทุนที่ลงทุนใน IEO ได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ และเมื่อใดก็ตามที่มีผลกำไรอันน่าล่อใจขนาดนี้ มันก็มักจะเกิดความต้องการซื้อที่สูง หรืออาการ FOMO (Fear Of Missing Out) ซึ่งจะผลักดันให้ตลาดคริปโตเป็นขาขึ้นอีกครั้งได้นั่นเอง
บทความนี้เป็น Guest Post โดย Money Buffalo
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด