รู้จัก ‘Workslop’: ผลกระทบของ 'งานชุ่ยจาก AI' และแนวทางรับมือสำหรับองค์กรยุคใหม่


AI

ท่ามกลางกระแสความตื่นตัวเรื่อง AI ที่ไม่แผ่วลง มีคำศัพท์ใหม่คำหนึ่งปรากฏขึ้นมาสะท้อนอีกด้านของเทคโนโลยีนี้ได้อย่างคมคาย นั่นคือ "Workslop"

คำนี้ถูกบัญญัติขึ้นอย่างเป็นทางการในงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลง Harvard Business Review (HBR) โดยความร่วมมือระหว่าง BetterUp Labs และ Stanford Social Media Lab เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ที่ AI ถูกนำมาใช้สร้างสรรค์ผลงานที่ ‘ดูดี’ แต่ ‘ไร้คุณภาพ’ ซึ่งกำลังสร้างภาระให้กับองค์กรทั่วโลกอย่างเงียบๆ

Workslop: เมื่อผลงานดูดี แต่ไม่มีอะไรข้างใน

ทีมวิจัยได้ให้นิยามของ Workslop ไว้ว่า คือ "ผลงานที่สร้างโดย AI ซึ่งดูเผินๆ เหมือนเป็นงานที่ดี แต่ขาดแก่นสารสำคัญที่จะขับเคลื่อนงานให้คืบหน้าไปได้อย่างมีความหมาย"

เพื่อให้เห็นภาพง่ายขึ้น BetterUp เรียกมันว่าเป็น "Busywork รูปแบบใหม่" ที่สร้างภาพลวงตาของความคืบหน้า ไม่ว่าจะเป็นสไลด์ที่สวยงาม รายงานที่ยืดยาว หรือโค้ดที่ไม่มีบริบท

ขณะที่นักวิเคราะห์ของ CNN เปรียบเปรยว่ามันเหมือนภาพไวรัลแปลกๆ ที่ AI สร้างขึ้น แม้จะดูสวยงามทางเทคนิคเหมือนผ่านฝีมือมนุษย์ แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดก็จะเห็นความผิดเพี้ยน เช่นเดียวกับ Workslop ที่เมื่อผู้มีความรู้ได้อ่านเนื้อหาจริงๆ ก็จะพบข้อบกพร่องและความไม่สมเหตุสมผลซ่อนอยู่

แต่หัวใจของปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือ Workslop เป็นการ "ผลักภาระทางความคิดไปให้มนุษย์อีกคนหนึ่ง" แทนที่จะช่วยประหยัดเวลา มันกลับบังคับให้เพื่อนร่วมงานต้องมาเสียเวลาตีความ แก้ไข หรือทำใหม่ทั้งหมด

ต้นทุนที่มองไม่เห็นของ Workslop

แม้ว่าการใช้ AI จะดูเหมือนช่วยประหยัดเวลาในตอนแรก แต่เบื้องหลังความสะดวกสบายนั้นกลับมีต้นทุนแฝงที่สูงกว่าที่คิด งานวิจัยได้ตีแผ่ตัวเลขที่น่าสนใจออกมาดังนี้:

  • พนักงานในสหรัฐฯ ราว 40% เคยได้รับ Workslop ในเดือนที่ผ่านมา
  • แต่ละครั้งต้องเสียเวลาแก้ไขโดยเฉลี่ย 1 ชั่วโมง 56 นาที
  • ต้นทุนแฝงนี้คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ย $186 ต่อเดือนต่อพนักงาน
  • ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้องค์กรขนาด 10,000 คน ได้มากกว่า 9 ล้านเหรียญต่อปี

ยิ่งไปกว่าตัวเลขทางการเงิน ผลกระทบยังกัดกินลึกลงไปใน 3 ระดับ ได้แก่:

  • ระดับบุคคล: ผู้รับงาน Workslop ไม่ได้แค่รู้สึกหงุดหงิดหรือสับสน แต่ยังรู้สึกหมดไฟ โดยเฉพาะเมื่อได้รับ Workslop จากหัวหน้าที่ทำให้ไม่กล้าทักท้วง
  • ระดับทีม: ความไว้วางใจถูกกัดกร่อนอย่างรุนแรง งานวิจัยชี้ว่าการได้รับ Workslop ทำให้เพื่อนร่วมงานถูกมองในแง่ลบอย่างมีนัยสำคัญ และพนักงานกว่า 32% ไม่อยากกลับไปทำงานกับผู้ส่งอีกในอนาคต
  • ระดับองค์กร: ผู้นำอาจถูกหลอกด้วย "ประสิทธิภาพจอมปลอม" และที่สำคัญ ปรากฏการณ์นี้อาจเป็นสาเหตุว่าทำไม 95% ขององค์กรที่ลงทุนใน AI กลับไม่เห็นผลตอบแทนที่วัดผลได้ (รายงานล่าสุดจาก MIT Media Lab)

ความย้อนแย้งและแรงกดดันในที่ทำงาน

นักวิเคราะห์จาก CNN ชี้ให้เห็นถึงความย้อนแย้งที่น่าอึดอัดใจ เมื่อผู้บริหารระดับสูงต่างผลักดันให้พนักงานใช้ AI เพื่อความอยู่รอด แต่เมื่อพนักงานทำตามและเกิดผลลัพธ์ที่ไม่มีคุณภาพ พวกเขากลับถูกตำหนิ วัฒนธรรมเช่นนี้ไม่ต่างจากบริษัทเทคโนโลยีบางแห่งที่มักผลักภาระการใช้งานที่ถูกต้องและปลอดภัยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใช้เอง

แนวทางรับมือ Workslop จากงานวิจัย

ทีมวิจัยจาก HBR และ BetterUp ไม่ได้ชี้ให้เห็นแค่ปัญหา แต่ยังเสนอทางออกสำหรับผู้นำองค์กร โดยเน้นว่าสาเหตุหลักเกิดจากการที่ AI ถูกใช้เป็น 'ทางลัด' เพื่อทำงานให้เสร็จๆ ไป แทนที่จะใช้เป็น 'ผู้ช่วย' ที่คอยเสริมให้งานดีขึ้น และได้เสนอแนวทางแก้ไขสำหรับผู้นำองค์กรไว้ 3 ข้อ ดังนี้:

  1. ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างที่ดี: แสดงให้เห็นถึงการใช้ AI อย่างมีเป้าหมายและเจตนาที่ชัดเจน ไม่ใช่ใช้ตามกระแส
  2. กำหนดขอบเขตและแนวปฏิบัติที่ชัดเจน: สร้างกฎเกณฑ์ร่วมกันว่าการใช้งานแบบไหนที่ยอมรับได้ และต้องมีมาตรฐานคุณภาพอย่างไร
  3. ปลูกฝังกรอบคิดแบบ 'นักบิน': ส่งเสริมให้พนักงานเป็นผู้ควบคุมเทคโนโลยี ใช้ AI อย่างมั่นใจเพื่อ "เสริม" ความสามารถของตนเอง (นักบิน) ไม่ใช่เป็นแค่ผู้โดยสารที่ปล่อยให้ AI นำทางไปอย่างไร้จุดหมาย

ท้ายที่สุดแล้ว Workslop คือผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่อย่างรีบร้อน องค์กรแห่กันไปใช้เครื่องมือที่ยังไม่สมบูรณ์แบบตามกระแสกดดัน ดังนั้น การรับมือจึงไม่ใช่การแบน AI แต่คือการสร้างวัฒนธรรมการใช้งานอย่างมีสติ มีความรับผิดชอบ และมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยยกระดับการทำงานได้อย่างแท้จริง

ที่มา: Harvard Business Review, CNN, BetterUp Labs

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

อนาคตเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น ผ่าน 3 ซีอีโออุตสาหกรรมและการเงิน จากฐานการผลิตสู่นวัตกรรมขับเคลื่อนอาเซียน ท่ามกลางสมรภูมิ FDI โลกเดือด

สรุปเวทีเสวนา "Thailand: Shaping ASEAN's Next Frontier" ถอดรหัสอนาคตเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น จากมุมมองผู้นำ อมตะ, ฮอนด้า, และกรุงศรี ชี้ 'ผู้นำ', 'นวัตกรรม', และ 'การพัฒนาคน' คือกุญแจสำ...

Responsive image

ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทยบทใหม่ กับคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ชี้ทางรอดไทยยุค 5.0 ต้องปั้น ‘7Ts’ เพื่อฝ่า 3D Digitalization, Deglobalization, Decarbonization

ถอดรหัสวิสัยทัศน์ ‘ศุภชัย เจียรวนนท์’ ซีอีโอ ซีพี กางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทยบทใหม่ (New Economic Frontier) ชี้ 3 วิกฤตโลก (3D) ที่ต้องฝ่า และ 7T โอกาสทองของไทย สู่ยุค 'Sustainable In...

Responsive image

Beacon VC จับมือ Google Cloud และ depa เปิดโครงการ TH.AI Leaders Accelerator ติดปีก 12 สตาร์ทอัพไทย ใช้ AI ยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่ตลาดโลก

เปิดชื่อ 12 ทีมจาก TH.AI Leaders Accelerator โครงการเร่งเครื่อง-ยกระดับสตาร์ทอัพ AI ไทย ให้พร้อมบุกตลาดโลก โดย Beacon VC, Google Cloud และ depa...