'ประกัน' เป็นธุรกิจที่อยุ่ในบ้านเรามาอย่างยาวนาน การที่โลกเข้าสู่ยุค Digital Transformation ส่งผลธุรกิจประกันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คนยุคใหม่ หรือที่เราเรียกว่า Millennial มองธุรกิจประกันต่างกันคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ด้วยความต้องการในชีวิต การดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน
เชื่อหรือไม่ว่า วัยรุ่นเกาหลี (Millennial) นั่งคุยกันด้วยประโยคที่ว่า "ประกันตัวนี้มาใหม่ เห็นหรือยัง?" "ประกันตัวนี้น่าสนใจมากนะ" ทำไมเรื่องประกันการเป็น Topic ในวงสนทนาของพวกได้? แล้วคนไทยยุค Millennial นั่งคุยเรื่องอะไรกันอยู่ ทำไมประกันจึงมีความสำคัญ?
ช่วงไม่นานนี้ คำหนึ่งที่สร้างความตื่นตัวให้กับวงการประกันทั่วโลกคือคำว่า InsurTech
InsurTech มาจากคำว่า Insurance และ Technology ซึ่งก็คือการนำเทคโนโลยีมาช่วยในอุตสหกรรมการประกัน ให้สะดวกมากขึ้น รวดเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น
ในต่างประเทศ InsurTech ได้รับความสนใจอย่างมากโดยผู้บริโภคในยุค Millenial เป็นผลจากรูปแบบวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทั้งการครอบครองทรัพย์สินขนาดใหญ่อย่างรถยนต์หรืออสังหาริมทรัพย์ที่น้อยลง รวมถึงยังเดินทางและดูแลสุขภาพได้มากขึ้น จึงทำให้ประกันภัยรูปแบบเดิมๆ ไม่ตอบโจทย์ความคุ้มครองของพวกเขาอีกต่อไป ประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีและเข้าถึงง่ายมากขึ้น จึงมีการนำเทคโนโลยีมาใช้กับเงื่อนไขด้านความต้องการที่เปลี่ยน เพื่อให้คนกลุ่ม Millenial ได้รับบริการประกันภัยที่เหมาะสมที่สุด
เพื่อให้เห็นภาพความสำคัญชัดเจนมากขึ้น ทาง Techsauce จึงถือโอกาสพูดคุยกับ คุณนาเดีย สุทธิกุลพานิช Head of Fuchsia Innovation Center จากบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ถึงความจำเป็นที่บ้านเราต้องมี InsurTech เกิดขึ้นกัน
คุณนาเดีย: ถ้ามองภาพกว้าง InsurTech จะมี 2 ส่วนหลักๆ คือ InsurTech ที่เกี่ยวข้องกับ 'ประกันภัย' และ InsurTech ที่เกี่ยวข้องกับ 'ประกันชีวิตและสุขภาพ' ในการทำผลิตภัณฑ์ประกันก็ต้องดูเรื่องความคุ้มครองและ Pain Point มาตั้งต้น จากนั้นค่อยเอาเทคโนโลยีมาเสริมว่า ลูกค้าจะเข้าถึงตัวประกันในแบบที่เขาต้องการได้อย่างไรบ้าง และก็สามารถทำให้ความคุ้มครองมันปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการได้อย่างไรบ้าง ถ้าพูดถึงแล้ว InsurTech ในประเทศไทยยังมีน้อยมาก จึงเป็นที่มาให้เมืองไทยประกันชีวิตจัด Hackathon โดยอยากให้กลุ่ม Millennial ที่เป็นผู้ใช้ในอนาคตมาร่วมกันพัฒนาไอเดียต่อไป
คุณนาเดีย: ในต่างประเทศมี InsurTech เด่นๆ มากมาย อย่างในสหรัฐฯ มี Lemonade บริษัทประกันด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เทคโนโลยีลดขั้นตอน ดำเนินการแบบ Paperless หมดเลย มีแอปพลิเคชันคำนวณเบี้ยประกันด้วย AI และ Geometric เพื่อให้เหมาะกับพื้นที่และลักษณะของคนนั้นๆ เช่นหากคุณอยู่ในรัฐที่มีแผ่นดินไหวบ่อย ระบบก็จะแนะนำประกันทรัพย์สินสำหรับแผ่นดินไหวให้
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ Zhong An ในประเทศจีน ที่เริ่มจากประกันการเดินทางด้วยขั้นตอนซื้อจนถึงเคลมที่สะดวกกว่า ราคาถูกกว่า และเป็นออนไลน์ทั้งหมด ลูกค้าสามารถซื้อประกันเดินทางพร้อมกับตั๋วเครื่องบินได้เลย หากเครื่องบินเกิดดีเลย์ระบบก็จะส่งเงินชดเชยให้ทันที ทำให้ได้รับความนิยมมากๆ จน Zhong An สามารถขยายธุรกิจไปทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพได้
คุณนาเดีย: อย่างที่เรียนไปตอนต้นว่า InsurTech มีทั้งสำหรับประกันทรัพย์สินและประกันชีวิตกับสุขภาพ ซึ่งประกันสุขภาพเป็นประกันที่มีความสำคัญอย่างมาก อย่างประกันชีวิตที่พูดกันว่าคนซื้อไม่ได้ใช้ แต่ประกันสุขภาพเนี่ย คนซื้อได้ใช้เองแน่นอน
“การไม่มีประกันสุขภาพเป็นสาเหตุที่ทำให้คนล้มละลายในสหรัฐอเมริกา เพราะค่าใช้จ่ายที่ตามมาหลังรักษาพยาบาลจะสูงมาก และประเทศไทยกำลังจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุเป็นอันดับที่ 2 รองจากญี่ปุ่นในเร็วๆ นี้ ประกันสุขภาพจะช่วยลดภาระต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายและการดูแลต่างๆ ด้วย”
ประกันสุขภาพเป็นที่นิยมมากสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ประเทศเกาหลีใต้ เพราะวิถีชีวิตเขาเปลี่ยนไป เขาเป็นคน Millennial ที่แต่งงานกันน้อยลง มีลูกกันน้อยลง จึงต้องพึ่งตัวเอง และเขารับรู้ว่าประกันสุขภาพช่วยไม่ให้เขาล้มละลายเมื่อป่วยได้
InsurTech จะทำอย่างไรให้คนสามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้ง่ายขึ้น Pain Point ที่เห็นตอนนี้ก็คือ เงื่อนไขมันเยอะ แล้วมันยากจนต้องมีคนมาอธิบาย คนรุ่นใหม่เองก็อยากจะทำความเข้าใจด้วยตัวเอง เราก็ควรเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาระดมไอเดียเพื่อแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง
ด้วยเหตุนี้ เมืองไทยประกันชีวิตจึงอยากชวนชาว Millennial มาช่วยกันแชร์ Pain Point และพัฒนาไอเดียในงาน Hackathon เพื่อให้ทุกคนช่วยพัฒนา InsurTech ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย
จากความสำคัญของ InsurTech ที่กล่าวมาทั้งหมด เมืองไทยประกันชีวิตจึงได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), Hubba Thailand และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงาน MTL Hackathon : Insurance 4 Millennial เพื่อเฟ้นหาและสนับสนุนไอเดียด้านเทคโนโลยีประกันภัยหรือ InsurTech ให้เกิดขึ้นเพื่อชาว Millennial ในประเทศไทย
งานนี้เปิดรับสมัครผู้สนใจหลากหลายสาขา ทั้งการเงิน ธุรกิจ นักออกแบบ UX หรือ UI ไปจนถึง Web Developer ที่มีไอเดียนำเสนอประกันภัยที่ตอบโจทย์คนกลุ่ม Millennial ทั้งด้าน Product, Channel และ Engagement ใครที่เสนอไอเดียโดนใจคณะกรรมการจะได้รับรางวัลดังต่อไปนี้
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับเมืองไทยประกันชีวิต ได้ร่วมพัฒนาโครงการในอนาคตกับ Fuchsia Innovation Centre และได้รับสนับสนุนโครงการจาก Fuchsia VC ด้วย
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดโครงการ โดยติดตามรายละเอียดการสมัครได้ที่ Facebook – MTL Hackathon: Insurance 4 Millennials ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2561
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด