การระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ประชาชนต้องปรับตัวกันถึงในระดับชีวิตประจำวัน แน่นอนว่าการที่ต้องหลีกเลี่ยงที่แออัดทำให้หลายองค์กรพิจารณาใช้มาตรการ Work from home กันมากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ “การออกแบบระบบเครือข่าย” ให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพใกล้เคียงกับที่สำนักงาน รวมถึงต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่จำเป็นของธุรกิจ อย่างความปลอดภัยของข้อมูล ความเร็วของเครือข่าย การจัดการการสื่อสาร และการดูแลพนักงาน จึงต้องถือว่ามาตรการ Work from home มีเรื่องที่องค์กรต้องเตรียมตัวไม่น้อยทีเดียว
ด้วยความซับซ้อนในส่วนของ ICT ที่องค์กรต้องลงมือทำ Techsauce จึงถือโอกาสพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้าน ICT Solution ขององค์กรธุรกิจอย่าง คุณยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล Chief Enterprise Business Office ของ AIS ถึงการเตรียมตัว Work from home ที่กิจการทั้งเล็กและใหญ่ต้องตระหนักก่อนส่งพนักงานกลับไปทำงานที่บ้าน
คุณยงสิทธิ์กล่าวว่า โดยทั่วไป องค์กรมีการติดตั้งระบบเครือข่าย ICT เพื่อการทำงานภายในสำนักงาน หรือ Intranet แยกออกจากการใช้งานที่มาจากภายนอกสำนักงาน หรือ Internet ซึ่งจะต้องมีระบบและกระบวนการรักษาความปลอดภัยของระบบและข้อมูลสำคัญขององค์กรเป็นพิเศษ
แต่เมื่อเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 พนักงานส่วนใหญ่ซึ่งเดิมทำงานผ่านระบบ Intranet ภายในสำนักงาน มีความจำเป็นต้องย้ายไปทำงานที่บ้านหรือ Work from home ในทันที โดยใช้เครือช่าย Internet จากที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นมือถือ 3G/ 4G/ 5G หรือ WiFi บรอดแบนด์แบบมีสาย ซึ่งมี 2 ประเด็นที่คำนึงคือ
เรื่องแรก ความเร็วที่มากพอเพื่อเข้าสู่ระบบข้อมูลขององค์กรจนทำงานได้เสมือนอยู่ที่สำนักงาน
และประเด็นที่ 2 คือ ระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบการเข้าใช้ระบบงานต่างๆ ขององค์กร พร้อมกับเข้ารหัสข้อมูลขององค์กร เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลดังกล่าวรั่วไหลระหว่างที่ส่งออกไปยังภายนอกสำนักงาน โดยเฉพาะ ข้อมูลสำคัญต่างๆ ตามข้อปฏิบัติของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Act)
คุณยงสิทธิ์ให้คำแนะนำเป็น 2 ส่วน เริ่มที่ส่วนองค์กร ต้องเตรียมโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านการเชื่อมต่อเครือข่ายภายนอก และระบบ ICT ภายในต่างๆ อาทิ การเพิ่มขนาด internet bandwidth และขยายระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย เพื่อรองรับปริมาณการเชื่อมต่อจากอุปกรณ์ของพนักงานจำนวนมากที่วิ่งเข้ามายังองค์กรได้อย่างไม่ติดขัด
ในส่วนของพนักงาน คุณยงสิทธิ์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า สำหรับพนักงานเมื่อทำงานจากภายนอกสำนักงานแบบ Remote working สิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ การปกป้องความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากการใช้งานเครือข่าย internet มีความเสี่ยงจาก cyber threat มากกว่าเครือข่าย intranet ในสำนักงาน ดังนั้นจึงต้องพยายามใช้งานด้วยความระมัดระวัง เช่น การไม่บันทึก หรือแชร์ข้อมูลบนช่องทางหรือแอปพลิเคชันที่ไม่ได้รับอนุญาตจากองค์กร รวมถึงควรใช้อุปกรณ์และเครื่องมือที่องค์กรได้กำหนดและตั้งค่าการรักษาความปลอดภัยไว้แล้ว
คุณยงสิทธิ์ชี้แจงว่า AIS มีทั้งมาตรการการดูแลและการบริการพิเศษในช่วงการระบาดเป็นการเฉพาะ เริ่มที่มาตรการดูแลโครงข่ายในช่วงสถานการณ์พิเศษ มีการตรวจสอบและขยายเครือข่ายทั้งในและระหว่างประเทศ ให้เพียงพอต่อการใช้งานของลูกค้าจำนวนมากที่ทำงานจากที่บ้าน รวมถึงเครือข่ายที่เชื่อมต่อโดยตรง (Express Route) กับผู้ให้บริการ Public Cloud ต่างๆ เช่น Microsoft Azure, AWS เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรต่างๆ และภาคธุรกิจไทยจะสามารถทำงานกับข้อมูลบน Cloud เหล่านั้นได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังคงรักษามาตรการดูแลลูกค้าหลังการขายให้ได้รับความสะดวกและประสบการณ์การใช้บริการต่างๆ ที่ดีเทียบเท่าในสถานการณ์ปกติด้วย ตั้งแต่งานจดทะเบียนซื้อแพ็กเกจ จัดส่งซิมการ์ดใหม่ ทีมงานติดตั้งและดูแลพร้อมให้คำปรึกษาด้านเทคนิค รวมถึงช่องทาง online ที่สามารถทำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง และเราได้เปิดช่องทางชำระค่าบริการ online สำหรับลูกค้าองค์กร เพื่อความสะดวกในการดำเนินการในช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน
และสำหรับการทำงานของพนักงานที่ต้องใช้งาน internet บนมือถือเพื่อการทำงานนอกสำนักงาน ทาง AIS Business มีแพ็กเกจ on-top หลากหลายทั้งค่าเน็ต และค่าโทร องค์กรสามารถเลือกสมัครให้เบอร์มือถือ AIS ที่จดทะเบียนในนามองค์กร เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างไม่ติดขัด หรือในกรณีเบอร์มือถือ AIS ที่จดทะเบียนในนามพนักงานเอง AIS Business ก็มีระบบที่ช่วยให้องค์กรสามารถส่งแพ็กเกจ on-top เหล่านี้ไปให้เบอร์พนักงานได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมี campaign อื่นๆ เช่น SME ยิ้มสู้ ที่นอกจากการใช้งาน internet แล้ว ยังช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการให้มีเครื่องมือในการทำการตลาด online ในยุคที่ธุรกิจกำลังปรับตัว รวมถึง Solution สำหรับการวางโครงข่ายและระบบ ICT เพื่อการดำเนินธุรกิจที่ต่อเนื่องขององค์กรด้วย
ทั้งนี้ บริการที่ AIS เตรียมไว้ให้กับองค์กรและพนักงานเพื่อ Work from home มีทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่
เพื่อให้พนักงานสามารถเข้าทำงานจากภายนอกหรือสำนักงานรองได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย องค์กรควรปรับปรุงระบบเครือข่ายให้รองรับรูปแบบที่เปลี่ยนไปและสามารถควบคุมได้เหมือนกับที่ใช้ในสำนักงาน ซึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงก็มีทั้งช่องทางที่เหมาะสม การควบคุมสิทธิ์การใช้งาน ความปลอดภัยสำหรับการสื่อสารข้อมูล และยังต้องคำนึงถึงปริมาณ Bandwidth ของเครือข่ายทั้ง Internet และ Intranet โดย Solution ที่ AIS มีพร้อมได้แก่ Virtual Desktop Infrastructure (VDI) ที่ให้ประสบการณ์ใช้งานไม่ต่างจากการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ของสำนักงาน, VPN Link ควบคุมการเชื่อมต่อเครือข่ายได้อย่างปลอดภัย และ Corporate Internet Bandwidth on Demand ปรับความเร็วการใช้งานเครือข่ายได้ตามต้องการ
หลายองค์กรอาจไม่สามารถเปิดสำนักงานหลักได้ในเวลานี้ การเปิดสำนักงานรองที่รองรับงานธุรกรรมบางอย่างเป็นการเฉพาะก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง และด้วยเหตุนี้ เครือข่ายสำหรับสำนักงานรองจึงจำเป็นเพื่อให้การทำงานต่างๆ เป็นอย่างราบรื่น โดย AIS มีบริการทั้ง Unified Communication (UC) เชื่อมโยงอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ทั้งโทรศัพท์พื้นฐาน (Fixed) และโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยแอปพลิเคชันได้อย่างไร้รอยต่อ, 4G Wi-Fi Phone โซลูชันสำหรับสำนักงานขนาดเล็กที่ต้องการใช้งาน Internet และโทรศัพท์ตั้งโต๊ะด้วยสัญญาระยะสั้นกับราคาพิเศษเพื่อรับมือ COVID-19 โดยติดตั้งอุปกรณ์เดียวเชื่อมต่อ 4G แบบไม่ต้องใช้สาย ไปจนถึงอุปกรณ์สำหรับ Conference Call ทั้งสามารถใช้งาน 1-4 คน ไปจนถึงระบบชุดใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งห้องทำงาน
เพื่อสนับสนุนการทำงานของพนักงานที่มีประสิทธิภาพ AIS ยังมีแพคเกจอินเทอร์เน็ตทั้งบนโทรศัพท์มือถือ และ Home Broadband พร้อมโปรแกรมสำนักงานให้เลือกใช้บริการสำหรับการ Work from Home ไม่ว่าจะเป็น 5G/4G Fixed Wireless Access ใช้เครือข่าย 5G/4G ให้บ้านให้เป็นโฮมออฟฟิศด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง, Package On-Top สำหรับใช้งานแอปฯ ที่จำเป็นจาก Microsoft และ ZOOM ในราคาพิเศษ กับ Package เพิ่มความเร็ว AIS Fiber และ Office Anywhere ชุดแอปพลิเคชันพื้นฐานสำหรับการทำงานนอกสถานที่ของพนักงาน
สำหรับองค์กรที่มีการโทรศัพท์ติดต่องานในต่างประเทศ ยังมีแพ็กเกจที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายอย่าง IDD Packages ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร สำหรับพนักงานที่ต้องโทรติดต่อหมายเลขปลายทางต่างประเทศ โดยเลือกกด Prefix 003 เพื่อคุณภาพเสียงชัดและประหยัดกว่า ในแพ็กเกจราคาพิเศษที่ประหยัดกว่าปกติ 87 เปอร์เซ็นต์
ลูกค้าองค์กรที่สนใจสมัครใช้บริการ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ AIS Business ที่ดูแลองค์กรของท่าน หรือศึกษารายละเอียดของบริการต่างๆ และสมัครหรือแจ้งความต้องการผ่านเว็บ ได้ที่ https://business.ais.co.th/workingfromhome
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด