
คิดว่าทุกวันนี้การจ่ายเงินมันง่ายและเปลี่ยนไปจากเดิมมากแค่ไหน ?
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา Tessa Wijaya ผู้บริหารจาก Xendit Thailand ได้มาเล่าให้ฟังว่าเบื้องหลังความง่ายนี้มีอะไรซ่อนอยู่ และอนาคตของการเงินใน SEA จะเป็นอย่างไรต่อไปผ่านหัวข้อ Empowering Businesses and Transforming Payments Across Southeast Asia ในงาน Techsauce Global Summit 2025
มุมมองของคุณ Tessa Wijaya มองว่าการจ่ายเงินไม่ใช่แค่เรื่องหลังบ้านอีกต่อไป แต่มันคือเครื่องมือสำคัญที่ทำให้ธุรกิจโตขึ้นได้จริง ๆ
Tessa Wijaya บอกว่าสิ่งที่เจ๋งที่สุดใน SEA ตอนนี้คือการที่ “คนไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถซื้อของออนไลน์ได้ทันที”
ในหลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่เคยมีบัญชีธนาคารมาก่อน แต่การมาของการโอนเงินผ่านมือถือ, e-wallet และโดยเฉพาะ QR Code กลายเป็นเหมือนการเปลี่ยนแปลงแบบเงียบๆ ที่ช่วยให้คนเข้าถึงบริการทางการเงินและโลกดิจิทัลได้ง่ายขึ้น
โดยเฉพาะในไทยจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดมาก ทุกวันนี้คนไทยสแกน QR จ่ายเงินกันมากถึง 73 ล้านครั้งต่อวัน! ตัวเลขนี้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมหาศาล Tessa Wijaya ยังเล่าว่าในปี 2020 การจ่ายเงินด้วย QR Code ในอาเซียนยังแทบไม่มีเลย แต่ภายในปี 2025 คาดว่าการจ่ายเงินด้วย QR Code จะเพิ่มขึ้นจนกลายเป็น 22% ของยอดการชำระเงินทั้งหมด จากที่เคยแทบไม่มีการใช้งานมาก่อน จนกลายเป็นหนึ่งในช่องทางหลักได้ในเวลาไม่กี่ปี
Tessa เล่าเรื่องหนึ่งพร้อมโชว์ภาพคน 7 คนกำลังกำลังทุลักทุเลช่วยกันเปลี่ยนหลอดไฟ เธอบอกว่า “นี่แหละคือภาพของ SEA เมื่อก่อนพอไม่มีเครื่องมือหรือระบบที่ดีก็ต้องแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้า”
แต่วันนี้เรามีเทคโนโลยีที่พร้อมมากขึ้นแล้ว ทำให้ความฝันของ Xendit อยากเป็นเหมือนโครงสร้างพื้นฐานหรือถนนเส้นหลักที่แข็งแรง เพื่อให้ธุรกิจวิ่งได้ฉิวในโลกดิจิทัล โดยไม่ต้องเสียเวลาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือกับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อีกต่อไป
ในประเทศไทยจ่ายเงินกันง่ายแล้ว แต่พอจะโอนเงินหรือจ่ายเงินข้ามประเทศปุ๊บ ความยุ่งยากก็กลับมาทันที
Tessa ยกตัวอย่างตัวเองว่า "ฉันเป็นคนอินโดฯ เวลามาเที่ยวไทย ก็อยากสแกน QR จ่ายค่าส้มตำได้เลย โดยไม่ต้องแลกเงินหรือมีบัญชีธนาคารไทย" ซึ่งตอนนี้เริ่มทำได้แล้ว แต่ยังไม่ครอบคลุมทั่วทั้งอาเซียน
Xendit ตั้งเป้าว่าการโอนเงินไปต่างประเทศควรจะง่ายและเร็วพอๆ กับการส่งข้อความหาเพื่อน โดยไม่ต้องรอข้ามวันเหมือนที่ผ่านมา นี่คือสิ่งที่พวกเขากำลังพัฒนาอยู่
แล้วมันช่วยธุรกิจได้อย่างไร? Tessa เล่าว่ ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือเว็บไซต์จองตั๋วและโรงแรมอย่าง ticket.com ที่เมื่อเริ่มใช้ระบบของ Xendit ก็สามารถรับเงินจากลูกค้าได้สะดวกขึ้นมากและนั่นทำให้ยอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นถึง 17 เท่าเลยทีเดียว
ในธุรกิจเกมหรือสตรีมมิงก็เหมือนกัน ระบบรับจ่ายเงินที่เสถียรช่วยลดปัญหาในการชำระเงิน ทำให้ลูกค้าชำระเงินสำเร็จมากกว่า 95% ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อรายได้ของธุรกิจ เพราะอย่างที่เธอบอกไว้ตรง ๆ ว่า “ถ้าธุรกิจรับเงินไม่ได้ ก็ไม่มีรายได้” การจ่ายเงินจึงไม่ใช่แค่เรื่องหลังบ้าน แต่คือหัวใจสำคัญของการเติบโต
เธอยังพูดถึงประเทศไทย โดยมองว่าเรามีหลายปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโตของฟินเทค ทั้งภาครัฐที่เปิดกว้างและพร้อมรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ คนไทยที่คุ้นเคยกับการใช้ระบบอย่าง PromptPay อยู่แล้วและตลาดที่ยังเปิดกว้างสำหรับนวัตกรรมใหม่ ๆ จากฟินเทครุ่นใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น
สำหรับธนาคารเธอเชื่อว่าควรเปิดใจทำงานร่วมกับฟินเทคให้มากขึ้น เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าได้เร็วกว่าเดิมกับนักลงทุน เธอมองว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินในภูมิภาคนี้ยังมีโอกาสอีกมากและน่าลงทุน สำหรับบริษัทต่างชาติ ถ้าคิดจะเข้ามาทำธุรกิจในอาเซียน ต้องเข้าใจบริบทที่นี่ว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้บัตรเครดิตเป็นหลัก ต้องออกแบบบริการให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้ใช้จริงและกับภาครัฐ เธอหวังว่าจะยังคงเปิดรับไอเดียใหม่ ๆ จากฟินเทค เพื่อช่วยผลักดันการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้จริง
เป้าหมายใหญ่สุดท้ายคือ 'การเชื่อมทั้ง SEA ให้เป็นหนึ่งเดียวในเรื่องการจ่ายเงิน จนคนไม่รู้สึกอีกต่อไปว่านี่คือการจ่ายเงินข้ามประเทศ'
นอกจากนี้ Tessa Wijaya ยังทิ้งท้ายว่าถึงเวลาแล้วที่อาเซียนจะเลิกเป็นแค่ผู้ตาม และลุกขึ้นมาเป็นผู้นำในวงการฟินเทคโลก
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด