ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเปลี่ยนไป การแข่งขันไม่ได้วัดกันแค่สมรรถนะหรือรูปลักษณ์ภายนอก แต่กำลังขับเคี่ยวกันด้วย ‘ซอฟต์แวร์’ และ ‘เทคโนโลยี’ มากขึ้น การมาถึงของ XPENG (เอ็กซ์เผิง) แบรนด์ EV ระดับพรีเมียม-เทคจากจีนเมื่อราวหนึ่งปีที่แล้ว จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง ไม่ใช่แค่ในฐานะผู้เล่นรายใหม่ แต่ในฐานะตัวแทนของคลื่นเทคโนโลยี AI ที่กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมยานยนต์
การเดินทางของ XPENG ในประเทศไทยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เผยให้เห็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจนั่นก็คือ การพยายามผสาน ‘เทคโนโลยีระดับโลก’ ที่พัฒนาขึ้นกับ ‘ความเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง’ ผ่านพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง MGC-ASIA
แต่ในสมรภูมิที่ไม่ง่ายนี้ พวกเขาวางแผนไว้อย่างไรเพื่อแข่งขันกับ EV แบรนด์อื่นๆ ในตลาด ?
ประเทศไทยคือตลาดที่สำคัญมากสำหรับ XPENG
James Wu รองประธานของ XPENG Motors อธิบายจุดยืนว่า หลังจากที่บริษัทได้เข้าไปบุกยุโรป ก็ถึงคราวบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยให้ความสำคัญของภูมิภาคนี้เป็นอันดับที่สอง โดยมี ‘ไทย’ เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้
แต่การจะปักธงในสมรภูมิ EV ไทยที่ร้อนแรง จำเป็นต้องมีพันธมิตรที่เข้าใจสภาพตลาดและศักยภาพของแบรนด์อย่างถ่องแท้ ซึ่ง XPENG ก็ได้ MGC-ASIA มาเป็นพันธมิตรคนสำคัญ ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
คุณณัฏฐ์ ปฏิภานธาดา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการบริหารแบรนด์ XPENG Thailand มองความร่วมมือกับ XPENG ว่าเป็นจุดบรรจบของสองกลยุทธ์ที่สอดคล้องกัน — MGC-ASIA ในฐานะผู้นำธุรกิจยานยนต์ครบวงจรมากว่า 25 ปี ซึ่งดูแลแบรนด์ลักชัวรี่ระดับโลกอย่าง Rolls-Royce, Aston Martin, Maserati, BMW และ Honda ต้องการขยายพอร์ตสู่อนาคตด้วยแบรนด์ EV ระดับพรีเมียมจากจีนที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าและวิสัยทัศน์ระดับโลกอย่าง XPENG
คำถามต่อมาคือ แล้ว XPENG จะแข่งขันกับแบรนด์ EV ที่เข้ามาทำตลาดในไทยก่อนหน้านี้ได้อย่างไร ? และอะไรคือสิ่งที่จะช่วยให้พวกเขาแตกต่าง ?
คุณณัฏฐ์ เล่าว่า การจะแจ้งเกิดในตลาดที่มีทั้งผู้เล่นรายหลัก และคู่แข่งหน้าใหม่มากมาย XPENG ประเทศไทย จะใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า 3T คือ Technology, Touch และ Trust
“เทคโนโลยีคือหัวใจหลักของ XPENG" — คุณณัฏฐ์ กล่าวถึงจุดแข็งของแบรนด์ว่า XPENG มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากรถยนต์ไฟฟ้า และต่อยอดด้วย AI สู่ระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Driving) รวมถึงระบบสื่อสารอัจฉริยะภายในห้องโดยสาร ที่สามารถเรียนรู้และโต้ตอบกับผู้ใช้งานด้วยภาษาธรรมชาติได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้
ด้วยจุดแข็งด้านเทคโนโลยี และการพัฒนาแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ (Full-stack Vertical R&D) XPENG จึงก้าวขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่ม Non-Legacy EV Brands หรือแบรนด์ที่ถือกำเนิดมาเพื่อสร้างรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่แรก
สิ่งที่เห็นได้ชัดคือการพัฒนา Turing Chip ชิป AI อันทรงพลังสำหรับติดตั้งบนทุกๆ ผลิตภัณฑ์ที่ XPENG มีทั้งรถยนต์บนท้องถนน รถบินได้ ไปจนถึงหุ่นยนต์ Iron โดยการทำชิปขึ้นมาเองจะช่วยให้ XPENG สามารถปรับแต่งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การบริการลูกค้า และการดูแลลูกค้าของ XPENG เน้นไปที่การสร้าง ‘ประสบการณ์ระดับพรีเมียม’ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของ MGC-ASIA ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูแลลูกค้าระดับบน โดยจะนำมาตรฐานการดูแลลูกค้าในแบรนด์ลักชัวรี่มาใช้กับลูกค้า XPENG เพื่อสร้างความแตกต่างจากแบรนด์ EV อื่นๆ ในตลาด
ความไว้วางใจนับว่าเป็นโจทย์ใหญ่ที่สุดสำหรับแบรนด์จีนในตลาดไทย คุณณัฏฐ์ ยอมรับว่า ในอดีตที่ผ่านมา ผู้บริโภคหลายคนในประเทศไทยอาจจะมีความกังวลในเรื่องของแบรนด์จากประเทศจีน เรื่องนี้ถือเป็นการบ้านใหญ่ของ MGC-ASIA ที่ต้องคลายความกังวลนี้อย่างเร่งด่วน
แม้ว่า XPENG จะเริ่มทำตลาดในประเทศไทยได้เพียง 1 ปี แต่สามารถขยายเครือข่ายโชว์รูมได้แล้วกว่า 13 แห่ง และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับมาตรฐานการบริการให้ทันสมัย ครบครันด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งคลังอะไหล่ขนาดใหญ่ (Parts Center) เพื่อรองรับการให้บริการด้านอะไหล่อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับลูกค้า
เรากำลังมองข้ามช็อตของการเป็นแค่ EV ไปแล้ว
คุณณัฏฐ์ อธิบายว่า การแข่งขันของรถยนต์ในยุคใหม่ จะไม่ได้วัดกันแค่ในเรื่องฮาร์ดแวร์อีกต่อไป สิ่งสำคัญคือ ‘ซอฟต์แวร์’ ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง XPENG ก็เน้นเรื่องนี้เป็นพิเศษ โดยรถของ XPENG ในวันนี้ และอนาคต จะมีความฉลาดมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลาผ่านการอัปเดตแบบ OTA (Over-The-Air)
โดย XPENG มีแผนที่จะอัปเดตซอฟต์แวร์ทุกไตรมาสสำหรับตลาดประเทศไทย โดยอ้างอิงจากความคิดเห็นของผู้ใช้งาน และข้อมูลพฤติกรรมการใช้รถจริง เพื่อพัฒนาและปรับปรุงฟีเจอร์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้ได้ฟีเจอร์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาโดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
ยกตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ฟีเจอร์ Sentry Mode ในรุ่น G6 ที่ตอนแรกยังไม่มีในไทย แต่ด้วยฮาร์ดแวร์ที่รองรับ XPENG จึงสามารถปล่อยอัปเดตให้ผู้ใช้งานได้ในภายหลัง เหมือนการอัปเดตสมาร์ทโฟน
จริงๆ แล้ว XPENG ไม่ใช่แค่ Car Company เราเป็น AI Mobility Company
- คุณณัฏฐ์ สรุปถึงตัวตนของ XPENG ในปัจจุบัน
แม้วิสัยทัศน์ระดับโลกอย่าง ‘AI Mobility’ ที่ XPENG กำลังก้าวไป ทั้งรถบินได้ และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ อาจดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับตลาดไทยในวันนี้ แต่นี่คือสิ่งที่สะท้อนว่า เทคโนโลยีต่างๆ ที่ XPENG ทุ่มเทอยู่นั้น กำลังถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ในรถยนต์ที่เราขับขี่กันอยู่จริง นี่คือหนึ่งในตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงยุคที่รถยนต์ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แม้หลังออกจากโชว์รูม แต่จะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ และมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ขับขี่อย่างต่อเนื่อง
การเข้ามาของ XPENG ในประเทศไทย จึงเป็นมากกว่าแค่การเพิ่มแบรนด์ EV อีกหนึ่งราย แต่มันคือการเข้ามาของผู้เล่นที่มีเทคโนโลยีที่พัฒนาเอง มีวิสัยทัศน์ที่มองไปไกลกว่าแค่การผลิตรถยนต์ และเลือกที่จะจับมือกับพันธมิตรท้องถิ่นที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีระดับโลก และความเข้าใจในตลาดไทย ภายใต้กลยุทธ์ 3T จะสามารถนำพา XPENG ไปสู่ความสำเร็จในสมรภูมิที่ท้าทายนี้ได้หรือไม่ เป็นเรื่องราวที่ต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด เพราะนี่อาจเป็นภาพสะท้อนอนาคตของการเดินทางในประเทศไทย ที่กำลังจะเปลี่ยนไปอย่างที่เราคาดไม่ถึง
"ภาพที่เราเห็นโลกในอนาคต กําลังจะเกิดขึ้นจริง XPENG ทําให้เราได้เห็นว่า ภาพนั้นกําลังเข้าใกล้เรามากขึ้นทุกขณะ" คุณณัฏฐ์ กล่าวทิ้งท้าย
—------------------------------------------------
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด