
Techsauce รวบรวม 7 ภาพยนตร์และซีรีส์ชั้นเยี่ยมที่จะพาคุณดำดิ่งสู่แก่นแท้ของวงการไอที ตั้งแต่ยุคบุกเบิกจนถึงสมรภูมิสตาร์ทอัพในปัจจุบัน ไม่ว่าคุณจะเป็น Developer, Founder, Marketer หรือเพียงผู้ที่สนใจเทคโนโลยี นี่คือลิสต์ที่คุณต้องดู!

เรื่องย่อ
ภาพยนตร์ดราม่าชีวประวัติที่เล่าเรื่องราวของ อลัน ทัวริง (Alan Turing) นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะชาวอังกฤษและทีมของเขาที่ Bletchley Park ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กับภารกิจสุดหินในการถอดรหัสเครื่อง "อีนิกมา" (Enigma) ของกองทัพนาซีเยอรมัน ซึ่งความสำเร็จของภารกิจนี้ได้ช่วยร่นระยะเวลาของสงครามและรักษาชีวิตผู้คนนับล้าน ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันและความลับส่วนตัวที่อาจทำลายทุกสิ่ง
แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง
"อีนิกมา" คือเครื่องเข้ารหัสที่กองทัพนาซีเชื่อว่าไม่มีใครสามารถถอดรหัสได้ ทำให้การสื่อสารของพวกเขามีความปลอดภัยสูงสุด รัฐบาลอังกฤษได้ระดมสุดยอดนักคิดแห่งยุคมาที่ Bletchley Park เพื่อทำภารกิจลับสุดยอดนี้ อลัน ทัวริง คือหัวใจสำคัญของโครงการ เขาได้ออกแบบเครื่อง "Bombe" ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์เชิงกลไฟฟ้าเครื่องแรกๆ ของโลก เพื่อทดลองความเป็นไปได้ต่างๆ และถอดรหัสอีนิกมาได้สำเร็จ ถือเป็นจุดกำเนิดของแนวคิดด้านคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างไรก็ตาม เรื่องราวชีวิตของทัวริงกลับน่าเศร้า หลังจากสงคราม เขาถูกดำเนินคดีในข้อหามีพฤติกรรมรักร่วมเพศซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายในอังกฤษยุคนั้น และเสียชีวิตอย่างน่าสลดในเวลาต่อมา
ทำไมถึงควรดู
นี่ไม่ใช่แค่หนังสงคราม แต่เป็นภาพสะท้อน "ต้นกำเนิด" ของศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่แท้จริง มันแสดงให้เห็นว่าภายใต้ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ คือการต่อสู้ของมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับอคติของสังคม หนังเรื่องนี้ตั้งคำถามสำคัญว่า "นวัตกรรม" มักมาจากคนที่คิดต่าง และสังคมพร้อมจะยอมรับคนเหล่านั้นหรือไม่? การดูเรื่องนี้เปรียบเสมือนการคารวะ "บิดาแห่งวิทยาการคอมพิวเตอร์" ผู้ซึ่งทฤษฎีและแนวคิดของเขายังคงเป็นรากฐานของทุกสิ่งที่เราทำในวันนี้

เรื่องย่อ
ภาพยนตร์ดราม่าสุดเข้มข้นจากฝีมือกำกับของเดวิด ฟินเชอร์ และบทภาพยนตร์ของแอรอน ซอร์คิน ที่บอกเล่าเรื่องราวการก่อตั้ง Facebook ของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ตั้งแต่การเป็นนักศึกษาหนุ่มอัจฉริยะแต่เข้าสังคมไม่เก่งในฮาร์วาร์ด การสร้างเว็บไซต์ Facemash ที่เกือบทำให้เขาถูกไล่ออก ไปจนถึงการสร้าง Thefacebook.com ที่นำไปสู่การฟ้องร้องครั้งประวัติศาสตร์กับพี่น้อง Winklevoss และเพื่อนสนิทอย่าง Eduardo Saverin
แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง
หนังอ้างอิงจากหนังสือ "The Accidental Billionaires" ของ Ben Mezrich ซึ่งเล่าเรื่องราวเบื้องหลังการสร้าง Facebook ที่เต็มไปด้วยการหักหลังและการชิงดีชิงเด่น แม้ซักเคอร์เบิร์กจะออกมากล่าวว่าหนังมีความเป็น "นิยาย" สูง แต่เหตุการณ์หลักๆ เช่น การฟ้องร้องของฝาแฝด Winklevoss ที่กล่าวหาว่าซักเคอร์เบิร์กขโมยไอเดีย และความขัดแย้งกับ Eduardo Saverin ที่ถูกบีบออกจากบริษัท ล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง หนังจับประเด็นความขัดแย้งระหว่าง "อัจฉริยภาพในการสร้างผลิตภัณฑ์" กับ "ความสามารถในการเข้าสังคมและรักษาความสัมพันธ์" ของซักเคอร์เบิร์กได้อย่างน่าสนใจ
ทำไมถึงควรดู
"You don't get to 500 million friends without making a few enemies." ประโยคโปรโมทของหนังได้สรุปทุกอย่างไว้แล้ว นี่คือหนังที่วิเคราะห์ "จิตวิทยา" ของ Founder ได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต้องแลกมากับอะไรบ้าง บทสนทนาที่คมคายและรวดเร็วราวกับปืนกลคือลายเซ็นของแอรอน ซอร์คิน ที่ทำให้เรื่องราวทางเทคโนโลยีกลายเป็นดราม่าชั้นเยี่ยม มันไม่ใช่แค่หนังเกี่ยวกับ Facebook แต่มันคือหนังเกี่ยวกับความทะเยอทะยาน มิตรภาพ และการทรยศหักหลังในยุคดิจิทัล

เรื่องย่อ
ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวการขึ้นถึงจุดสูงสุด และ ร่วงลงมา (Rise and Fall) ของ BlackBerry สมาร์ทโฟนที่เคยครองโลก ผ่านสายตาของผู้ก่อตั้ง Mike Lazaridis อัจฉริยะด้านวิศวกรรมผู้เงียบขรึม และ Jim Balsillie นักธุรกิจสุดแสบผู้ผลักดันบริษัทสู่ความสำเร็จระดับโลก ก่อนที่การมาถึงของ iPhone จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งไปตลอดกาล
แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง
BlackBerry (เดิมชื่อ Research in Motion - RIM) คือผู้บุกเบิกสมาร์ทโฟนอย่างแท้จริง ด้วยคีย์บอร์ด QWERTY ที่เป็นเอกลักษณ์และบริการอีเมลแบบ Push Mail ที่ปลอดภัย ทำให้มันกลายเป็นอุปกรณ์คู่กายของนักธุรกิจและผู้บริหารทั่วโลก แต่ความสำเร็จนั้นทำให้พวกเขาชะล่าใจ เมื่อ Apple เปิดตัว iPhone ในปี 2007 ผู้บริหารของ BlackBerry กลับมองว่ามันเป็นเพียงของเล่นที่ไม่สามารถตอบโจทย์ภาคธุรกิจได้ พวกเขายึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ และปรับตัวไม่ทันต่อกระแสของจอสัมผัสและ App Store จนสุดท้ายก็ต้องสูญเสียบัลลังก์ไปอย่างน่าเสียดาย
ทำไมถึงควรดู
นี่คือบทเรียนเรื่อง "Disruption" ที่เจ็บปวดเรื่องหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าต่อให้คุณเป็นผู้นำตลาดที่แข็งแกร่งแค่ไหน แต่ถ้าคุณหยุดนิ่งและไม่รับฟังเสียงของผู้บริโภค คุณก็พร้อมจะถูกโค่นได้เสมอ หนังเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ชั้นดีสำหรับองค์กรใหญ่ (Corporate) ที่ต้องต่อสู้กับนวัตกรรมใหม่ๆ มันคือ "Innovator's Dilemma" ฉบับภาพยนตร์ที่ทุกคนในโลกธุรกิจและเทคโนโลยีต้องดูเพื่อเตือนใจ

Jobs (2013)
นำแสดงโดย Ashton Kutcher พยายามเล่าเรื่องราวชีวิตของสตีฟ จ็อบส์ ตั้งแต่ยุคฮิปปี้ การก่อตั้ง Apple การถูกขับออกจากบริษัทที่ตัวเองสร้าง และการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกับ iMac

Steve Jobs (2015)
นำแสดงโดย Michael Fassbender และเขียนบทโดย Aaron Sorkin (คนเดียวกับ The Social Network) เลือกเล่าเรื่องราวผ่านเหตุการณ์หลังเวทีของ 3 งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำคัญ คือ Macintosh (1984), NeXT Computer (1988), และ iMac (1998)
แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง
ทั้งสองเรื่องสร้างจากชีวประวัติของสตีฟ จ็อบส์ แต่มีวิธีการเล่าที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง "Jobs" พยายามเล่าแบบเส้นตรงตามลำดับเวลา ทำให้ได้ภาพรวมชีวิตของจ็อบส์ที่กว้างแต่ไม่ลึก ในขณะที่ "Steve Jobs" ใช้โครงสร้างแบบละครเวที 3 องก์ เพื่อเจาะลึกลงไปใน "ตัวตน" ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับลูกสาว (ลิซา เบรนแนน-จ็อบส์), สตีฟ วอซเนียก และจอห์น สกัลลีย์ CEO ที่เคยขับเขาออกจาก Apple
ทำไมถึงควรดู

เรื่องย่อ
สารคดีระทึกขวัญที่เกิดขึ้นจริงแบบเรียลไทม์ ผู้กำกับ Laura Poitras และนักข่าว Glenn Greenwald เดินทางไปฮ่องกงเพื่อพบกับแหล่งข่าวลึกลับที่ใช้นามแฝงว่า "Citizenfour" ซึ่งต่อมาเปิดเผยตัวตนว่าเป็น Edward Snowden
แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง
นี่ไม่ใช่ "การจำลองเหตุการณ์" แต่มันคือ "ฟุตเทจจริง" ของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ Snowden กำลังเปิดโปงโครงการสอดแนมประชาชนทั่วโลกของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อหน้านักข่าวในห้องโรงแรมที่ฮ่องกง
ทำไมถึงควรดู
คุณจะได้สัมผัสความรู้สึกของการเป็น "Whistleblower" อย่างใกล้ชิดที่สุด มันคือความระทึกที่หนังเรื่องไหนก็สร้างไม่ได้เพราะมันคือของจริง และเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสื่อสารมวลชนในการตรวจสอบอำนาจรัฐในยุคดิจิทัล

เรื่องย่อ
ซีรีส์ที่ตีแผ่เรื่องราวของ Elizabeth Holmes และสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพของเธอ Theranos ที่เคยมีมูลค่ากว่า 9 พันล้านดอลลาร์ จากคำสัญญาว่าจะปฏิวัติวงการตรวจเลือดด้วยเครื่อง "Edison" ที่ใช้เลือดเพียงไม่กี่หยด แต่ทั้งหมดกลับกลายเป็นเรื่องหลอกลวงครั้งประวัติศาสตร์
แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง
สร้างจากพอดแคสต์ชื่อเดียวกัน ซีรีส์เจาะลึกเรื่องราวของ Elizabeth Holmes ตั้งแต่การลาออกจากสแตนฟอร์ดเพื่อมาสร้างบริษัท เธอใช้เสน่ห์และความสามารถในการเล่าเรื่อที่น่าทึ่งในการระดมทุนจากนักลงทุนระดับตำนานมากมาย โดยที่เทคโนโลยีของเธอยังไม่สามารถใช้งานได้จริง เรื่องราวทั้งหมดถูกเปิดโปงโดยการสืบสวนของนักข่าว John Carreyrou จาก The Wall Street Journal นำไปสู่การล่มสลายของ Theranos และการดำเนินคดีกับ Holmes ในข้อหาฉ้อโกง
ทำไมถึงควรดู
นี่คือการชำแหละวัฒนธรรม "Fake it 'til you make it" ของซิลิคอนวัลเลย์ได้อย่างถึงแก่น แสดงให้เห็นว่าเส้นแบ่งบางๆ ระหว่าง "วิสัยทัศน์" กับ "การหลอกลวง" นั้นอยู่ตรงไหน ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นจิตวิทยาระทึกขวัญที่สำรวจความทะเยอทะยาน ความหลงตัวเอง และพลังของการสร้างเรื่องเล่าที่ทรงพลังจนสามารถปิดตาคนทั้งโลกได้

เรื่องย่อ
ติดตามเรื่องราวความรุ่งโรจน์และล่มสลายของ WeWork และคู่รักผู้ก่อตั้งสุดเพี้ยน Adam และ Rebekah Neumann ที่เปลี่ยนบริษัทให้เช่าออฟฟิศธรรมดาๆ ให้กลายเป็น "บริษัทเทคโนโลยี" ที่มีมูลค่าสูงถึง 47,000 ล้านดอลลาร์ ด้วยพลังแห่งการสร้างแบรนด์และวิสัยทัศน์ที่เหมือนลัทธิ ก่อนที่ทุกอย่างจะพังครืนลงเมื่อความจริงถูกเปิดเผย
แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง
WeWork คือสัญลักษณ์ของยุคฟองสบู่สตาร์ทอัพในช่วงปี 2010s Adam Neumann ใช้คาริสม่าและความสามารถในการขายฝัน ทำให้ SoftBank และนักลงทุนรายอื่นๆ ทุ่มเงินมหาศาลให้กับบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจแบบอสังหาริมทรัพย์ แต่กลับถูกประเมินมูลค่าเยี่ยงบริษัทเทคฯ ซีรีส์ติดตามเหตุการณ์จริงตั้งแต่การเติบโตที่น่าเหลือเชื่อ พฤติกรรมที่แปลกประหลาดของผู้ก่อตั้ง การใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย ไปจนถึงความพยายามนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า ซึ่งเป็นตัวการที่กระชากหน้ากากความไม่มั่นคงทางการเงินของบริษัทออกมา
ทำไมถึงควรดู
เป็นบทวิจารณ์ต่อ "ความบ้าคลั่งในการประเมินมูลค่า" (Valuation Craze) ของวงการสตาร์ทอัพ ซีรีส์ตั้งคำถามว่า "มูลค่า" ที่แท้จริงของบริษัทมาจากไหน? มาจากพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง หรือมาจากเรื่องเล่าที่ Founder ขายฝัน? เป็นภาพสะท้อนที่สมบูรณ์แบบของยุคสมัยที่เงินทุนหาง่ายและเรื่องเล่าสำคัญกว่าความเป็นจริง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด