เจาะลึกยุทธศาสตร์ไซเบอร์สิงคโปร์ สนทนาพิเศษกับ David Koh ว่าด้วยอนาคตในยุคควอนตัม, AI เติบโต และความท้าทายที่เรียกว่า ‘มนุษย์’

ท่ามกลางบรรยากาศการประชุมระดับโลกที่คึกคักภายในงาน Singapore International Cyber Week (SICW) 2025 ซึ่งได้ตอกย้ำสถานะของตนในฐานะหนึ่งในสองการประชุมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่สำคัญที่สุดของโลก Techsauce ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมวงสนทนาสุดพิเศษกับ David Koh, Commissioner of Cybersecurity และ Chief Executive แห่ง Cyber Security Agency (CSA) ของสิงคโปร์ บทสนทนาในครั้งนี้ได้เปิดเผยมุมมองที่ลึกซึ้งและตรงไปตรงมาต่อโลกแห่งความปลอดภัยดิจิทัลที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ภัยคุกคามที่กำลังคืบคลานเข้ามาของควอนตัมคอมพิวติ้ง ไปจนถึงความท้าทายด้านกลโกงออนไลน์ที่มี "ปัจจัยมนุษย์" เป็นหัวใจสำคัญ

SICW เวทีบุฟเฟ่ต์ทางไซเบอร์ระดับโลก

ในปีที่ 10 ของการจัดงาน SICW ได้เติบโตขึ้นเป็นเวทีระดับโลกที่ขาดไม่ได้ โดยดึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 13,000 คน David Koh เปรียบเปรยงานนี้ว่าเป็นเสมือนบุฟเฟ่ต์ขนาดมหึมาที่ผู้เข้าร่วมสามารถเลือกสรรองค์ความรู้และข้อมูลเชิงลึกได้จากหลากหลายหัวข้อ "คุณไม่สามารถเก็บเกี่ยวทุกอย่างได้ในคราวเดียว" เขากล่าว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความลึกและความกว้างของเนื้อหาในการประชุม

แต่สิ่งที่ทำให้ SICW แตกต่างอย่างแท้จริงคือบทบาทในการเป็นพื้นที่กลางที่เปิดกว้างสำหรับทุกฝ่าย "มีไม่กี่แห่งในโลกที่คุณจะเห็นจีน, รัสเซีย, สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป อยู่ในห้องเดียวกัน ความสามารถในการอำนวยความสะดวกให้เกิดบทสนทนาที่ยากแต่จำเป็นนี้ คือหัวใจของภารกิจ หากคุณไม่มีบทสนทนาที่ยากลำบากเหล่านี้ ในท้ายที่สุดคุณก็จะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ยากลำบากยิ่งกว่า" คุณ David Koh อธิบาย  

ปรัชญาของการเจรจาอย่างเปิดเผยนี้ คือรากฐานที่สิงคโปร์ใช้สร้างเกราะป้องกันทางไซเบอร์ ท่ามกลางโลกที่ภัยคุกคามเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

จากเรื่องน่ารำคาญสู่วิกฤตระดับชาติ ภูมิทัศน์ภัยคุกคามที่เปลี่ยนไป

วิวัฒนาการของภัยคุกคามทางไซเบอร์นั้นไม่เคยหยุดนิ่ง คุณ David Koh เล่าย้อนไปว่า เมื่อไม่กี่ปีก่อน Ransomware ยังถูกมองว่าเป็นเพียงเรื่องน่ารำคาญ หรือ ปัญหาอาชญากรรมที่เป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่แล้วเหตุการณ์โจมตี Colonial Pipeline ในสหรัฐอเมริกาก็ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ยกระดับ Ransomware จากปัญหากวนใจทางดิจิทัลสู่ภัยคุกคามร้ายแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานของชาติ 

ทันใดนั้นเอง ทุกการประชุมทวิภาคีของผมกับคู่เจรจาจากนานาชาติ หัวข้อหนึ่ง, สอง หรือสาม ก็คือเรื่อง Ransomware

ประสบการณ์ครั้งนั้นได้หล่อหลอมมุมมองของเขาต่อความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน นั่นคือ Generative AI และภัยคุกคามที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าอย่าง ควอนตัมคอมพิวติ้ง (Quantum Computing)

อนาคตอันใกล้ที่เรียกว่า "Q-Day" หรือวันที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์มีพลังมากพอที่จะทำลายมาตรฐานการเข้ารหัสในปัจจุบันทั้งหมด ถือเป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของความปลอดภัยดิจิทัล อย่างไรก็ตาม แนวทางของคุณ David Koh คือการเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบ แทนที่จะตื่นตระหนก เขานำเสนอแนวคิดที่ขัดกับสัญชาตญาณแต่มีความสำคัญอย่างยิ่ง นั่นคือ "First-Mover Disadvantage"

ในโลกของควอนตัม เราเชื่อว่ามีข้อเสียเปรียบของผู้ที่เคลื่อนไหวก่อน หากคุณรีบลงมือเร็วเกินไป โอกาสที่คุณจะเลือกทางที่ผิดก็มีสูง และนั่นหมายถึงคุณต้องย้อนกลับมาเริ่มต้นใหม่ และสิ้นเปลืองทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์

แทนที่จะรีบนำมาตรฐานการเข้ารหัสควอนตัมที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์มาใช้ CSA ได้แนะนำยุทธศาสตร์สองแนวทางสำหรับองค์กรต่างๆ คือ

  1. จัดทำบัญชีระบบการเข้ารหัส (Crypto-Inventory): ขั้นตอนแรกที่จำเป็นคือ องค์กรต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ากำลังใช้ระบบเข้ารหัสอะไร อยู่ที่ส่วนไหนขององค์กร "จริงๆ แล้ว เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการเข้ารหัสถูกใช้ที่ไหนบ้าง" Koh ยอมรับ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงจุดบอดพื้นฐานในหลายองค์กร
  2. สร้างความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนระบบเข้ารหัส (Crypto-Agility): ในระหว่างวงจรการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีทุกๆ 3-5 ปี องค์กรต้องแน่ใจว่าระบบใหม่ที่จัดซื้อมานั้น "พร้อมที่จะรองรับอัลกอริทึมใหม่" ซึ่งหมายถึงการจัดหาฮาร์ดแวร์ที่มีหน่วยความจำและพลังการประมวลผลเพียงพอที่จะรับมือกับมาตรฐานการเข้ารหัสหลังยุคควอนตัม (Post-Quantum Cryptography) ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้

ยุทธศาสตร์ที่มองการณ์ไกลและปฏิบัติได้จริงนี้ เป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคตที่ปลอดภัยจากภัยควอนตัม โดยไม่ต้องเดิมพันกับเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่งที่ยังไม่แน่นอนในปัจจุบัน

ภารกิจปกป้องคุณย่าคุณยายในโลกดิจิทัล

นอกเหนือจากเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างควอนตัม ยังมีการต่อสู้ที่ใกล้ตัวและส่งผลกระทบในระดับบุคคลอย่างลึกซึ้ง นั่นคือกลโกงออนไลน์ 

"ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เราสูญเสียเงินไปกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์จากกลโกง" คุณ David Koh เปิดเผยตัวเลขที่น่าตกใจสำหรับประเทศขนาดเล็ก สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ การสูญเสียเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการแฮกที่ซับซ้อนทางเทคนิคส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เราเรียกว่า กลโกงที่เกิดจากการกระทำของเหยื่อเอง (self-inflicted scams) คุณทำมันด้วยตัวเอง

นี่คือความท้าทายของ Social Engineering ที่โจมตีช่องว่างพื้นฐานในวิวัฒนาการทางสังคมของเรา ในโลกกายภาพ เราได้รับการปลูกฝังสัญชาตญาณความปลอดภัยมาหลายชั่วอายุคน 

พ่อแม่สอนให้เราระมัดระวังเวลาข้ามถนน ให้ดูแลทรัพย์สินของตัวเอง แต่ในโลกดิจิทัล พ่อแม่ของคุณไม่ได้สอนอะไรคุณเลย กลับเป็นคุณที่ต้องไปสอนพ่อแม่ให้ปลอดภัย เราไม่ใช่ชาวดิจิทัลโดยกำเนิด (Digital Natives)

ซึ่งนิยามช่องโหว่ที่สำคัญ ผู้ใหญ่ในปัจจุบันถูกผลักเข้าสู่โลกดิจิทัลโดยปราศจากการฝึกฝนด้านความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน และผลลัพธ์ก็ปรากฏให้เห็นอยู่ทุกวัน นี่คือเหตุผลที่ภารกิจสำคัญอย่างหนึ่งของ CSA คือการปกป้องคุณย่าคุณยายของคุณ

ด้วยความตระหนักว่าการสร้างความรับรู้คือหัวใจสำคัญ แคมเปญของสิงคโปร์ซึ่งมีมาสคอตชื่อ Jaga (แปลว่า ปกป้อง) ได้ถูกย่อยให้เหลือเพียงข้อความที่จดจำและนำไปใช้ได้ง่าย นั่นคือ "หยุดและตรวจสอบ (Stop and Check)" ควบคู่ไปกับการออกกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้การสละการควบคุมบัญชีธนาคารหรือซิมการ์ดของตนเองเพื่อใช้เป็นบัญชีม้าเป็นความผิดทางอาญา ซึ่งเป็นการจัดการปัญหาจากหลายมิติ

การกำกับดูแลที่ต้องวิ่งตามความเร็วของเทคโนโลยี

ความท้าทายที่รัฐบาลทั่วโลกเผชิญคือ เทคโนโลยีนั้นพัฒนาเร็วกว่ากฎหมายเสมอ แล้วประเทศจะกำกับดูแลสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่น Generative AI โดยไม่ขัดขวางนวัตกรรมได้อย่างไร?

Koh เปิดเผยแนวทางที่ยืดหยุ่นและเน้นความร่วมมือของสิงคโปร์อย่างตรงไปตรงมา 

"รัฐบาลไม่ได้เคลื่อนไหวเร็ว กฎหมายก็เช่นกัน" โมเดลเดิมที่ใช้เวลาหลายปีในการร่างกฎหมายให้สมบูรณ์แบบนั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไป

CSA จึงได้ปรับใช้กรอบการทำงานที่คล่องตัวและเน้นการปรึกษาหารือ สำหรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง AI และควอนตัม พวกเขาจะออกแนวทางปฏิบัติเบื้องต้น (Guidance) และคู่มือ (Playbooks) เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะ (Public Consultation) 

"เรายอมรับว่าเราไม่รู้คำตอบทั้งหมด เราคิดว่านี่คือคำตอบที่น่าจะถูกต้อง...และเราอยากรับฟังความคิดเห็นของคุณ"

กระบวนการนี้ช่วยให้รัฐบาลสามารถให้แนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมได้อย่างทันท่วงที ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้เรียนรู้ ปรับตัว และพัฒนาแนวทางให้ดียิ่งขึ้นเมื่อเทคโนโลยีเติบโตเต็มที่ เป็นรูปแบบการกำกับดูแลที่ยอมรับความไม่แน่นอนและใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาส่วนรวม เปลี่ยนจากการกำกับแบบบนลงล่างที่ตายตัวไปสู่การเป็นพันธมิตรแบบไดนามิกกับระบบนิเวศ

สำหรับคุณ David Koh และ Cyber Security Agency of Singapore ภารกิจนั้นชัดเจน ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ไม่ใช่อุปสรรคต่อความก้าวหน้า แต่เป็นตัวขับเคลื่อน (Enabler) ที่สำคัญสำหรับอนาคตดิจิทัล มันคือสถาปัตยกรรมแห่งความไว้วางใจที่มองไม่เห็น ซึ่งช่วยให้พลเมืองสามารถใช้ชีวิตออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย ธุรกิจสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างมั่นใจ และประเทศสามารถปลดปล่อยศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเต็มที่

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ‘Starlink’ จักรวาลอินเทอร์เน็ตของ Elon Musk และยุคไร้จุดอับสัญญาณ

เจาะลึกประวัติศาสตร์ Starlink เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตดาวเทียมพลิกโลกของ Elon Musk ตั้งแต่นวัตกรรม V2 Mini, Laser Links, Direct-to-Cell จนถึงบทบาทสำคัญในสงครามและภารกิจกู้ภัยน้ำท่วมหา...

Responsive image

เนเธอร์แลนด์กับสงครามน้ำพันปี ถอดรหัส ‘Delta Works’ จากปัญหามหาอุทกภัย สู่การบริหารจัดการแบบปรับตัว

เจาะลึก Delta Works โครงการป้องกันน้ำท่วมระดับโลกของเนเธอร์แลนด์ จากหายนะปี 1953 สู่สิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรม และโมเดล Adaptive Delta Management รับมือ Climate Change...

Responsive image

เบื้องหลัง 30 ปี SolidWorks จากโปรแกรมเดสก์ท็อป สู่เครื่องมือปลดปล่อยจินตนาการวิศวกร

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ซอฟต์แวร์ 3D CAD ถือเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ยากมาก จึงทำให้ SOLIDWORKS ต้องการสร้างซอฟต์แวร์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ จนในปี 1995 ซอฟต์แวร์ 3D CAD ตัวแรกของโลกที...