3 วิธีที่หัวหน้า จะช่วยให้ทีมเข้าสู่ Flow State ในการทำงาน | Techsauce

3 วิธีที่หัวหน้า จะช่วยให้ทีมเข้าสู่ Flow State ในการทำงาน

แน่นอนว่าเป้าหมายของคนทำงานส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นการทำงานที่ได้รับ 'มอบหมาย' ให้ 'สำเร็จ' ซึ่งหากจะทำเช่นนั้นได้ต้องมีสมาธิ รวมทั้งมีการจดจ่อกับงานที่อยู่ตรงหน้า แต่ในปัจจุบันนั้นสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการบริหารจัดการที่ดีเท่านั้น 

Flow State

ดังนั้นภาวะ 'Flow State' จึงเป็นเครื่องมือสำคัญของการทำงานในยุคนี้อย่างยิ่ง โดยภาวะ 'Flow State' ในกระบวนการทำงาน ถ้าให้พูดง่าย ๆ คือการที่คุณมีสมาธิจดจ่ออย่างเต็มที่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในการทำงาน ซึ่งทำให้คุณรู้สึกเพลิดเพลิน จนรู้สึกว่าเวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน เพราะนอกจากจะทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นแล้ว ยังถือเป็นอีกหนทางในการฝึกสมาธิท่ามกลาง ‘Hustle Culture’ หรือ ‘วัฒนธรรมแห่งความเร่งรีบ’ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับโลกที่หมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่โดยส่วนใหญ่จะถูกพูดถึงในบริบทของการงานนั่นเอง 

ในบทความนี้จะพาไปรู้จัก 3 วิธีที่ จะทำให้ "หัวหน้า" พาทีมเข้าสู่ภาวะ Flow State ได้

1.เข้าใจว่าทุกคนมีช่วงเวลาที่ผิดพลาดกันได้

ทุกคนมีโอกาสทำผิดพลาดได้ และเมื่อทำพลาดทุกคนก็จะได้เรียนรู้ถึงความผิดพล่กนั้น ๆ แต่ทั้งนี้เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น มันเป็นเรื่องง่านมากที่จะพลาดโอกาสในการเรียนรู้เรื่องอื่น ๆ ไปด้วย เพราะพวกเขาจะโฟกัสไปที่การแก้ไขความผิดพลาดของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ทุบตีตัวเองเพราะทำสิ่งผิดพลาดตั้งแต่แรก และรู้สึกผิดไปพร้อม ๆ กันด้วย ฉะนั้นเมื่อพวกเขาทำผิดพลาด สิ่งที่ "หัวหน้า" จะสามารถทำได้คือ คำถามที่คุณควรฟีดแบ็กกับเขาไม่ใช่ "คุณทำผิดอะไร" แต่เป็น "คุณเรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดนั้น" 

2.มองเห็นจุดแข็งที่ทีมมี

คำติชม เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่ผู้คนสามารถเรียนรู้ได้ในที่ทำงาน แต่บ่อยครั้งความเป็นทางการ เวลา และคำติที่บ่อยเกิดไปกลายเป็นตัวขัดขวางกระบวนการเรียนรู้ ดังนั้นสิ่งที่ทำให้คนทำงานเรียนรู้และตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองได้คือ แทนที่จะติอย่างเดียว ลองมองหาสิ่งที่ลูกน้องคุณทำแล้วได้ผลดี รวมถึงการให้คำชมและชี้ถึงจุดแข็งให้พวกเขาได้เห็น และเห็นว่า 'หัวหน้า' ของตัวเองก็มองออกเหมือนกัน เป็นวิธีการที่จะช่วยพัฒนาน้องในทีมอย่างปลอดภัยได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้อย่างลื่นไหลได้อีกด้วย

รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการประชุมเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้ข้อเสนอแนะที่คุณให้ไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของวาระการประชุมแทนที่จะเป็น "ส่วนเสริม" ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น การลดจำนวนวาระการประชุมลง เพื่อสร้างเวลาให้พนักงานได้แบ่งปันความรู้ในช่วงเวลานั้น เพื่อสร้างโอกาสให้ทุกคนได้ฝึกฝน การเล่าถึงข้อกังวล หารือเกี่ยวกับความเสี่ยง และเสนอแนวคิดเพื่อการปรับปรุงด้วยวิธีที่ปลอดภัย

3.มีสนาม หรือ พื้นที่ให้ทดลองที่จะผิดพลาดและเรียนรู้ 

การทดลองเป็นสิ่งที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ในกระบวนการทำงาน ซึ่งหัวหน้าจะต้องมองหาโอกาสง่าย ๆ เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนได้ทดลอง ซึ่งพบว่าการใช้เฟรมเวิร์กในการมีพื้นที่ที่ให้ทีมได้ทดสอบ ผิดพลาด และเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันนั้นเป็นวิธีที่ดี ที่จะช่วยขยายพื้นที่ในการต่อยอดไอเดีย และเป็นจุดเริ่มต้นที่ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมไปด้วยกัน

โดยบทบาทของหัวหน้างาน คือ การจัดเตรียมพื้นที่ การเตือน และโอกาส สำหรับสมาชิกในทีมโดยหัวหน้าสามารถเริ่มกระบวนการนี้ได้ผ่าน 3 วิธี เข้าใจข้อผิดพลาด มองเห็นจุดแข็งที่ทีมมี และมีพื้นที่ให้ทดลอง เพื่อให้ทีมเข้าสู่ Flow State ในการทำงานได้

โดยให้พนักงานพิจารณาจากคำถาม 3 ข้อดังนี้

Pitch: แนวคิดใดในการปรับปรุงที่จะสนับสนุนให้คุณบรรลุวัตถุประสงค์ในไตรมาสนี้ ? 

Prototype: เพื่อให้แนวคิดนั้นเกิดขึ้นและเป็นรูปเป็นร่างมากที่สุด จะต้องเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนแปลงอะไร ?

Pilot: คุณจะทดสอบแนวคิดนั้นอย่างรวดเร็วได้อย่างไร ?

ทั้งหมดนี้เมื่อทีมคุ้นเคยกับกรอบการทำงานแล้ว พวกเขามักจะเริ่มใช้ในเชิงรุกกับส่วนต่าง ๆ ของการทำงานของตน และจะทำให้การทำงานนั้น Flow ตัวอย่างเช่น สมาชิกในทีมอาจเริ่มพูดกับหัวหน้าของพวกเขาว่า “ฉันสามารถอธิบายไอเดียที่มีแบบสั้นๆ ได้หรือไม่ ? ” เมื่อได้โอกาสตรงจุดนี้ ทีมจะเริ่มมองเห็นโอกาสในการสร้าง Prototype ร่วมกันนั่นเอง

เพราะเมื่อไรที่ทีมไม่พบวิธีเรียนรู้ขณะทำงาน พวกเขาจะจำกัดประสิทธิภาพการทำงานของตัวเอง จนกระทั่งกลายเป็นส่วนสำคัญของการทำงานที่เกิดขึ้น ดังนั้นการผลักดันให้พนักงานหรือทีมมีภาวะ Flow State หรือการตั้งใจ และจดจ่อกับการทำงาน จะทำให้ประสิทธิภาพของงานนั้น ๆ ได้ผลตามต้องการ และทำให้บริษัทฯ เติบโตได้ในที่สุด และนี่คือสิ่งที่ "หัวหน้า" จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้ในกระบวนการทำงาน และวิธีการนำไปใช้กับทีมของตัวเองนั่นเอง

อ้างอิง Harvard Business Review  

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

มรดกแนวคิด Steve Jobs ที่ส่งต่อถึง Tim Cook เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของ Apple

Tim Cook ยกหนึ่งคำสอนล้ำค่าในการทำงานจาก Steve Job ที่ทำให้ Apple เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลก ในด้านการส่งเสริมนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ภายในองค์กร นั่นก็คือ ‘ทุกคนสามารถสร้าง...

Responsive image

ทำไมองค์กรต้องมี ‘Innovation Culture’ พื้นฐานที่ขาดไม่ได้ถ้าอยากสร้างนวัตกรรม

ในบทความนี้ Techsauce ขอพาผู้อ่านไปรู้จักคำว่า Innovation Culture หรือ วัฒนธรรมนวัตกรรม อีกฟันเฟืองสำคัญของการสร้างนวัตกรรมองค์กรที่ขาดไปไม่ได้...

Responsive image

เจาะกลยุทธ์ ‘ปรับแต่ไม่เปลี่ยน’ ที่ IKEA ร้านเฟอร์นิเจอร์เก่าแก่เอาตัวรอดในยุคดิจิทัล

กลยุทธสำคัญอย่าง ‘ปรับแต่ไม่เปลี่ยน’ ที่ทำให้ IKEA สามารถรักษาเอกลักษณ์อันโดดเด่นของบริษัท ไปพร้อมกับการปรับตัวท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง...