เรากำลังก้าวสู่ยุคที่บริษัทใหญ่ที่มีพนักงานหลายพันคน กำลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใหม่ จากองค์กรใหญ่หันออกกลายเป็นทีมเล็กๆ ทีมละ 10–15 คน แต่ละทีมทำงานเหมือน “สตาร์ทอัพ” ที่ต้องคิดเอง ทำเอง ตัดสินใจเอง และต้องโชว์ผลลัพธ์ให้เห็นภายในเวลาไม่กี่เดือน

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับ Snap Inc. บริษัทแม่ของ Snapchat แอปโซเชียลมีเดียที่เคยถูกมองว่าเป็นเด็กแสบในวงการ แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลับต้องเผชิญแรงกดดันมหาศาล รายได้จากโฆษณาหยุดโต ผู้ใช้งานในตลาดสำคัญลดลง และราคาหุ้นหายไปกว่า 90% จากจุดสูงสุด
แทนที่จะยึดติดกับโครงสร้างองค์กรแบบเดิม Evan Spiegel ซีอีโอของ Snap เลือกทุบองค์กรใหญ่ แล้วสร้างใหม่จากข้างในด้วยแนวคิดที่เรียกว่า Startup Squads

ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันดุเดือดและรวดเร็วมากขึ้นทุกวัน ความได้เปรียบจึงไม่ได้มาจากทรัพยากรที่มากกว่าเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่มาจากความเร็วในการเรียนรู้และลงมือทำจริง ซึ่งก็คือคำที่เราได้ยินบ่อยอย่าง Agility หรือความคล่องตัว
นั่นทำให้สตาร์ทอัพเล็กๆ มักชนะเกมนี้ เพราะพวกเขาไม่ต้องผ่านชั้นอนุมัติหลายชั้น ไม่ต้องประชุมยืดเยื้อเพื่อบรรลุฉันทามติ ทุกคนรู้หน้าที่และยอมรับผลของการตัดสินใจร่วมกันในเวลาสั้นๆ ขณะที่องค์กรใหญ่กลับถูกถ่วงด้วยโครงสร้างหลายชั้น และกระบวนการซับซ้อนซึ่งครั้งหนึ่งเคยช่วยให้เติบโต แต่วันนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ช้าลงเมื่อโลกเร่งสปีด
Startup Squads จึงถูกออกแบบมาเพื่อดึงความคล่องตัวแบบสตาร์ทอัพมาใส่ในองค์กรใหญ่ วิธีคือแบ่งทีมให้เล็กลง เหลือราว 10–15 คน ทำงานข้ามสายงานเหมือนบริษัทเล็กๆ ที่รับผิดชอบเป้าหมายของตัวเองจริงๆ ไม่ใช่แค่ทำตามเช็กลิสต์ที่ได้รับ
แต่ละ squad ทำงานเป็นรอบสั้นๆ ประมาณ 90 วัน เพื่อให้โฟกัสชัด รู้ว่าเป้าหมายคืออะไร และต้องได้ผลงานที่พิสูจน์ได้จริง นอกจากนี้ยังมีการเดโมผลงานทุกสัปดาห์ เพื่อโชว์ความคืบหน้า รับคำแนะนำ และปรับปรุงทันที
ซึ่งการทำงานแบบ Startup Squads จะช่วยให้องค์กรใหญ่กลับมาเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น ตัดสินใจง่ายขึ้น และสร้างนวัตกรรมได้ต่อเนื่อง โดยไม่ถูกระบบที่เทอะทะถ่วงเอาไว้
Snap เป็นบริษัทที่มีพนักงานกว่า 5,000 คน และสร้างปรากฏการณ์หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นฟิลเตอร์ AR หรือ Stories ที่ภายหลังกลายเป็นฟีเจอร์หลักของโซเชียลมีเดียแทบทุกเจ้า
แต่ในปี 2025 บริษัทกลับต้องยอมรับความจริงว่า โมเดลรายได้จากโฆษณาไม่พออีกต่อไป การโตของรายได้ชะลอตัว เหลือแค่ 4% ในไตรมาสที่สอง ผู้ใช้งานในอเมริกาเหนือลดลงเหลือ 98 ล้านคน ซึ่งถือว่าน่ากังวลในตลาดหลัก
Evan Spiegel ซีอีโอของ Snap ตัดสินใจแก้เกมด้วยการปรับองค์กรใหม่ ด้วย Startup Squads โดยโปรเจกต์ที่ทำมีตั้งแต่การพัฒนา Snapchat+ ที่ทำรายได้กว่า 700 ล้านดอลลาร์ต่อปี ไปจนถึงการสร้างแว่นตา AR (Specs) ที่ Spiegel เชื่อว่าจะมาแทนสมาร์ทโฟนในอนาคต
พูดง่ายๆ คือแทนที่จะพยายามทำให้บริษัทใหญ่เร็วขึ้น Snap เลือกจะทำให้บริษัทใหญ่กลายเป็นสตาร์ทอัพหลายร้อยทีมแทน ซึ่งมันเปลี่ยนวัฒนธรรม
แม้ Snap Inc. อาจยังไม่ได้พิสูจน์ว่ากลยุทธ์นี้จะพาบริษัทกลับสู่จุดสูงสุดได้หรือไม่ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ การยอมเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อให้ องค์กรใหญ่กลับมาคล่องตัวเหมือนสตาร์ทอัพอีกครั้ง
อ้างอิง: techcrunch, businessinsider
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด