ถอดรหัส Growth Forum 2025: ทำไม 'จิตวิทยา' และ 'Mindfulness' ถึงสำคัญไม่แพ้ 'กลยุทธ์' ในยุค AI

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2025 เหล่าผู้บริหารและนักกลยุทธ์จากแวดวงธุรกิจทั่วไทยได้มารวมตัวกันที่โรงแรม Grand Hyatt Erawan Bangkok ในงาน "Growth Forum 2025: Rise Like a Phoenix" เพื่อกำหนดทิศทางกลยุทธ์การเติบโตแห่งอนาคต

งานนี้จัดขึ้นโดย Harbour.Space Institute of Technology @UTCC โดยมี Techsauce เป็นพันธมิตรด้านระบบนิเวศ (ecosystem partner) โดยมีเป้าหมายเพื่อถอดรหัสความท้าทายเร่งด่วนที่ผู้นำยุคนี้ต้องเจอ ตั้งแต่การฝ่าฟัน digital transformation การทำความเข้าใจจิตใจผู้บริโภคที่ซับซ้อน ไปจนถึงการวางกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ ตลอดช่วงบ่ายอัดแน่นไปด้วย Workshop เข้มข้นจากผู้นำระดับโลก ที่เน้นกลยุทธ์ซึ่งนำไปใช้ได้จริง ก่อนจะปิดท้ายด้วยช่วง Networking และ Exclusive VIP Dinner & Roundtable จนถึงช่วงค่ำ

Session Highlight: Data ล้นมือ แต่ทำไมผลิตภัณฑ์ใหม่ยัง 'ล้มเหลว'?

ในช่วงบ่าย ผู้เข้าร่วมงานได้เข้า Workshop กับ Gary van Broekhoven นักจิตวิทยาผู้บริโภคชื่อดังระดับนานาชาติ ในหัวข้อ "How Global Brands Are Leveraging Consumer Psychology to Gain an Unfair Advantage” ซึ่งเริ่มต้นด้วยการท้าทายข้อสันนิษฐานหลักของยุค Big Data

Van Broekhoven ตั้งคำถามว่า:

ในโลกที่มีข้อมูลลูกค้าในปริมาณมหาศาล ทำไมผลิตภัณฑ์จำนวนมากจึงยังคงล้มเหลว?

เขามีคำตอบที่เรียบง่ายสำหรับประเด็นนี้ โดยมองว่าธุรกิจต่างๆ เชี่ยวชาญใน ‘สิ่งที่’ (what) ลูกค้าทำ แต่กลับไม่เข้าใจ ‘เหตุผล’ (why) ที่แท้จริง ซึ่งเป็น 'เรื่องราว' ความเป็นมนุษย์ที่อยู่ลึกๆ และอาจไร้เหตุผล ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจซื้อจากมุมมองของผู้บริโภค

แทนที่จะหาข้อมูลเพิ่ม เขาได้นำเสนอวิธีการที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังกว่า นั่นคือ: ‘การพูดคุยอย่างจริงใจ’ เขาได้แนะนำกรอบการทำงาน GRAMS ที่นำไปใช้ได้จริงของเขา ซึ่งเป็นแนวทางการสนทนา 5 ขั้นตอน:

  • Goal (เป้าหมาย): ลูกค้าพยายามจะทำอะไรให้สำเร็จ?

  • Reality (ความเป็นจริง): สถานการณ์ปัจจุบันของสินค้าเรา/ลูกค้าเป็นอย่างไร?

  • Alternatives (ทางเลือกอื่น): ทางเลือกอื่นของลูกค้านอกจากสินค้าเรานั้นมีอะไรบ้าง?

  • Meaning (ความหมาย): ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญหรือมีความหมายกับลูกค้า?

  • Struggles (อุปสรรค): อะไรคือสิ่งที่ขัดขวางไม่ให้ลูกค้าใช้สินค้าของเรา?

เขาอธิบายว่านี่ไม่ใช่แบบสำรวจที่ตายตัว แต่เป็น "แนวทาง" เพื่อทำความเข้าใจแรงจูงใจที่แท้จริงของผู้บริโภค จากนั้นก็เข้าสู่ช่วง Workshop ที่ผู้เข้าร่วมได้จับคู่ทดสอบกรอบการทำงานนี้ด้วยตนเอง การทดลองนี้ตอกย้ำประเด็นสำคัญของ Van Broekhoven ที่ว่า:

เทคนิคการสนทนานี้ คือเครื่องมือลดความเสี่ยงกลยุทธ์ที่ต้นทุนต่ำและได้ผลจริง เพราะมันสร้างความไว้วางใจเพื่อดึง 'Insight' ที่ Data เพียงอย่างเดียวให้ไม่ได้

Session Highlight: ทางเลือกผู้นำธุรกิจ 'สร้าง' หรือ 'ประยุกต์' ?

ใน Session "Building Tech Amidst Chaos” Sumeet Ahuja ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Evoque Impact ได้เริ่มต้นด้วยการวินิจฉัย "ความโกลาหล" ที่เหล่าผู้นำรู้สึก ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง Tech disruption, การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรที่ฝังรากลึก

เขาวางกรอบความท้าทายหลักสำหรับผู้นำธุรกิจว่าเป็นทางเลือกเชิงกลยุทธ์ระหว่าง Technology Creation กับ Technology Application (การสร้างเทคโนโลยี vs. การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี)

เขาแย้งว่า แม้การไล่ตามโมเดลแบบ Silicon Valley ในการ "สร้าง" เทคโนโลยีพื้นฐานใหม่ๆ จะเป็นเรื่องน่าดึงดูดใจ แต่เส้นทางสู่ความมั่งคั่งที่รวดเร็วและทรงพลังกว่านั้น อยู่ที่ “การเชี่ยวชาญในการประยุกต์ใช้” เทคโนโลยีที่มีอยู่เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะภายในภูมิภาคของตนเองก่อน

โดยคุณ Ahuja ได้แนะนำกรอบการทำงานแบบวงกลมซ้อนกัน (concentric circle framework) เป็นกลยุทธ์ในการ Scale ธุรกิจ:

  1. เริ่มต้นที่ระดับท้องถิ่น (Local): มุ่งเน้นอย่างเข้มข้นในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาความต้องการเฉพาะพื้นที่ (hyperlocal needs) และสร้างโมเดลที่พิสูจน์แล้วว่ามั่งคั่ง
  2. ขยายสู่ระดับภูมิภาค (Regional): จากรากฐานที่แข็งแกร่งนั้น ให้ขยายการประยุกต์ใช้ที่ประสบความสำเร็จไปยังตลาดข้างเคียง
  3. มุ่งสู่ระดับโลก (Global): เขายืนยันว่าต้องหลังจากขั้นตอนนี้เท่านั้น ที่ผู้นำจึงจะควรไล่ตามกลยุทธ์ระดับโลก ซึ่งในขั้นตอนนี้ กติกาจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และต้องการความสามารถในการทนทานต่อการแข่งขันในตลาดโลกระดับนานาชาติที่ไร้ความปรานี

ประเด็นสำคัญที่ Ahuja ฝากไว้คือการให้ผู้นำนำกรอบการทำงานนี้ไปประยุกต์ใช้กับจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย เขากระตุ้นให้ก้าวข้ามการวิ่งไล่ตามเทรนด์ และหันมามุ่งเน้นโมเดล "เน้นการประยุกต์ใช้ก่อน" (application-first) นี้ในอุตสาหกรรมที่ไทยมีความได้เปรียบอยู่แล้ว เช่น โลจิสติกส์ การดูแลสุขภาพ และการท่องเที่ยวมูลค่าสูง (high-value tourism) ภายในประเทศนั่นเอง

Session Highlight: เมื่อ 70% ของโปรเจกต์ AI ล้มเหลวเพราะ 'คน' ไม่ใช่ 'เทคโนโลยี'

ในฐานะวิทยากรคนสุดท้าย ดร. ณัฐวุฒิ กุลนิเทศ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ ADGES ได้กล่าวปิดท้ายอย่างทรงพลังใน Session “Mindfulness Leadership in the Age of AI” เขาหันกลับมาโฟกัสที่ต้นทุนด้านมนุษย์ ที่มักถูกมองข้าม นั่นคือ "ต้นทุนของความเร็ว"


ดร. ณัฐวุฒิ ได้แบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับภาวะหมดไฟ (burnout) และแย้งว่าความท้าทายหลักของการนำ AI มาปรับใช้นั้นไม่ใช่เรื่องทางเทคนิคแต่อย่างใด โดยเขายกสถิติที่น่าตกใจว่า 70% ของโครงการ AI ล้มเหลวเนื่องจาก 'ปัจจัยมนุษย์' (Human Factors) ไม่ใช่เพราะอัลกอริทึมหรือเครื่องมือ AI ที่ผิดพลาด

เขาอธิบายว่า "คอขวด" ที่แท้จริงคือ การทำอะไรโดยไม่ไตร่ตรอง (Reactivity) อคติส่วนตัว (Bias) และ ภาวะหมดไฟ (Burnout) ที่มาจากการใช้ AI ของมนุษย์นั่นเอง โดยประเด็นสำคัญที่เขาต้องการสื่อคือ AI นั้นทำหน้าที่เป็น "ตัวขยายผล" ของประสิทธิภาพที่ได้จากมนุษย์ผู้ใช้

ผู้นำที่ฟุ้งซ่าน เครียด และทำอะไรโดยไม่ไตร่ตรองให้ดี เมื่อได้ AI มา ก็จะยิ่งใช้ AI สร้างความผิดพลาดที่เร็วและรุนแรงขึ้น หรือ fast mistakes at scale เป็นการนำประสิทธิภาพสร้างความโกลาหล

ดังนั้น เขาจึงแย้งว่าการลงทุนที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่ในเทคโนโลยีใหม่ แต่คือการอัปเกรดของผู้ใช้นั่นเอง

เขาเสนอกรอบแนวคิดว่าจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่าง AI กับ AQ (Awareness Intelligence) ซึ่ง "AQ" คือความสามารถของผู้นำในการอยู่กับปัจจุบัน ชัดเจน และมีเจตจำนง เขาชี้ว่า "Mindfulness" ไม่ใช่แค่สิ่งที่ "มีก็ดี" (nice-to-have) เพื่อสุขภาวะที่ดี แต่เป็น "สมรรถนะหลัก" (core competency) สำหรับผู้นำยุคใหม่ ซึ่งเป็นกรอบคิดที่จำเป็นอย่างยิ่งในการควบคุมศักยุทธ์ของ AI โดยไม่ถูกมันครอบงำ

ดังนั้น เขาจึงแย้งว่าการลงทุนที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่ในเทคโนโลยีใหม่ แต่คือการอัปเกรดของผู้ใช้นั่นเอง โดยเขาเสนอกรอบแนวคิดว่าจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่าง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับ "ความฉลาดรู้ด้านการตระหนักรู้ (AQ - Awareness Intelligence)" หรือ "AQ" นี้คือความสามารถของผู้นำในการอยู่กับปัจจุบัน ชัดเจน และมีเจตจำนง เขาชี้ว่า "Mindfulness" ไม่ใช่แค่สิ่งที่ "มีก็ดี" (nice-to-have) เพื่อสุขภาวะที่ดี แต่เป็น "Core competency” สำหรับผู้นำยุคใหม่ ซึ่งเป็นกรอบคิดที่จำเป็นอย่างยิ่งในการควบคุมศักยุทธ์ของ AI โดยไม่ถูกมันครอบงำ

Toolkits สำหรับผู้นำยุคใหม่

บทสรุปของ Growth Forum 2025 คือการบูรณาการสามองค์ประกอบสำคัญที่มักจะถูกมองแยกกัน: กลยุทธ์ระดับสูง ความเข้าใจมนุษย์อย่างลึกซึ้ง และ วินัยภายในของผู้นำ 

ผู้เข้าร่วมงานไม่ได้กลับไปแค่ชุดกรอบการทำงานใหม่ๆ แต่ได้มุมมองที่ชัดเจนว่าการเติบโตที่ยั่งยืนในปัจจุบัน ไม่ได้เกี่ยวกับแค่การมี 'กลยุทธ์' ที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการบ่มเพาะ 'การตระหนักรู้' (Awareness) ที่ถูกต้อง—ทั้งต่อลูกค้า และต่อตนเองอีกด้วย


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จักการทำงานแบบ Startup Squads เมื่อองค์กรใหญ่หันมาคิดเล็ก

เรียนรู้กลยุทธ์ Startup Squads ผ่านกรณีศึกษา Snap Inc. เมื่อทีมเล็กอาจกลายเป็นทางรอดของยักษ์ใหญ่...

Responsive image

สรุป 3 วิสัยทัศน์ ‘Trustworthy AI’ โอกาสที่มาพร้อมความรับผิดชอบ เมื่อทุกคนสร้าง AI ได้ด้วยปลายนิ้ว

เจาะลึกเบื้องหลังแนวคิด "Trustworthy AI" จากมุมมองของ AWS, IBM, และ KBTG บนเวที KBTG Techtopia สรุปประเด็นสำคัญด้านศักยภาพ ความเสี่ยง และกรอบการกำกับดูแล Generative AI ที่ทุกองค์กร...

Responsive image

ถอดรหัสอนาคต AI จาก McKinsey: เมื่อทุกงานจะเปลี่ยนไป องค์กรของคุณพร้อมแค่ไหน?

McKinsey ชี้อนาคตที่ 'AI Agent' จะเข้ามาเปลี่ยนนิยามการทำงานและเพิ่ม Productivity ได้ถึง 20 เท่า! เจาะลึก 6 กับดักที่ทำให้องค์กรส่วนใหญ่ล้มเหลว และกลยุทธ์ที่ต้องปรับใช้เพื่ออยู่รอด...