นวัตกรรมกับความบังเอิญ ตอนที่ 1: Post-It


ทุกๆคนคงเคยใช้ Post-it มาบ้างไม่มากก็น้อย แต่คงมีไม่กี่คนที่รู้ว่า post-it เกิดจากความไม่ตั้งใจ และความตั้งใจ

ในปี ค.ศ. 1968 Dr. Spencer Silver นักวิทยาศาสตร์ของ 3M กำลังพยายามค้นคว้าวิจัยหากาวใหม่ที่ติดทน ติดนาน และติดดี เพราะใครๆ ก็คงอยากได้กาวแบบนั้น แต่ด้วยความบังเอิญทำให้เขาประดิษฐ์กาวที่ติดไม่ทน ไม่นาน และสามารถดึงออกได้ง่ายโดยไม่ทำลายพื้นผิว ถ้าเป็นคนทั่วไปคงทิ้งสูตรนี้ไป และไม่ให้ความสำคัญกับมัน เอาเวลาไปหากาวตราช้างดีกว่า แต่เขาคิดว่ามันน่าจะทำอะไรได้ และพยายามเอาเรื่องนี้ไปเล่าในที่ประชุมของ 3M ครั้งแล้วครั้งเล่า เล่าไปเล่ามาเวลาผ่านไป 5 ปีกว่า จนในปี ค.ศ. 1974 นาย Art Fry ซึ่งชอบร้องเพลงในโบสถ์ก็หัวเสียทุกๆ ครั้งเวลาที่คั่นสมุดเพลงมันร่วงหลุดจากที่เวลาที่เขาพลิกสมุดเพลงไปมา Art จึงเอาผลงานของ Spencer มาลองใช้กับที่คั่นหนังสือเขาและได้ผลดี มันไม่หลุดจากที่ แต่เขาสามารถย้ายมันไปมาได้ โดยไม่ทำลายหน้ากระดาษ
Art และ Spencer จึงมานั่งคิดและอาจจะยืนและนอนคิดด้วย จึงเห็นว่าจริงๆ แล้วมันสามารถเอาไปใช้ในการทิ้งโน้ตให้กับเพื่อนร่วมงานหรือคนในครอบครัวเวลาไม่เจอกัน และได้สร้าง post-it ขึ้นมา โดยตอนนั้น Art มีเพียงกระดาษสีเหลืองอยู่ใกล้ตัวจึงจำใจเลือกใช้กระดาษสีเหลืองมาทำเป็น post it ในสีที่เราคุ้นตาอยู่ทุกวันนี้ และนำออกขายในชื่อ press’n peel ในสี่เมืองในปี 1977 แต่ขายไม่ค่อยออก จนปี 1979 3M เปลี่ยนชื่อ และนำไปแจกตามที่ทำงานเมือง Boise ในรัฐ Idaho ซึ่งก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างดี จนขายไปทั่วโลก และมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ post-it กว่า 600 ผลิตภัณฑ์ 8 ขนาด 25 รูปแบบ และ 62 สี

มีอะไรน่าสนใจเต็มไปหมดในเรื่องนี้ ไม่ว่า
  • post-it ใช้เวลา 11 ปีกว่าที่จะประสบความสำเร็จ หากไม่มีคนคอยพยายามทำให้สำเร็จมันคงเป็นสิ่งที่ล้มเหลวไปนานแล้ว ดังนั้นนวัตกรรมไม่ใช่แต่ไอเดีย มันเป็นกระบวนการตั้งแต่การริเริ่มไอเดีย จนทำให้ผลิตภัณฑ์ประสบความสำเร็จ อาศัยความร่วมมือ และความสามารถของคนหลายๆ คน เหมือนอาหารที่อร่อยต้องมีส่วนผสมที่ลงตัว
  • Art และ Spencer ใช้นโยบายของ 3M ที่ชื่อว่า Permitted bootlegging policy ที่อนุญาตให้พนักงาน (ทุกคนไม่ใช่แค่นักวิจัย) ใช้เวลา 15% ของเวลางานไปทำอะไรที่ตัวเองคิดว่าอาจจะมีประโยชน์ หากไม่มีนโยบายนี้ เราอาจจะไม่ได้เห็น post-it
  • Spencer ค้นพบผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์แต่ไม่มีใครสนใจ ไม่ได้แปลว่าไม่มีใครสนใจจริงๆ แค่ลูกค้าอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร สิ่งสำคัญที่สุดของนวัตกรรมนี้คือการหาตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ไม่ใช่การคิดค้นผลิตภัณฑ์
  • สิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นการล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่ อาจจะเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ก็เป็นได้
    ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า post-it เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่คนยังต้องพูดถึง และมันยังเป็นบ่อเกิดแห่งไอเดียต่างๆ เพราะทุกวันนี้เวลามีไอเดียใหม่ๆ ก็ต้องเขียนไว้บน post-it ถ้าไม่มี post-it design thinking คงน่าจะลำบากเลยทีเดียวนะ
บทความนี้เป็น Guest Post โดย ณัฐ เหลืองนฤมิตชัย

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ถอดรหัส Growth Forum 2025: ทำไม 'จิตวิทยา' และ 'Mindfulness' ถึงสำคัญไม่แพ้ 'กลยุทธ์' ในยุค AI

ถอดรหัส Growth Forum 2025: ทำไม 'จิตวิทยา' และ 'Mindfulness' ถึงสำคัญไม่แพ้ 'กลยุทธ์' ในยุค AI? สรุปประเด็นสำคัญจาก 3 Workshop ผู้นำระดับโลก ทั้งการอ่านใจลูกค้าด้วย GRAMS กลยุทธ์ '...

Responsive image

รู้จักการทำงานแบบ Startup Squads เมื่อองค์กรใหญ่หันมาคิดเล็ก

เรียนรู้กลยุทธ์ Startup Squads ผ่านกรณีศึกษา Snap Inc. เมื่อทีมเล็กอาจกลายเป็นทางรอดของยักษ์ใหญ่...

Responsive image

สรุป 3 วิสัยทัศน์ ‘Trustworthy AI’ โอกาสที่มาพร้อมความรับผิดชอบ เมื่อทุกคนสร้าง AI ได้ด้วยปลายนิ้ว

เจาะลึกเบื้องหลังแนวคิด "Trustworthy AI" จากมุมมองของ AWS, IBM, และ KBTG บนเวที KBTG Techtopia สรุปประเด็นสำคัญด้านศักยภาพ ความเสี่ยง และกรอบการกำกับดูแล Generative AI ที่ทุกองค์กร...