สร้างโครงการฝึกงาน (Internship program) ยังไงให้สำเร็จ ได้ประโยชน์ทั้งบริษัทและเด็กฝึกงาน

การสร้างโปรแกรมการฝึกงาน (Internship program) ที่ดี ไม่ได้มีประโยชน์แค่กับนักศึกษาฝึกงาน แต่ยังเป็นผลดีกับองค์กร เพราะบริษัทที่มีระบบการฝึกงานดี สวัสดิการการฝึกงานดี ย่อมดึงดูดนักศึกษาฝึกงานที่มีคุณภาพเข้ามา แล้วเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในระยะยาวได้ และนี่คือ 5 วิธีที่บริษัทควรทำ เพื่อสร้างโปรแกรมฝึกงานให้ได้ประโยชน์ที่สุด 

จ่ายค่าจ้างเด็กฝึกงานเป็นเรื่องดีและควรทำ

การฝึกงานโดยมีค่าตอบแทนให้ (Paid Internship) สำคัญต่อการพัฒนาแนวคิด DEI ซึ่งเป็นแนวคิดที่สร้างวัฒนธรรมองค์กรโดยเน้นความหลากหลายและความเท่าเทียมของบุคลากร

นอกจากนี้ การให้ค่าตอบแทนยังบ่งบอกถึงการให้คุณค่าแก่นักศึกษาฝึกงาน เพราะมันหมายถึงบริษัทชื่นชมผลงานพวกเขาและเน้นย้ําว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมจริง ๆ  อีกทั้งยังเป็นการผลักดันให้ผู้จัดการมอบหมายงานและปฏิบัติแก่นักศึกษาฝึกงานให้เท่าเทียมเหมือนกับพนักงาน full-time การจ่ายค่าจ้างให้นักศึกษาฝึกงานจึงเป็นเรื่องที่ดีและควรทำ

สร้างระบบเมนเทอร์ดี วินวินทั้งคู่ 

หลายบริษัทพนักงานกับนักศึกษาฝึกงานขาดการเชื่อมต่อและเข้าถึงกัน ทำให้บริษัทก็ไม่ได้ดึงศักยภาพของนักศึกษาฝึกงานออกมาเต็มที่ และพวกเขาที่ตั้งใจมาหาความรู้และประสบการณ์ก็ไม่ได้รับมันเท่าที่ควร

วิธีสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษาฝึกงานกับพนักงานที่ดีที่สุดคือ การสร้างวัฒนธรรมพี่เลี้ยง หากนักศึกษาฝึกงานนั่งเบียดกันอยู่ที่มุมห้องห่างไกลผู้คน นั่นแปลว่าองค์กรกําลังแบ่งแยกพวกเขาออกจากทีมทำงานโดยไม่รู้ตัว

สิ่งที่ควรทำคือ เตรียมโต๊ะทำงานให้นักศึกษาฝึกงานเหมือนกับพนักงานคนอื่น ๆ รวมถึงมอบหมายพี่เลี้ยงฝึกงานไว้คอยช่วยเหลือแนะนําตลอดระยะเวลาที่ฝึกงานในออฟฟิศ

ก่อนที่จะเริ่มการฝึกงาน องค์กรอาจให้นักศึกษาฝึกงานทุกคนรวมถึงพี่เลี้ยงทำแบบทดสอบประเมินบุคลิก ภูมิหลัง และความสนใจ เพื่อจับคู่นักศึกษาฝึกงานกับพี่เลี้ยงที่มีผลทดสอบคล้ายคลึงกัน เช่น หากนักศึกษาฝึกงานต้องการพัฒนาทักษะการเขียน ก็จับคู่กับพนักงานที่เป็นนักเขียนดีเด่นของออฟฟิศ

การให้ความช่วยเหลือแก่นักศึกษาฝึกงานจะช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมการทํางานที่สร้างสรรค์ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพนักงานทุกคนไม่ว่าจะทำงานมานานแค่ไหนก็ตาม

ให้ทำงานที่แสดงศักยภาพ

การจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการฝึกงานนั้น องค์กรต้องมอบหมายให้นักศึกษาฝึกงานได้ทำงานจริง ๆ ไม่ใช่งานธุรการหรืองานเดินเอกสาร ชงกาแฟ ที่ตัดกำลังใจการทำงานและไม่สามารถสร้างผลผลิตที่ดีได้ องค์กรอาจมอบหมายโปรเจคทีมที่ให้นักศึกษาฝึกงานมีส่วนร่วมและสร้างผลงานออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สร้าง Feedback loop

สิ่งที่บริษัทจะได้จากการโปรแกรมการฝึกงานคือความกระตือรือร้น และมุมมองใหม่ ๆ จากนักศึกษาฝึกงาน การจะสร้างผลประโยชน์สูงสุดได้จึงต้องคอยให้ฟีดแบคกับงานที่พวกเขาทำ

นักศึกษาฝึกงานคือสะพานเชื่อมทางวัฒนธรรมที่ดีให้องค์กรได้เรียนรู้มุมมองและเทรนด์ใหม่ ๆ ในปัจจุบัน ดังนั้นหากมีการประชุมระดมสมอง (Brainstroming) ภายในทีมก็ให้เชิญนักศึกษาฝึกงานมาร่วมด้วย ซึ่งองค์กรสามารถใช้ประโยชน์ตรงนี้ในการถามความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะจากพวกเขา

ผู้บริหารควรพบปะกับนักศึกษาฝึกงานเป็นประจํา แม้พวกเขาไม่ได้เป็นพนักงาน การสนทนาแบบตัวต่อตัว (One-on-One) เป็นโอกาสที่ดีสําหรับผู้บริหาร ที่จะได้รับฟังข้อมูลแบบจริงใจ ทั้งเรื่องดีและไม่ดีในบริษัทจากปากของพวกเขา เพราะไม่ได้เป็นพนักงาน ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการคอมเมนต์เรื่องที่เกิดขึ้นในออฟฟิศ

การให้ฟีดแบคที่มีประสิทธิภาพคือ การให้ฟีดแบคที่สร้างสรรค์ สะท้อนผลประโยชน์กลับไปยังผู้ฝึกงาน แล้วจะได้เห็นว่านักศึกษาฝึกงานสามารถสะสมความรู้และเสนอแนวคิดได้มากมายแค่ไหนในเวลาเพียงไม่กี่เดือน องค์กรที่มีสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมการทำงานดีย่อมทำให้ผู้ฝึกงานกล้าที่จะแชร์ความรู้สึกและมูลเชิงลึก

เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ระยะยาว

บริษัทมักใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการคัดเลือกผู้สมัครฝึกงานที่มีศักยภาพ และผู้ผ่านการคัดเลือกก็ใช้เวลาอีกหลายเดือนในการฝึกงานและเรียนรู้อยู่ที่บริษัท ดังนั้นแล้ว องค์กรไม่ควรปล่อยให้บุคคลที่มีศักยภาพนี้เดินออกจากบริษัทไปเปล่า ๆ เมื่อการฝึกงานสิ้นสุดลง

องค์กรควรลงทุนสร้างเครือข่ายที่เหมือนกับ LinkedIn เพื่อให้นักศึกษาฝึกงานเก่ากับนักศึกษาที่ฝึกอยู่ในปัจจุบันสามารถติดต่อกันได้ ซึ่งจะช่วยให้ โปรแกรมการฝึกงานของบริษัทมีความน่าสนใจยิ่งขึ้นสําหรับผู้ที่สนใจจะสมัครในอนาคต และยังเป็นการสร้าง Echo chamber (พื้นที่แชร์ความคิดและข่าวสารจากคนกลุ่มเดียวกัน) ที่มีประโยชน์กับองค์กรในอนาคตอีกด้วย โดยสามารถช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร หรือประกาศรับสมัครงานในตำแหน่งที่ว่าง ซึ่งเครือข่ายนี้จะช่วยดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่สนใจในตัวบริษัทได้

การฝึกงานไม่ใช่การมีส่วนร่วมในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่มันคือการลงทุนระยะยาวสำหรับองค์กร

อ้างอิง : Forbes 

ถึงเป็นธุรกิจเล็ก วัฒนธรรมองค์กรก็สำคัญ
เริ่มเปลี่ยนวันนี้ก่อนสาย

.
หากองค์กรของคุณกำลังเจอปัญหา … พนักงานหมดไฟ…ทุกการตัดสินใจล่าช้าเพราะต้องรอ CEO … พนักงานลาออกเยอะ แต่ไม่รู้สาเหตุ และอีกมากมายปัญหาในองค์กรที่คุณแก้ไม่ตก
.
Peoplesauce ช่วยธุรกิจ SMEs /Startups ที่กำลัง Scale up สร้าง “คน” และ“Culture” เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

เริ่มเปลี่ยนไปพร้อมกับเราได้ตั้งแต่วันนี้ที่

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แพง...แต่ทำไมใครๆ ก็ยอมจ่าย? เบื้องหลังความสำเร็จของ Garmin "ไม่สู้ตรงๆ แต่ชนะขาด"

เจาะลึกกลยุทธ์ธุรกิจของ Garmin ที่พลิกชะตาจากวิกฤตการณ์สมาร์ทโฟน สู่การเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทวอทช์เฉพาะทาง อ่านบทเรียนการปรับตัวครั้งสำคัญที่ไม่สู้ตรงๆ แต่กลับชนะขาด และสร้างการเติบโต...

Responsive image

Duolingo ใช้ AI เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เร่ง Productivity โดยไม่ลดคน

Duolingo ใช้ AI ขับเคลื่อน Culture Transformation เปลี่ยนวิธีทำงาน เพิ่ม Productivity ได้มากขึ้น 5 เท่า โดยไม่ต้องปลดพนักงานสักคนเดียว...

Responsive image

เรียนจบใหม่แต่ไม่มีที่ให้เริ่ม เพราะ AI แย่งจุดเริ่มไปแล้ว ความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญในองค์กรยุคใหม่

AI กำลังเปลี่ยนโลกการทำงาน โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้นที่หายไปกว่า 35% ทำให้คนรุ่นใหม่ขาดโอกาสเริ่มต้นอาชีพ คำถามคือ เราจะออกแบบบันไดอาชีพแบบใหม่อย่างไรให้ทุกคนยังมีพื้นที่เติบโต ...