ในบทความนี้ Techsauce ขอพาผู้อ่านไปรู้จักคำว่า Innovation Culture หรือ วัฒนธรรมนวัตกรรม อีกฟันเฟืองสำคัญของการสร้างนวัตกรรมองค์กรที่ขาดไปไม่ได้
อย่างที่เราได้เคยเล่าไปในบทความ ทำไมนวัตกรรมถึงสำคัญกับองค์กร และสำคัญมากยิ่งขึ้นในยุค AI ถึงความสำคัญของนวัตกรรม ในฐานะเป็นเครื่องมือช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ธุรกิจ โดยมีสถิติชี้ชัดว่าบริษัทที่ลงทุนในนวัตกรรมอย่างจริงจัง จะเติบโตได้ดีกว่าแม้จะเจอช่วงเวลายากลำบาก วันนี้เราจะมารู้จักวัฒนธรรมพื้นฐานที่จะช่วยให้องค์กรคิดค้นนวัตกรรมได้กัน
Innovation Culture หรือ วัฒนธรรมนวัตกรรม หมายถึงรูปแบบของวัฒนธรรมองค์กรที่สร้างขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างนวัตกรรม ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมให้พนักงานได้ คิดต่าง คิดสร้างสรรค์ กล้าเสี่ยง เพื่อค้นหาโอกาสใหม่ๆ ในขณะที่องค์กรคอยสนับสนุนเครื่องมือ ทรัพยากร และสร้างระบบการทำงานที่เอื้อให้พนักงานได้ออกนอกกรอบ
การสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรม นอกจากจะช่วยองค์กรให้ค้นหานวัตกรรมได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มผลผลิตและกำไร อีกทั้งช่วยดึงดูดและรักษาพนักงานเก่งๆ ไว้ได้
ต้องย้อนกลับไปถามก่อนว่า ทำไมธุรกิจต้องการนวัตกรรม ? ก็เพื่อหาวิธีใหม่ ความคิดใหม่ หรือผลิตภัณฑ์บริการใหม่ มาช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายและรวดเร็ว ทั้งจากผู้บริโภคและเทคโนโลยีใหม่ หรือวิกฤตใหม่ ทั้งโรคระบาด การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เศรษฐกิจ ฯลฯ
และนี่คือประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับ ถ้ามีวัฒนธรรมนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง
การสร้างวัฒนธรรมเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดยากที่จะทำ หลายองค์กรต้องตกม้าตายเพราะไม่สามารถสร้างวัฒนธรรมในแบบที่ตัวเองต้องการได้ การจะสร้าง Innovation Culture จึงต้องการวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ผู้นำที่พร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง และแนวทางที่มีโครงสร้าง มีแผนการปฏิบัติเป็นรูปธรรม ซึ่งองค์กรอาจเริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยวิธีเหล่านี้
หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อเปิดพื้นที่และกระตุ้นให้พนักงานได้ออกความเห็น คือการจัดเซสชั่น Brainstroming อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานเป็นทีมไปในตัว
ถ้าพนักงานช่วยกันออกไอเดีย แต่หัวหน้าบอกปัด ไอเดียนั้นก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นจริง ซ้ำร้ายจะซ้ำเติมให้พนักงานหมดกำลังใจ เพราะรู้ว่าถึงมีความคิดแปลกใหม่ องค์กรก็ไม่รับไปปฏิบัติ
เพราะฉะนั้นควรเปิดโอกาสให้พนักงานได้ออกความเห็น และนำความเห็นนั้นไปทำให้เกิดขึ้นจริงด้วยตัวเขาเอง สิ่งนี้จะช่วยปลูกฝังความรู้สึกเป็นเจ้าของ (Sense of ownership) ที่พนักงานมองว่าตนเป็นเหมือนเจ้าของกิจการนี้ และต้องการช่วยธุรกิจให้เติบโต และช่วยเพิ่มความรับผิดชอบมากขึ้น
นอกจากนั้น การให้อิสระกับความคิดของพนักงานจะช่วยกระตุ้นให้พนักงานคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มประสิทธิภาพให้พนักงานมากขึ้นจากการได้คิดและลงมือทำเอง
พนักงานที่แตกต่าง ยอมนำมาสู่ไอเดียที่แตกต่าง และอาจจะกลายเป็นไอเดียแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน การสร้างโปรเจกต์ที่รวมพนักงานจากหลายแผนกมาทำงานร่วมกัน เป็นการเปิดมุมมองใหม่ และอาจนำไปสู่การสร้างนวัตกรรม
ระบบรางวัลอาจเป็นหนึ่งแรงจูงใจให้พนักงานอยากแสดงความสามารถ เมื่อความคิดของพวกเขาได้รับการยอมรับ ได้นำไปปฏิบัติจริงและเกิดผลลัพธ์ที่ดี และสุดท้ายได้ผลตอบแทนเป็นรางวัล จะทำให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น และผลักดันให้พนักงานอยากมีส่วนร่วมกับสิ่งที่บริษัททำต่อไป นอกจากนั้นยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น
ในหนึ่งวันพนักงานบางคนมีหน้าที่หลายอย่าง ถ้าการทำงานที่ได้รับมอบหมาย ตามความหน้าที่รับผิดชอบกินเวลาส่วนใหญ่ไปแล้ว การจะให้พนักงานมาคิดสร้างสรรค์อีกเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าองค์กรต้องการไอเดียที่ดี ก็ต้องจัดสรรให้พนักงานมีเวลาได้คิด หรืออาจจัดกิจกรรมอย่าง Hackathon ในหนึ่งวันก็ได้
Side Project หรือโครงการที่ไม่เกี่ยวกับงานหลักที่พนักงานทำ เป็นได้ทุกเรื่องที่พนักงานสนใจ บางคนอาจชอบเขียนหนังสือ บางคนอยากทำพอดแคสต์ ออกกำลังกาย เขียนโค้ด หรือวาดรูป ฯลฯ การส่งเสริมให้พนักงานมีโครงการที่ได้ทำสิ่งที่ชอบ อาจเป็นแรงผลักดันให้พวกเขาคิดไอเดียแปลกใหม่ออกมาได้
กิจกรรม Networking เป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยเปิดมุมมองความคิด และสร้างความสัมพันธ์ที่ช่วยพัฒนาพนักงาน และอนาคตอาจต่อยอดไปถึงการมีผลประโยชน์ร่วมกันได้ การจัดกิจกรรมให้พนักงานได้เจอเพื่อนต่างแผนก ผู้บริหารต่างแผนก หรือบริษัทอื่นๆ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดใหม่ๆ
อ้างอิง : techtarget , quixy.com, adevait.com
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด