พาเดินเล่น Microsoft (ประเทศไทย) ย้ายออฟฟิศแห่งใหม่ในรอบ 30 ปี ออกแบบจากเสียงของพนักงานตอบโจทย์ Hybrid Work

Microsoft Thailand เปิดตัวออฟฟิศใหม่ในโครงการ One Bangkok ใจกลางเมือง นับเป็นการอัปเกรดแนวคิดการทำงานให้เข้ากับยุค Hybrid Work ที่ไม่ใช่ว่าต้องนั่งออฟฟิศทุกวัน แต่ก็ยังทำงานร่วมกันได้ลื่นไหล ซึ่งถือเป็นการย้ายออฟฟิศครั้งสำคัญในรอบ 20-30 ปี

ทีม Techsauce มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศของออฟฟิศแห่งใหม่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและพื้นที่การทำงานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัล โดยคุณ ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ Microsoft Thailand เผยว่า นี่คือ “ออฟฟิศแห่งอนาคต” ที่สะท้อนถึงแนวคิด Data-Driven, Growth Mindset และการทำงานที่ Flexible & Collaborative อย่างแท้จริง

ออฟฟิศที่ออกแบบจาก "ความเข้าใจ" คนทำงาน

ก่อนอื่นหลายๆ คนคงสงสัยว่า ทำไม Microsoft (Thailand) ถึงต้องย้ายออฟฟิศ ด้านคุณธนวัฒน์ ให้คำตอบมาว่า เนื่องจากออฟฟิศเก่ากำลังจะหมดสัญญาในช่วงปลายปี และในขณะที่กำลังคิดกันว่า จะไปต่อที่เดิม หรือหาที่ใหม่ดี ? เราก็กลับมาดู Data จริงๆ ของพนักงาน ซึ่งพบว่า…

  • พนักงานที่เข้าออฟฟิศจริงๆ มีแค่ประมาณ 30% เท่านั้น
  • ออฟฟิศเก่าใหญ่เกินไป คนเดินหากันไม่เจอ บรรยากาศบางวันเหงาเหมือนทำงานคนเดียว
  • Hybrid Work กำลังเป็นเรื่องใหญ่ เราต้องการสถานที่ที่รองรับการทำงานรูปแบบนี้แบบเต็มที่

พอเห็นแบบนี้ ทางทีมจึงคุยกันว่า "งั้นเราลองมองหาที่ใหม่ที่ใช่กว่านี้มั้ย?" ให้เป็นสถานที่ที่ช่วยดึงดูด คนเก่งๆ ให้อยากมาร่วมงาน และช่วยให้พนักงานปัจจุบันรู้สึกมีพลังในการทำงานมากขึ้น

ออฟฟิศแห่งนี้จึงถูกออกแบบมาจากการใช้ข้อมูลจริง (Data-Driven) โดยได้สำรวจองค์กรชั้นนำใน 9 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี สหรัฐอเมริกา บราซิล และเม็กซิโก รวมถึงมีการวิเคราะห์พฤติกรรมของพนักงานว่า เขาอยากทำงานยังไง? อยากได้พื้นที่แบบไหน? แล้วออกแบบออกมาให้ตอบโจทย์ที่สุด

ซึ่งสิ่งที่ Microsoft ให้ความสำคัญคือ Growth Mindset หรือแนวคิดที่ว่า “คนเราสามารถพัฒนาได้เสมอ” ออฟฟิศนี้จึงเป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมให้ทุกคนได้เรียนรู้ และเติบโตไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ไอเดียระหว่างทีม การเปิดรับมุมมองใหม่ๆ หรือการใช้เทคโนโลยีมาช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น

ห้องประชุมอัจฉริยะ

ดังนั้น จากออฟฟิศเก่าสองชั้นใหญ่ๆ เราตัดสินใจลดขนาดลง ให้เหลือแค่ชั้นเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็ เพิ่มมูลค่าด้วยการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทำให้การทำงานสะดวกขึ้น อาทิ 

  1. โต๊ะทำงานปรับระดับได้ – จะยืน จะนั่ง หรือจะสไตล์ไหนก็จัดไป ตามความสบายของแต่ละคน
  2. ห้องประชุมอัจฉริยะ – มี AI คอยช่วยให้การประชุม Hybrid ลื่นไหล เช่น กล้องจับไวท์บอร์ดอัตโนมัติ ทำให้คนที่ทำงานจากบ้านก็ตามทันได้
  3. Co-Working Space & Focus Room – สำหรับคนที่อยากทำงานร่วมกับเพื่อน หรืออยากหาพื้นที่เงียบๆ เพื่อโฟกัสก็มีให้หมด
  4. ห้องสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ – มีทั้ง ห้องละหมาด, ห้องให้นมลูก, ห้องนั่งสมาธิ เพื่อรองรับพนักงานที่มีความต้องการแตกต่างกัน

และที่น่าสนใจมากๆ คือ ห้องประชุมของ Microsoft (Thailand) จะมีส่วนที่ใช้ชื่อเป็นอาหารไทย เพราะบริษัทอยากให้ที่นี่สะท้อนถึง "เทค + ไทย" ไปด้วยกัน ทุกชื่อเป็นเมนูจากทุกภาคของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำ ผัดไทย ข้าวซอย แกงเขียวหวาน

โดยออฟฟิศใหม่ถูกออกแบบให้เป็น Hot Seat 100% ในอัตราส่วน 3:1 เพื่อให้การใช้พื้นที่เกิดประโยชน์สูงสุด และรองรับความยืดหยุ่นในการทำงาน Microsoft ตั้งเป้าหมายให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 50% โดยยังคงแนวทาง Hybrid Work ที่ให้พนักงานสามารถเลือกวิธีการทำงานที่เหมาะสมกับตนเองได้

Wellness และ Sustainability ยังเป็นสิ่งที่ใส่ใจเหมือนเดิม

ด้านคุณธนวัฒน์ เผยว่า ออฟฟิศใหม่แห่งนี้มี 4 หัวใจสำคัญที่ช่วยให้การทำงานสนุกขึ้น สะดวกขึ้น และตอบโจทย์มากขึ้น โดยเน้นไปที่ความสุขของ ‘คน’ ควบคู่ไปกับความใส่ใจ ‘สิ่งแวดล้อม’ อาทิ

1. ทำงานให้ดี สุขภาพก็ต้องดี

ห้องให้นมบุตร

Microsoft เชื่อว่าการทำงานที่ดีต้องควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาวะของพนักงาน ออฟฟิศแห่งใหม่นี้จึงออกแบบมาเพื่อช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างสะดวกสบายและมีสุขภาพที่ดีขึ้น

  • ระบบไฟอัจฉริยะ ที่สามารถปรับระดับแสงตามสภาพแวดล้อม เพื่อลดอาการล้าของสายตา
  • โต๊ะทำงานปรับระดับได้ รองรับทั้งการนั่งและยืนทำงาน เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
  • ห้อง Focus Room และ Phone Room สำหรับพนักงานที่ต้องการพื้นที่เงียบสงบเพื่อการทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง
  • ห้องสำหรับพนักงานที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ เช่น ห้องให้นมบุตร เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในระหว่างการทำงาน

2. ออฟฟิศที่ออกแบบมาเพื่อ "ทุกคน"

ห้องละหมาด

Microsoft ให้ความสำคัญกับความหลากหลายและการออกแบบสถานที่ทำงานที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม

  • Hearing Loop System เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยินสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ช่วยฟังและเข้าร่วมประชุมได้สะดวก
  • สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้วีลแชร์ ไม่ว่าจะเป็นระดับสวิตช์ไฟ เครื่องอ่านบัตรพนักงาน หรือประตูอัตโนมัติที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งาน
  • พื้นที่ที่ส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานที่เปิดกว้าง โดยการจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะกับพนักงานทุกเพศ ทุกวัย และทุกศาสนา

3. ทำงานได้ทุกที่ เชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ

ออฟฟิศแห่งใหม่นี้รองรับแนวคิดการทำงานแบบ Hybrid Work ที่ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่ พร้อมอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • Copilot AI และ Microsoft 365 ที่ช่วยให้พนักงานทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ระบบประชุมอัจฉริยะ เช่น กล้องจับไวท์บอร์ดที่ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมออนไลน์สามารถเห็นเนื้อหาบนกระดานได้อย่างชัดเจน
  • Surface Hub และอุปกรณ์ Collaboration เพื่อช่วยให้ทีมสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น

4. ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ลดของเสีย ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า

แผงกั้นตกแต่งที่สานจากพลาสติกรีไซเคิล

Microsoft ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการเลือกใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

  • ใช้วัสดุรีไซเคิล เช่น แผงกั้นที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล
  • ระบบประหยัดพลังงาน โดยใช้ไฟที่สามารถปรับระดับแสงได้อัตโนมัติ เพื่อลดการใช้พลังงานเกินความจำเป็น
  • ลดการใช้พลาสติกและของใช้แบบใช้ครั้งเดียว โดยใช้ภาชนะที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำหรือย่อยสลายได้

นอกเหนือจากการออกแบบออฟฟิศให้ทันสมัยแล้ว Microsoft Thailand ยังนำ เอกลักษณ์ความเป็นไทย มาผสานเข้ากับเทคโนโลยี ผ่านการออกแบบพื้นที่และองค์ประกอบต่างๆ เช่น ลวดลายและวัสดุที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะไทยตกแต่งตามผนังออฟฟิศ 

แนวทางนี้สะท้อนถึงมุมมองของ Microsoft ที่มองว่า...

ออฟฟิศไม่ใช่แค่สถานที่ แต่เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อผู้คน เทคโนโลยี และนวัตกรรมเข้าด้วยกันพร้อมสนับสนุนให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แพง...แต่ทำไมใครๆ ก็ยอมจ่าย? เบื้องหลังความสำเร็จของ Garmin "ไม่สู้ตรงๆ แต่ชนะขาด"

เจาะลึกกลยุทธ์ธุรกิจของ Garmin ที่พลิกชะตาจากวิกฤตการณ์สมาร์ทโฟน สู่การเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทวอทช์เฉพาะทาง อ่านบทเรียนการปรับตัวครั้งสำคัญที่ไม่สู้ตรงๆ แต่กลับชนะขาด และสร้างการเติบโต...

Responsive image

Duolingo ใช้ AI เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เร่ง Productivity โดยไม่ลดคน

Duolingo ใช้ AI ขับเคลื่อน Culture Transformation เปลี่ยนวิธีทำงาน เพิ่ม Productivity ได้มากขึ้น 5 เท่า โดยไม่ต้องปลดพนักงานสักคนเดียว...

Responsive image

เรียนจบใหม่แต่ไม่มีที่ให้เริ่ม เพราะ AI แย่งจุดเริ่มไปแล้ว ความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญในองค์กรยุคใหม่

AI กำลังเปลี่ยนโลกการทำงาน โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้นที่หายไปกว่า 35% ทำให้คนรุ่นใหม่ขาดโอกาสเริ่มต้นอาชีพ คำถามคือ เราจะออกแบบบันไดอาชีพแบบใหม่อย่างไรให้ทุกคนยังมีพื้นที่เติบโต ...