Libra coin สกุลเงิน Cryptocurrency ใหม่แกะกล่องที่แจ้งเกิดโดย Facebook เป็นประเด็นร้อนแรงที่ผู้คนต่างจับจ้องในช่วงที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่ต้องการให้คนตัวเล็ก ซึ่งไม่มีแม้แต่บัญชีธนาคารสามารถเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินบนโลกออนไลน์อย่างทั่วถึง จนทำให้ยักษ์ใหญ่แห่งแวดวงการเงินระดับโลกต่างโดดเข้าร่วมวงโดยพร้อมเพียง แม้ยังเป็นที่จับตาของผู้คุ้มกฎหลายสถาบัน ที่เกรงว่าจะกลายเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน หรือ ธุรกรรมผิดกฎหมาย จึงต้องรอการพิสูจน์ศักยภาพเพื่อให้เป็นที่ยอมรับอย่างแท้จริง
แม้ว่าสมัยก่อนผู้คนต่างก็ใช้ทองคำเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า แต่ด้วยจำนวนทองคำมีอยู่อย่างจํากัดจึงทำให้การผูกเงินตราไว้กับทองคำมีความเสี่ยงก่อให้เกิดอัตราเงินฝืด
ด้วยเหตุนี้จึงเริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินกระดาษดังเช่นปัจจุบัน ที่มีตัวกลางควบคุม คือธนาคาร อย่างไรก็ตามแม้ระบบการเงินแบบธนาคารที่มีความน่าเชื่อถือสูง ถูกนำมาใช้ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ก็กลับกลายนำมาซึ่งปัญหาเรื่องเงินเฟ้อตามมา จนเกิดเป็นวิกฤตทางการเงินครั้งใหญ่ที่มีผลกระทบไปทั่วโลก
จากปัจจัยข้างต้น จึงนำไปสู่การถือกำเนิดของสกุลเงินดิจิทัล (Digital Currency) แห่งแรกของโลก ซึ่งก็คือ Bitcoin กระทั่งเริ่มเข้ามามีบทบาททางการเงิน ด้วยรากฐานของการไม่เชื่อใจต่อธนาคารและเงินกระดาษ
แต่ Bitcoin ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องการผันผวนของราคาที่สูง จึงยากต่อการใช้ในชีวิตประจำวัน จนกระทั่ง Facebook ได้ประกาศตัวเหรียญ Libra ซึ่งเป็นเหมือนความหวังใหม่ที่จะทำให้คนเชื่อมั่นใน Cryptocurrency มากยิ่งขึ้น
Libra คือสกุลเงินของ Facebook ที่อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัทที่เรียกว่า Libra Association ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร มีสมาชิกอย่างน้อย 27 บริษัท เช่น Visa PayPal Uber และอื่น ๆ อีกมากมาย
โดยเหรียญ Libra ใช้เทคโนโลยี blockchain มีลักษณะเป็น Stablecoins ที่มีการอ้างอิงมูลค่าตามสินทรัพย์ต่าง ๆ ออกแบบมาเพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนและความยุ่งยาก เนื่องจากความผันผวนของราคาระหว่างการชำระเงิน นอกจากนี้การใช้จ่ายด้วยเหรียญ Libra ผ่านผลิตภัณฑ์ของ Facebook เช่น Messenger และ WhatsApp จะไม่มีการเสียค่าธรรมเนียม
ต้นกำเนิดของ Cryptocurrency โดย Facebook ครั้งนี้มีที่มาจากการเห็นถึงปัญหาต่อการเข้าถึงระบบการเงินของผู้คนทั่วโลก ซึ่งหลาย ๆ ท่านอาจไม่รู้ว่ามีประชากรจำนวนมากกว่า 1,700 ล้านคนบนโลกที่ยังคงอยู่นอกระบบการเงิน ทั้งที่มากกว่าครึ่งของจำนวนนี้สามารถเข้าถึง Smartphone และ Internet ได้ ด้วยข้อจำกัดที่ค่าบริการทางการเงินมีค่าธรรมเนียมที่สูง ทำให้บรรดาผู้คนซึ่งมีฐานะทางการเงินที่ไม่ดี จึงไม่สามารถเข้าถึงการบริการได้
จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้เหรียญ Libra มีวัตถุประสงค์เพื่อเอื้อให้ผู้ใช้บริการทำธุรกรรมทางการเงินได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคาร โดยเฉพาะประเทศที่ด้อยพัฒนา และอยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีสถาบันการเงินบริการไม่มากนัก นั่นคือส่งเสริมให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงระบบการเงินเพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งยังมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ไปจนถึงไม่มีเลย
Libra coin เป็นเหมือนแสงใหม่สำหรับ Cryptocurrency ที่จะมาสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ เนื่องจากมีความเสถียรและมีสินทรัพย์ที่น่าเชื่อถือ เป็น 5 สกุลเงินใหญ่ของโลกได้แก่ USD JPY GBP CNY และ EUR และยังร่วมมือกับหน่วยงานทางการเงินที่มีความน่าเชื่อถือสูง จึงทำให้ Libra สามารถมีผู้ใช้บริการได้เป็นพันล้าน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่สูงมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้งาน Bitcoin ที่มีเพียงเเค่ 5-6 ล้านคนเท่านั้น
ทั้งนี้ มองว่าเงินสกุลใหม่ดังกล่าวจะเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกจนทำให้ทุกการทำธุรกรรมไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือระหว่างประเทศจะใช้เพียงสุกลเดียว ซึ่งผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนค่าเงินให้ยุ่งยากอีกต่อไป จะมีคนหันมาใช้ Digital Currency ในชีวิตประจำวันมากขึ้นโดยอาจไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนกลับไปใช้สกุลเงินของประเทศตัวเองด้วยซ้ำเพราะมีความสะดวกสบายมากกว่าและค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานสามารถโอนเงินผ่าน App ในเครือของ Facebook ได้รวดเร็วเช่นเดียวกับการส่งสติกเกอร์ และอาจพัฒนาไปถึงขั้นการกู้ยืมเงิน ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย เช่น Bitkub ได้ประกาศพร้อมลิสต์เหรียญจาก Facebook หรือ Libra ในอนาคตอันใกล้นี้
หากผลงานแห่งการสร้างสรรค์ Cryptocurrency โดย Facebook ครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้แล้วนั้น ธุรกิจที่จะโดนผลกระทบมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ธนาคาร และ e-payment อย่างแน่นอนในเมื่อผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องเข้าหาธนาคารเพื่อการทำธุรกรรมต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่ให้ความสะดวกสบายมากกว่า
รวมถึงในส่วนของ e-payment เอง ระบบของ Libra ก็มีศักยภาพมากพอที่จะเข้ามาแทนที่ได้ แน่นอนว่าคนเราพร้อมจะใช้สิ่งที่พวกเขาคิดว่าดีกว่าเสมอ จนเป็นไปได้ที่เราอาจจะได้เห็นขาลงของบริษัทการเงินหลาย ๆ แห่ง
นอกจากนี้บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง Visa MasterCard และ PayPal ก็ได้ลงทุนรายละ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อมาอยู่ในเครือข่าย Libra ด้วยเลือกที่จะปรับตัว แม้จะถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดในระยะยาว เพื่อหวังที่จะไม่โดนทิ้งไว้ข้างหลัง
ในตอนนี้เป้าหมายที่จะทำให้ Libra กลายเป็นสกุลเงินโลกดูเหมือนจะมีข้อกังวลต่อรัฐบาลในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งต้องการเข้ามาศึกษาความเสี่ยงในการใช้ Cryptocurrency ที่อาจมีผลกระทบกับเสถียรภาพทางการเงิน การกำกับดูแล และป้องกันไม่ให้สกุลเงินดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน หรือ ธุรกรรมผิดกฎหมาย
อีกทั้งระบบจะต้องอยู่ภายใต้ระบบที่มีมาตรฐานระดับสูง ทั้งนี้ยังมีความกังวลด้านความเสี่ยงในการใช้ข้อมูลโดยมิชอบ และ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค แม้กระทั่งธนาคารแห่งประเทศไทย ยังเห็นถึงข้อกังวลเหล่านี้และออกมาบอกว่า ต้องคอยจับตาความชัดเจนด้านรูปแบบกลไก การทำงานขององค์กร และ เครือข่าย Libra
นอกจากนี้คณะกรรมการสภาบริการทางการเงินสหรัฐอเมริกา ยังมีการเรียกร้องให้ Facebook ยุติการพัฒนาโครงการ Libra ชั่วคราวจนกว่าสภาและผู้กำหนดนโยบายจะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน
การมาของเหรียญ Libra แน่นอนว่าจะมีผลกระทบต่อระบบการเงินของโลกอย่างแน่นอน เนื่องจากธุรกรรมทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะมีความสะดวกสบายมากขึ้นไปอีกก้าว ด้วยช่วยให้คนที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบการเงินของธนาคารได้ในวันนี้ ก็จะสามารถใช้ระบบการเงินผ่านมือถือ ที่แม้มีแค่ Internet ก็เพียงพอสำหรับการทำธุรกรรม
แต่ทั้งนี้การที่โครงการจะประสบความสำเร็จได้จะต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัย กฎหมาย และ ข้อกังวลต่าง ๆ จากทั่วโลกเพื่อทำให้เป็นที่ยอมรับโดยแท้จริง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด