HSBC และ Bank of America จับมือภาครัฐสิงคโปร์ นำ Blockchain มาช่วยธุรกิจนำเข้า ส่งออก | Techsauce

HSBC และ Bank of America จับมือภาครัฐสิงคโปร์ นำ Blockchain มาช่วยธุรกิจนำเข้า ส่งออก

มาอีกแล้วกับความเคลื่อนไหวของการจับมือระหว่างธนาคารและภาครัฐสิงคโปร์โดยการนำ Blockchain มาใช้ คราวนี้เป็นยักษ์ใหญ่ธนาคารอย่าง Bank of America และ HSBC จับมือกับ Infocomm Development Authority of Singapore (IDA) เผยว่ากำลังสร้าง Blockchain application เพื่อรองรับกระบวนการการทำธุรกรรมตราสารเครดิต (Letter of credit (LC)) ระหว่างธนาคาร ผู้นำเข้า และผู้ส่งออก

Trade Finance

ภาพจาก stanbicibtcbank 

สำหรับการซื้อขายสินค้าส่งออกและสินค้านำเข้า เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อมันใจได้ว่าจะไม่โดนเบี้ยว และได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและถูกต้องตามที่สั่ง ในขณะที่ผู้ขายจะได้เงินครบถ้วน จึงมีการกำหนดตราสารเครดิต (Letter of credit (LC)) ขึ้น ซึ่งเป็นสื่อกลางอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศ เสมือนเป็นหลักประกัน เดิมเป็นที่ทราบกันดีว่ากระบวนนี้ทางธนาคารจะเป็นคนออกตราสารให้แก่ผู้ขอเปิดเครดิต โดยธนาคารจะมีภาระผูกพันที่ต้องชำระให้แก่ธนาคารของผู้ส่งออกตามเงื่อนไขที่กำหนด

แต่เมื่อมีการนำ Blockchain มาใช้ นั่นหมายถึง ระบบการ Authentication การตรวจสอบเดต้า การยืนยันรายการบัญชีต่างๆ นั้นสามารถนำระบบแบบ Distributed-ledger เข้ามาช่วยในการทำ Data Authentication ตกลงยอมรับและมีการตรวจสอบว่า Transaction นั้นถูกต้อง ไม่ต้องใช้ส่วนกลางในการตรวจสอบ โดยแอปพลิเคชั่นที่พัฒนาขึ้นมาเป็นการสร้างรายการ LC ขึ้นมาอีกชุดโดยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้นำเข้าสินค้า, ผู้ส่งออกสินค้า และ ธนาคารทั้ง 2 ฝั่ง ตัวแอปฯ จะมีข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่สามารถดูได้บนแทปเล็ต และทำธุรกรรมต่อได้ ทำให้การซื้อขายสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วสะดวกมากขึ้น และมาพร้อมความโปร่งใส ภายใต้กระบวนการของ Distributed-ledger

โดยขณะนี้เป็นช่วง Proof-of-Concept ดูอยู่ว่าทำได้จริงไหมระหว่าง 2 ธนาคารและภาครัฐฯ สิงคโปร์ อ้างอิงจากInternational Business Times ขั้นตอนทดสอบนี้มีด้วยกัน 7 ขั้นตอนดังนี้

  1. ผู้นำเข้าเปิด LC กับธนาคารของฟากผู้นำเข้าเก็บไว้บน Blockchain
  2. ธนาคารของผู้นำเข้าสินค้าจะได้รับการแจ้งเตือนให้เข้าไปรีวิว LC โดยจะทำการอนุมัติ หรือปฎิเสธขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ให้ ถ้าได้รับการอนุมัติแล้ว ทางฟากของธนาคารผู้ส่งออกจะเข้ามาดูข้อมูลได้อัตโนมัติเพื่อทำการอนุมัติต่อไป
  3. ธนาคารผู้ส่งออกทำการอนุมัติหรือปฎิเสธ LC ได้ ถ้าได้รับการอนุมัติ ทางผู้ส่งออกสามารถดู LC ผ่านทางแอปพลิเคชั่น
  4. ผู้ส่งออกส่งสินค้า, ใบกำกับภาษี และแนบเอกสารสำคัญอื่นๆ เข้าไป หลังจากได้รับการตรวจสอบข้อมูลจะขึ้นไปเก็บไว้บน Blockchain
  5. ธนาคารผู้ส่งออกทำการอนุมัติหรือปฏิเสธแอปฯ และเอกสารชุดนั้นได้
  6. ธนาคารฟากผู้นำเข้าตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เทียบกับ LC ถ้าเจอข้อแตกต่างสามารถส่งให้ทางผู้นำเข้ารีวิวดูได้ เมื่อได้รับการอนุมัติ LC status ก็จะถึงว่าจบกระบวนการ ผู้นำเข้าก็ชำระเงิน
  7. แต่ถ้ามีจุดที่แตกต่าง ทางผู้นำเข้าสินค้าสามารถรีวิวเอกสารและทำการอนุมัติหรือปฏิเสธก็ได้

Vive Ramachandran Global Head of Product ของธนาคาร HSBC ที่ดูแลส่วน Trade Finance Business กล่าวว่า ใครๆ ก็พูดถึงทฤษฎี Blockchain กันเต็มไปหมด แต่สำหรับครั้งนี้ เรากำลังเริ่มทำมันจริงๆ แล้ว ดูว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาความท้าทายของลูกค้าได้อย่างไร อย่างกรณีของ LC นั้น เทคโนโลยี Blockchain จะมาช่วยทำให้การทำงานเร็วขึ้น ง่ายขึ้นและเชื่อมโยง Supplier กับลูกค้าที่อยู่ที่บ้านและต่างประเทศได้

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

IMD จัดอันดับ Digital Competitiveness ปีนี้ ไทยร่วงจาก 35 เป็น 37 ถ้าอยากขยับขึ้น...ต้องแก้ไขตรงไหนก่อน?

ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล ประจำปี 2567 โดย IMD World Competitiveness Center ไทยได้อันดับ 37 ขยับลงจากปีก่อน 2 อันดับ (35) แล้วจะทำอย่างไรให้ไทยได้อยู่ในอัน...

Responsive image

สู่ Siri ยุคใหม่ ! เผย Apple เตรียมเปิดตัว LLM Siri ในปี 2026 ท้าแข่ง ChatGPT โดยเฉพาะ

OpenAI ถือเป็นหนึ่งในบิ๊กเทคฯ ยักษ์ใหญ่ที่มีความก้าวกระโดดด้านการพัฒนา AI หลังจากสร้างกระแสด้วยแชทบอท ChatGPT ไปเมื่อปลายปี 2022 ซึ่งเมื่อปีที่แล้วก็เพิ่งมีดีลกับ Apple ในการนำ Cha...

Responsive image

American Airlines เปิดตัวระบบจัดการคิวอัจฉริยะ เทคโนโลยีเสียงเตือนสองระดับ ปิดเกมสายแซงคิวขึ้นเครื่อง

เคยเจอไหม? คนแซงคิวขึ้นเครื่องจนวุ่นวายที่ประตูทางขึ้น หลังจากนี้จะไม่มีอีกต่อไป เมื่อ American Airlines แก้ปัญหานี้ด้วยเทคโนโลยีเสียงเตือนอัจฉริยะ ที่จะจับทุกความพยายามแอบขึ้นเครื...