วันนี้ Facebook ประเทศไทย ได้จัดงานแถลงข่าวออนไลน์ The Future of Shopping โดยในงานนี้ได้พบกับ คุณแพร ดํารงค์มงคลกุล Country Director ของ Facebook ประเทศไทย และ คุณณัฐธภา ศรีมงคล Chief Operating Officer ของ KaoJao มาร่วมกันสนทนา พร้อมเผยให้เห็นถึงวิธีการใหม่ ๆ ที่คนไทยใช้เพื่อค้นหาและเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงแนวโน้มของผู้บริโภคในการใช้งานเครื่องมือใหม่ล่าสุดบนช่องทางออนไลน์
โดยหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาก ๆ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวีธีการช้อปปิ้งแบบเดิม ๆ อีกครั้ง คือ การโฆษณาที่ใช้เทคโนโลยี AR เข้ามาช่วยร้านค้า โดยให้ลูกค้าได้ลองสินค้าที่ตนเองสนใจ ผ่านเทคโนโลยี Augmented Reality ที่พร้อมจะแสดงรูปแบบสินค้าเสมือนจริง ซึ่งทางลูกค้าสามารถทดลองเหมือนกับอยู่หน้าร้าน พร้อมทำการสั่งซื้อได้บนแพลตฟอร์มเดียวกัน ซึ่งตรงนี้จะช่วยสร้างประสบการณ์แปลกใหม่แบบไร้รอยต่อในการซื้อของออนไลน์ให้กับผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเทคโนโลยีที่ Facebook กำลังพัฒนาเพื่อเปลี่ยนโลกใบเดิมที่เราเคยอยู่ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น
ด้วยจำนวนผู้ใช้งานกว่า 3,300 ล้านคน และธุรกิจร้านค้าอีกกว่า 200 ล้านรายที่ใช้งานแอปพลิเคชันในเครือของ Facebook เป็นประจำทุกเดือน ทำให้ Facebook ยังคงเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของการเชื่อมต่อและการค้นพบสินค้าใหม่ ๆ ของคนไทยที่พร้อมจะสร้างปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจต่าง ๆ อย่างสร้างสรรค์และสะดวกสบาย
คุณแพร ดํารงค์มงคลกุล กล่าวเน้นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงด้านประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ครั้งนี้ ในระหว่างการเผยผลการศึกษาครั้งใหม่ของ Facebook ภายในงานว่า “ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เราได้เห็นนักช้อปออนไลน์ทั่วโลกร้อยละ 86 ใช้งานแอปพลิเคชันในเครือของ Facebook เป็นประจำทุกสัปดาห์ ตัดสินใจซื้อสินค้าที่พวกเขาค้นพบบนแพลตฟอร์ม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของผู้คนได้เปลี่ยนแปลงไป จาก “การออกไปช้อปปิ้ง” เป็น “การช้อปปิ้งได้ตลอดเวลา” ผู้คนไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่การค้นหาสินค้าที่ตัวเองรู้จักอยู่แล้วอีกต่อไป การซื้อขายที่มาจากการค้นพบและโซลูชันการช้อปปิ้งอย่างไร้รอยต่อทำให้ผู้คนสามารถค้นพบและเลือกซื้อสินค้าที่พวกเขามีแนวโน้มที่จะชอบได้ง่ายยิ่งขึ้น”
จากงานแถลงข่าวได้เห็นว่า Facebook ได้ตอบสนองความต้องการของธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการเดินหน้าลงทุนในเครื่องมือ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเชื่อมต่อธุรกิจและลูกค้าเข้าด้วยกัน
จากการเปิดตัว Facebook Shops ในประเทศไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นตัวช่งยให้เจ้าของธุรกิจสามารถเปิดหน้าร้านออนไลน์ ได้ทั้งบน Facebook และ Instagram และด้วยจำนวนร้านค้าบน Facebook Shops กว่า 1.2 ล้านร้านค้าที่มีการค้าขายเป็นประจำทุกเดือน รวมกับจำนวนผู้เข้าชม Shops กว่า 300 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละเดือน เจ้าของธุรกิจชาวไทยสามารถเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจากทั่วโลกสามารถค้นพบสินค้าของตนเองได้
นอกจาก Shops แล้ว Facebook ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเป็นรากฐานของวิถีแห่งการช้อปปิ้งในอนาคตอีกด้วย โดยมีการประกาศเปิดตัว API สำหรับ Messenger และ Instagram ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจและลูกค้าสามารถสนทนากันได้ง่ายขึ้น รวมไปถึง Instagram Visual Search for Shopping และรวมไปถึงการโฆษณาที่ใช้เทคโนโลยี AR เข้ามาช่วยร้านค้า โดยให้ลูกค้าได้ลองสินค้าที่ตนเองสนใจ แสดงรูปแบบสินค้าเสมือนจริง ที่ได้กล่าวถึงไปข้างต้น
นอกจากนี้ Facebook ยังได้นำเสนอฟีเจอร์ที่จะสร้างความเป็น Personalized มากขึ้นให้กับลูกค้า เช่น Shops Ads Solutions, Product Tags และ Customs Audiences เพื่อช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบเฉพาะบุคคล เพราะว่ากลุ่มลูกค้าจะสามารถพบเห็นสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองได้ง่ายขึ้น
จากการที่ผู้บริโภคถูกดึงดูดด้วยประสบการณ์การช้อปปิ้งที่มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ลูกค้ากลุ่มแรก ๆ ที่เป็น early adopters ในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างประเทศไทย ได้เผยให้เห็นถึงข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจนเกี่ยวกับโลกของการช้อปปิ้งแห่งอนาคต และวิธีการที่ประสบการณ์การค้าปลีกจะเข้าสู่การซื้อขายบนโลกดิจิทัล
เพื่อทำความเข้าใจเทรนด์นี้มากขึ้น Facebook และ BCG ได้ทำการสอบถามผู้คนจำนวน 8,864 คน ที่มีอายุระหว่าง 18-64 ปี ใน 9 ประเทศ โดยการศึกษาที่มีชื่อว่า ‘Conversational Commerce: the next gen of E-com’ ครั้งนี้ เป็นการต่อยอดจากผลการวิจัยในครั้งที่ผ่านมาของ Facebook ที่พบว่าการเลือกซื้อสินค้าที่ค้นพบ และการซื้อขายผ่านการทักแชทได้กลายเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในเส้นทางการซื้อสินค้าของผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ เพราะว่าโรคระบาดโควิด-19 ได้มีส่วนทำให้ภาคธุรกิจท้องถิ่นปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจไปสู่โลกออนไลน์ และมอบประสบการณ์ที่สร้างการมีส่วนร่วมมากขึ้น
รายงานนี้เผยให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทย หันมาใช้ช่องทางออนไลน์ในการช้อปปิ้งมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงปฏิสัมพันธ์กับเหล่าธุรกิจด้วย ผู้บริโภคนั้นเปิดรับและรู้สึกสบายใจกับประสบการณ์เหล่านี้มากขึ้น โดยเห็นได้จากการที่ผู้บริโภคชาวไทยในกลุ่ม Gen Z และกลุ่ม Millennials 8 ใน 10 คนชอบที่จะติดต่อร้านค้าผ่านแอปพลิเคชันส่งข้อความมากกว่า และผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทย 4 ใน 5 คนบอกว่า พวกเขารู้สึกใกล้ชิดกับภาคธุรกิจมากขึ้นหลังจากการแชทออนไลน์
ข้อมูลดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงการที่ผู้บริโภคให้ความสนใจกับประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบ immersive ที่พวกเขาสามารถมีส่วนร่วม และสานต่อความสัมพันธ์กับภาคธุรกิจได้ ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 65 กล่าวว่าพวกเขาทดลองใช้ฟีเจอร์การซื้อของผ่านการไลฟ์สดในปีที่ผ่านมา และร้อยละ 28 ได้ซื้อของผ่านช่องทางนี้ และในจำนวนนี้มีจำนวนถึงร้อยละ 84 ที่มีการซื้อของผ่านการไลฟ์สดทุกเดือน ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทย 9 ใน 10 คน (ร้อยละ 92) คาดว่าจะเพิ่มการซื้อของผ่านการไลฟ์สดในปีนี้
เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Augmented Reality (AR) หรือวิดีโอเสมือนจริง ที่ร้านค้าส่วนใหญ่มักจะนำมาใช้ให้ลูกค้าทดลองสินค้าผ่านภาพหรือวิดีโอ โดย AR นี้ได้กลายเป็นพื้นฐานของประสบการณ์ช้อปปิ้งสำหรับผู้บริโภคไปแล้ว โดยร้อยละ 88 ของคนไทยกล่าวว่า AR ได้เข้ามาเสริมประสบการณ์ดิจิทัลของพวกเขา และพวกเขาก็หวังที่จะเห็นแบรนด์นำฟีเจอร์นี้ไปใช้ด้วย
ขณะเดียวกัน การซื้อขายผ่านการทักแชทก็ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์การช้อปปิ้ง โดยลูกค้าร้อยละ 83 มีการส่งข้อความหาร้านค้าในช่วงก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ร้อยละ 70 ส่งข้อความในช่วงซื้อสินค้า และร้อยละ 58 ส่งข้อความหลังทำการซื้อไปแล้ว จะเห็นได้ว่าการแชทผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Messenger จาก Facebook ได้กลายมาเป็นช่องทางสำคัญในการซื้อขายตั้งแต่ขั้นตอนของการค้นพบไปจนถึงช่วงหลังการซื้อสินค้าไปแล้ว เพราะว่าร้านค้าสามารถแนะนำลูกค้าตลอดเส้นทางการซื้อขาย และมอบประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลได้โดยไม่ต้องออกจากแชทเลย
นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกับ คุณณัฐธภา ศรีมงคล Chief Operating Officer ของ KaoJao ซึ่งเป็นผู้นำในการให้บริการโซลูชันเพื่อธุรกิจ และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของ Facebook ในการช่วยให้ธุรกิจได้เติบโตบนโลกออนไลน์ผ่านการพัฒนาประสบการณ์การแชทอัตโนมัติบน Messenger ฟีเจอร์การ Live Shopping และการให้บริการสร้างหน้าร้านบน Facebook Shops ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ
KaoJao ได้ร่วมบอกเล่าถึงวิธีที่การที่จะช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ เติบโต และรับมือกับคำสั่งซื้อจำนวนมากผ่าน Facebook ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเน้นย้ำถึงความสำคัญที่ภาคธุรกิจจะต้องใช้เทคโนโลยีมาเป็นโซลูชันในการเพิ่มประสิทธิภาพ และทำให้ประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้าเป็นเรื่องสนุก และไร้รอยต่อ
คุณณัฐธภา ศรีมงคล Chief Operating Officer ของ KaoJao กล่าวว่า “Facebook และ Instagram ได้กลายเป็นช่องทางสำคัญสำหรับธุรกิจในประเทศไทย เพราะว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวสามารถทำให้บริษัทเข้าถึงลูกค้าจากทั่วโลกและเติบโตได้ นอกจากนี้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็ยังช่วยให้การมีส่วนร่วม การเชื่อมต่อ และการสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายกับกลุ่มลูกค้าเป็นเรื่องง่ายขึ้นด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องการที่จะต่อยอดความสำเร็จ ในการวางรากฐาน และเลือกลงทุนในเครื่องมือที่จะช่วยมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไร้รอยต่อได้”
คุณแพร ดํารงค์มงคลกุล ได้กล่าวสรุปว่า “เรากำลังเห็นวิวัฒนาการของประสบการณ์การเชื่อมต่อระหว่างผู้คนกับแบรนด์บนโลกออนไลน์ บริการที่ช่วยเพิ่มมูลค่าอย่างเช่น KaoJao ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของ Facebook นั้นมีความสำคัญในโลกของการช้อปปิ้งออนไลน์ในประเทศไทย และด้วยความที่โลกของการค้าขายในปัจจุบันนี้เต็มไปด้วยการแข่งขัน และมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นมาก Facebook จะเดินหน้าลงทุนเพื่อทำให้ภาคธุรกิจสามารถเติบโตบนแพลตฟอร์มของเรา และเพื่อสร้างวิธีใหม่ ๆ ให้ผู้คนสามารถเชื่อมต่อกับสิ่งที่พวกเขารักได้ง่ายขึ้น”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด