ในโลกที่ความสำเร็จมักมาพร้อมกับความร่ำรวยและอำนาจ Jack Ma ได้นำเสนออีกมุมมองของมนุษย์ กับแนวคิด 3Qs ในผู้นำ
Ma ได้เน้นย้ำถึงความฉลาดที่แตกต่างกัน 3 ประเภท EQ, IQ และ LQ รวมถึงวิธีที่จะรักษาความสมดุลของความฉลาดเหล่านี้อย่างไรให้ดีที่สุด โดยทั้งสามสิ่งนี้ต่างเป็นสิ่งที่ผู้นำและองค์กรต้องการเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ
Emotional quotient (EQ) ความฉลาดทางอารมณ์ หมายถึงความสามารถของแต่ละบุคคลในการ ประเมิน ควบคุม และแสดงอารมณ์ มีความสามารถในการเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อบุคคลรอบตัว ใช้เพื่อประเมินถึงทักษะการเป็นผู้นำ
Intelligence quotient (IQ) เชาวน์ปัญญา เป็นคะแนนที่ได้มาจากแบบทดสอบมาตรฐานที่ออกแบบมาเพื่อประเมินความฉลาด และความสามารถทางวิชาการ
Love quotient (LQ) ความฉลาดทางความรัก หมายถึงความสามารถในการแสดงความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยต่อผู้อื่น การนึกถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม ซึ่ง LQ เป็นคำนิยามใหม่และยังมีความเข้าใจที่ค่อนข้างคลุมเครือเกี่ยวกับแนวคิดนี้ ถูกนิยามว่าเป็นเครื่องมือในการทำความเข้าใจความสามารถของตัวเองในการรักและเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการทำสิ่งใด
“หากคุณอยากที่จะประสบความสำเร็จ ควรมี EQ ที่สูง หากไม่อยากพ่ายแพ้ ควรมี IQ ที่สูง และหากต้องการความเคารพ คุณก็ควรมี LQ ที่สูงเช่นกัน” Jack Ma กล่าว
Ma กล่าวว่า ผู้ชายส่วนใหญ่มี IQ สูง แต่ EQ ต่ำ และมี LQ น้อยมาก ในขณะที่ผู้หญิงสามารถนั้นควบคุม 3Qs นี้ไว้ได้อย่างดี
Daniel Goleman ผู้เชี่ยวชาญด้านความฉลาดทางอารมณ์กล่าวว่า ทุกคนต่างรู้ว่า EQ นั้นมีสำคัญต่อการทำงานมาก แต่ยังไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ได้ว่าคนที่มี EQ สูงมีแนวโน้มที่จะมีความสามารถในการเป็นผู้นำได้ดีกว่า สามารถรักษาความสัมพันธ์ได้ดี และรับมือกับความเครียดอย่างชาญฉลาดได้ เพราะฉะนั้น ทั้ง IQ และ LQ จึงมีความสำคัญมากเช่นกัน สำหรับการประสบความสำเร็จในการทำงาน
ความมุ่งมั่นของผู้นำหญิงในการสร้างสมดุล 3Qs จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่าทั้งสำหรับตัวเอง พนักงาน และธุรกิจขององค์กร มีหลักฐานมากมายที่บ่งชี้ได้ว่าบริษัทที่มีผู้หญิงที่ทำงานในตำแหน่งสูงมักจะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่ง ทั้งในแง่ของผลตอบแทนทางการเงินและผลงานในตลาดหุ้น
ผู้นำหญิงมีความสามารถทำผลงาน (IQ) พาทีมประสบความสำเร็จ (EQ) และเป็นที่ยอมรับนับถือ (LQ) มีงานวิจัยพบว่า ผู้หญิงกว่า 55% ถูกมองว่าสามารถในการรักษา 3Qs ได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ชาย
และภายใต้ผู้นำที่เป็นผู้หญิง มักพบปัญหาการเลิกจ้างหรือความเหนื่อยหน่ายของพนักงานน้อย มีการกระตุ้นให้พนักงานและทีมมีส่วนร่วมในการทำงานมากขึ้น รวมทั้งผู้นำหญิงสามารถช่วยประหยัดเงินองค์กรได้ถึง 1.43 ล้านดอลลาร์ต่อพนักงานทุก ๆ 1,000 คน
ดังที่ Ma กล่าวในตอนท้ายของการสัมภาษณ์
หากต้องการให้บริษัทประสบความสำเร็จ ดำเนินกิจการด้วยสติปัญญาและความเอาใจใส่ ควรมีผู้นำเป็นผู้หญิงจะดีที่สุด
อ้างอิง: Inc., lovequotient, diffen
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด