Microsoft และ Alphabet โตช้าสุดในรอบครึ่งทศวรรษ | Techsauce

Microsoft และ Alphabet โตช้าสุดในรอบครึ่งทศวรรษ

ดูเหมือนว่าสองยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี Microsoft และ Alphabet บริษัทแม่ Youtube และ Google มีผลประกอบการที่ไม่ดีในสิ้นไตรมาสนี้ จากการเผชิญกับสภาวะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าต่อเนื่องจากเงินเฟ้อ ความต้องการ PC ที่ลดลงอย่างมากในเดือนกันยายนส่งผลกระทบต่อธุรกิจผู้ผลิต ตลาดอ่อนแอกว่าที่คาดไว้จากการการดำเนินการแก้ไขทั่วทั้ง Supply Chain ของ PC อัตราการเติบโตของธุรกิจการค้นหาและโฆษณาข่าวสารของ Microsoft หดตัวลงทุกไตรมาสในปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับแนวโน้มขาลงทั่วไปของตลาดโฆษณาออนไลน์ทั้งหมด

Microsoft และ Alphabet จับมือเผชิญโตช้าสุดในรอบครึ่งทศวรรษ

บทความที่เกี่ยวข้อง


Microsoft รายงานถึง ถึงแม้ไตรมาสนี้ที่มีรายรับเพิ่มขึ้น 11% สู่ระดับ 50.1 พันล้านดอลลาร์ แต่กำไรลดลง 14% สู่ระดับ 17.6 พันล้านดอลลาร์จากปีก่อนหน้า โดยระบุว่ากับนักลงทุนว่าคาดหวังและรวมถึงสภาพแวดล้อมของสกุลเงินต่างประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้รายรับลดลง 2.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้บริษัทมีการเติบโตของรายได้ที่ช้าที่สุดในรอบห้าปีนับจากปี 2017

 ส่วนธุรกิจ Intelligent Cloud ของ Microsoft ซึ่งรวมถึง Azure public cloud เช่นเดียวกับ Windows Server, SQL Server, Nuance และ Enterprise Services สร้างรายได้ 20.33 พันล้านดอลลาร์ในแต่ละไตรมาส เพิ่มขึ้น 20% แต่ต่ำกว่าที่คาดไว้ บวกกับความต้องการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ลดลงทำให้ผลประกอบการเป็นไปในทิศทาศที่ไม่ดีนัก 

โดยกลุ่มวิจัยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจาก Gartner เคยประมาณการว่าปัจจัยการจัดส่งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ส่งผลต่อธุรกิจระบบปฏิบัติการ Windows ของ Microsoft ที่ลดลงเกือบ 13% ในไตรมาสที่สอง ซึ่งเป็นช่วงที่ซบเซาที่สุดในรอบ 9 ปี ของ Microsoft อาจเป็นผลทำให้นำไปสู่การปรับตัวของบริษัท

การคาดการณ์ทางการเงินสำหรับไตรมาสปัจจุบันต่ำกว่าความคาดหวังของ Wall Street ทำให้หุ้นของบริษัทร่วงลงมากกว่า 6% หลังจากประกาศ 

สำหรับ Alphabet ระบุว่า บริษัทต้องแข่งขันกับการใช้จ่ายโฆษณาออนไลน์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากช่วงหนึ่งในช่วงต้นของการระบาดใหญ่ ยังเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดสำหรับการเติบโตนับตั้งแต่ปี 2013 การเติบโตของจำนวนพนักงานลดลงอย่างมากเช่นเดียวกัน 

โดยตลอดช่วงการแพร่ระบาด YouTube และ Google ได้รับประโยชน์จากการบริโภควิดีโอที่เพิ่มขึ้นของผู้คนที่พยายามหาความบันเทิงในช่วงล็อกดาวน์ แต่กลับเป็นว่าจำนวนการเข้าใช้งานที่เพิ่มขึ้นในช่วงล็อคดาวน์กลายเป็นความท้าทาย เพราะเมื่อสถานการณ์เบาบางลง ผู้ใช้งานมีการถอนการใช้จ่ายแบบพรีเมียมเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งนำไปสู่การถอนโฆษณาของธุรกิจ  

ไตรมาสนี้ มีรายรับ 69.09 พันล้านดอลลาร์ รายได้จากโฆษณาบน YouTube 7.07 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 2% เมื่อเทียบเป็นรายปี รายได้จาก Google Cloud 6.9 พันล้านดอลลาร์  การเติบโตของรายรับรายไตรมาสทั้งหมดของ Alphabet ลดลงอย่างมากจาก 41% เป็น 6% โดยผลประกอบการและรายได้ที่อ่อนแอเกินคาดการณ์ ทำให้หุ้นร่วงลงประมาณ 7% หลังจากประกาศ 

เช่นเดียวกับ Microsoft ที่ได้รายงานถึงการชะลอตัวของธุรกิจโฆษณาออนไลน์ ธุรกิจการค้นหาและโฆษณาข่าวสาร (รวมถึง Bing และ Microsoft News) รายงานการเติบโตของยอดขาย 16% ในไตรมาสเดือนกันยายน ซึ่งเป็นปีงบประมาณแรกของปี ซึ่งต่ำกว่าการเติบโตของรายได้ 40% ที่รายงานเมื่อปีก่อนอย่างมาก อันที่จริง อัตราการเติบโตของธุรกิจนั้นหดตัวลงทุกไตรมาสในปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับแนวโน้มขาลงทั่วไปของตลาดโฆษณาออนไลน์ทั้งหมด

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่พุ่งสูงขึ้น ลดมูลค่าการขายต่างประเทศไปจนถึงปัญหาต่อเนื่องของห่วงโซ่อุปทาน ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้แบรนด์ต่างๆ ระมัดระวังมากขึ้นในการจัดสรรเงินโฆษณาออนไลน์ตามแพลตฟอร์มต่างๆโดยการหั่นงบการซื้อโฆษณาออนไลน์ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ ซึ่งหลายบริษัทมีรายได้หลักที่มาจากโฆษณา

ในช่วงครึ่งปีแรก ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็น ความท้าทายสำหรับบิ๊กเทคฯ เป็นอย่างมาก นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าช่วงขาลงในปัจจุบันนี้ แสดงถึงการชะลอตัวจากการเติบโตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในปีก่อนหน้าไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรง เพราะบริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วเป็นผลจากพฤติกรรมผู้คนที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทั่วโลก 

ในตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกมองว่ามีความเสี่ยง เป็นช่วงที่ท้าทายและไม่มีบริษัทเทคโนโลยีใดรอดพ้นจากแรงกดดันนี้ได้ โดยผลกระทบนั้นอาจต่อเนื่องไปยังไตรมาสต่อจากนี้ด้วยเช่นกัน 


อ้างอิงข้อมูลจาก 

Microsoft drops 6% after revealing weak guidance on its earnings call

Alphabet misses on earnings as YouTube shrinks; company will cut headcount growth by half in Q4

YouTube’s shrinking ad business is an ominous sign for the battered online ad market


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ญี่ปุ่นแก้ปัญหาเด็กเกิดน้อย! เปิดให้ทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ หวังกระตุ้นการมีบุตร

ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ นั่นคือจำนวนเด็กเกิดใหม่ที่ลดลงอย่างน่าเป็นห่วง รัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางแก้ไข โดยหนึ่งในมาตรการที่น่าสนใจคือ การให้พนักงานทำงานเพียง 4 วันต่อสัปดาห์ พร้...

Responsive image

NVIDIA เปิดตัว Jetson Orin Nano Super Developer Kit ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI จิ๋ว เตรียมใช้ในหุ่นยนต์ AI

NVIDIA กำลังก้าวไปในสู่โลกของหุ่นยนต์อย่างเต็ม หลังเมื่อต้นปี 2024 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวของสำคัญหลายอย่างทั้ง Blackwell ชิปกราฟิกประสิทธิภาพสูงสำหรับประมวลผล AI โดยเฉพาะ ไปจนถึง Pro...

Responsive image

Openspace กองทุนแห่ง SEA ตั้งเป้า 2 ปี ลงทุนสตาร์ทอัพไทยไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

โอเพ่นสเปซ (Openspace) กองทุนที่ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ SEA ประกาศแผนลงทุนในสตาร์ทอัพไทย ส่งเสริมระบบนิเวศสตาร์ทอัพไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ในช่วงปี พ.ศ. 2568 - 2569...