Netflix คืนฟอร์ม รายได้เพิ่ม 5.9% ย้ำนักลงทุน เลิกสนใจยอดผู้ใช้ แต่ให้มองที่รายได้ | Techsauce

Netflix คืนฟอร์ม รายได้เพิ่ม 5.9% ย้ำนักลงทุน เลิกสนใจยอดผู้ใช้ แต่ให้มองที่รายได้

Netflix กล่าวกับนักลงทุน “อนาคตการจ่ายเงินค่าใช้บริการของสมาชิกแต่ละคนจะมีความหลากหลายมาก” เผยบริษัทมั่นใจเติบโตได้อีก หลังจากที่ยอดผู้ใช้ลดลงต่อเนื่องเป็นเวลาสองไตรมาสติดต่อกัน 

ในไตรมาสนี้ Netflix ประกาศผลประกอบการด้วยรายได้รวมกว่า 7,926 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.9% จากปีก่อนหน้า และมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นทั่วโลก 2.41 ล้านบัญชี ในจำนวนนั้น เป็นผู้ใช้งานในโซนอเชียแปซิฟิกมากถึง 1.43 ล้านบัญชี มากกว่าที่บริษัทคาดไว้ ยังทำให้ Netflix ครองอันดับหนึ่งของยอดผู้ใช้งาน โดยหลังจากประกาศทำให้หุ้นของ Netflix พุ่งขึ้น 14 % เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มกราคม 2021 

บทความที่เกี่ยวข้อง

หลังจากการประกาศรอบนี้ นักวิเคราะห์หลายคนจาก Wall Street ยืนยันว่าการตอบสนองของบริษัทสร้างการเติบโตของผู้ใช้ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้หุ้นฟื้นตัวอย่างยั่งยืน โดยแผนการปล่อยแพ็กเกจแบบมีโฆษณาที่กำลังจะเกิดขึ้น การปราบปราม Password Sharing รวมถึงการลดการใช้จ่ายด้าน Original Content เป็นปัจจัยขับเคลื่อนบางส่วนที่อยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้น 45% ทำให้บริษัทมีทิศทางที่ดีขึ้น

ความน่าสนใจคือ เอเชียแปซิกฟิกเป็นภูมิภาคหนึ่งเดียวที่ Netflix ไม่ได้รับผลกระทบจากยอดผู้ใช้งานที่ลดลงในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม รายได้จากยอดผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้กลับลดลง 13% ในไตรมาสนี้เมื่อเทียบแบบปีต่อปี ซึ่งเป็นผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ

ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น Netflix คาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปีบริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ 7,800 ล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงจากไตรมาสที่ 3 เนื่องจากความกังวลของการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ และคาดว่าจะมียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นทั่วโลก 4.5 ล้านบัญชี ในไตรมาสสุดท้ายนี้

ในช่วงกลางเดือนตุลาคม Netflix ได้ประกาศราคาแพ็คเกจราคาถูกแบบมีโฆษณาคั่น ในราคา 6.99 ดอลลาร์ หรือประมาณ 267 บาท โดยจะเริ่มเปิดให้บริการในออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ อีกแปดประเทศ เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ใช้งานใหม่ หลังจากสูญเสียฐานผู้ใช้งานไปในช่วงครึ่งปีแรก ถึงแม้ว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ผู้ใช้งานอาจไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักตามที่คาดการณ์ แต่บริษัทยืนยันว่ากลยุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มฐานผู้ใช้งานให้มากขึ้น และสร้างความสบายใจให้นักลงทุนได้

เปลี่ยนโฟกัสนักลงทุนให้มองที่รายได้ มากกว่ายอดผู้ใช้งาน 

นอกจากนั้น Netflix ยังระบุในจดหมายว่า บริษัทจะให้ความสำคัญกับ “รายได้มากกว่าการเติบโตของบัญชีผู้ใช้งาน” และยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างช่องทางในการหารายได้เพิ่ม เช่น การปล่อยแพ็กเกจแบบมีโฆษณา และ การปราบปราม Password Sharing ต่อเนื่องต่อไป เป็นต้น

สำหรับในไตรมาสต่อ ๆ ไปบริษัทยังคงจะให้คำแนะนำนักลงทุนเกี่ยวกับรายได้ของบริษัท ทั้งรายได้จากการดำเนินงานของบริษัท อัตรากำไรจากการดำเนินงาน กำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้น ฯลฯ และรายงานยอดผู้ใช้งานเป็นปกติ แต่บริษัทจะเลิกคาดการณ์จำนวนบัญชีผู้ใช้งานในแต่ละไตรมาส เพื่อให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับการเติบโตของรายได้มากกว่ายอดบัญชีผู้ใช้

สาเหตุที่ Netflix ต้องการเปลี่ยนจุดโฟกัสของนักลงทุนมาที่รายได้และกำไรมากกว่าจำนวนผู้ใช้งานนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าในอนาคตการจ่ายเงินค่าใช้บริการของสมาชิกแต่ละคนจะมีความหลากหลายมากขึ้น ในแง่ของระดับราคา (คุณสามารถเลือกจ่ายแพ็กเกจราคาที่ถูกลงแลกกับการดูโฆษณาหรือจะใช้แพ็กเกจพรีเมียมราคาเดิมต่อไปก็ได้) ซึ่งถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจว่า โมเดลดังกล่าวอาจนำไปสู่รายได้และลูกเล่นในการดำเนินธุรกิจแบบใหม่สำหรับแพลตฟอร์มสตรีมมิงหลังจากนี้

Reed Hastings ยังยืนยันว่าบริษัทมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก และยังอ้างถึงบริการสตรีมมิงของบริษัทดังที่กินสัดส่วนประมาณ 8% ของการดูทีวีในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสองแห่งที่กำลังเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดทุกปี  

Netflix ยังคงย้ำกับนักลงทุนว่าธุรกิจของพวกเขาสามารถทำเงินและแข่งขันได้ แและยังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มเบอร์หนึ่งต่อไปในอนาคต โดยในปีนี้ขณะที่คู่แข่งขาดทุนจากการดำเนินกิจการพวกเขายังสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้มากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ ในตลาดสตรีมมิ่งที่การแข่งขันสูงลิ่ว อย่างไรก็ตามเราต้องเฝ้าติดตามการตอบสนองกลับของนักลงทุนต่อไป ว่าจะทำตามในสิ่งที่ Netflix บอกหรือไม่

อ้างอิง : CNBC Tech

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ซีอีโอ Nike เผย 3 สิ่งที่ทำบริษัทพลาดมาตลอดจนทำให้ไนกี้ไม่เหมือนเดิม

ปลายปี 2024 ที่ผ่านมา Nike เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั่นคือ การลาออกของ John Donahole ในตำแหน่งซีอีโอ และได้ลูกหม้ออย่าง Elliott Hill ที่เริ่มทำงานกับ Nike มาอย่างยาวนานขึ้นมารับ...

Responsive image

กูเกิลปรับนิยาม "Googleyness" ใหม่ ซีอีโอเน้นกล้าคิด กล้าทำ มีเป้าหมาย เป็นคุณสมบัติที่มองหา

"Googleyness" คำที่เคยใช้อธิบายความเป็นกูเกิล ได้รับการปรับความหมายใหม่ในปี 2024 โดย Sundar Pichai ซีอีโอของกูเกิลเอง เพราะที่ผ่านมาคำนี้ค่อนข้างกว้างและไม่ชัดเจน ในการประชุม Pich...

Responsive image

ญี่ปุ่นคิดค้น ‘เครื่องอาบน้ำมนุษย์’ อาบและเป่าแห้งเพียง 15 นาที

หมดข้ออ้างขี้เกียจอาบน้ำแล้ว บริษัท Science Co. ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตหัวฝักบัวจากญี่ปุ่น ได้เปิดตัว “เครื่องซักมนุษย์แห่งอนาคต” หรือ Mirai Ningen Sentakuki...