ส่องกฎใหม่ EU Digital Markets Act (DMA) คุม Big Tech ผูกขาดตลาดดิจิทัล งานนี้ใครได้ใครเสีย | Techsauce

ส่องกฎใหม่ EU Digital Markets Act (DMA) คุม Big Tech ผูกขาดตลาดดิจิทัล งานนี้ใครได้ใครเสีย

ยกเครื่องวงการ Big Tech สนามแข่งขันนี้จะไม่มีเจ้าไหนผูกขาดอีกต่อไป ไม่ว่ารายเล็กหรือรายใหญ่จะต้องอยู่ภายใต้กฎใหม่ที่เรียกว่า Digital Markets Act (DMA) ซึ่งสหภาพยุโรปเพิ่งประกาศออกไป กฎใหม่นี้คืออะไร ตั้งขึ้นมาทำไม และใครจะได้หรือเสียผลประโยชน์ ?

กฎ Digital Markets Act (DMA) คืออะไร

Digital Markets Act (DMA) คือ กฎที่ตั้งขึ้นมาเพื่อควบคุมการผูกขาดทางธุรกิจของบริษัท Big Tech โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องมีความยุติธรรมกับคู่แข่งรายเล็ก เช่น กรณีของ Epic Games ผู้พัฒนาเกม Fortnite ที่พยายามหลบเลี่ยงค่าคอมมิชชันจาก App Store เพราะบริษัท Apple ไม่เปิดโอกาสให้มีการชำระเงินค่าสินค้าใน App Store ผ่านช่องทางอื่นเลย อีกทั้งการชำระเงินผ่าน App Store จำเป็นต้องเสีย Apple Tax ด้วย

หากบริษัท Apple อยู่ภายใต้กฎใหม่ พวกเขาจำเป็นต้องอนุญาตให้ App Store มีช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ นอกเหนือจากบริการของบริษัทตัวเองเท่านั้น เพื่อความเท่าเทียมในการแข่งขันทางธุรกิจ

โดยกฎใหม่มุ่งเป้าไปที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก 6 แห่งอย่าง Alphabet, Amazon, Apple, Meta, Microsoft และ ByteDance ซึ่งมีสินค้าหรือบริการเข้าข่าย “List of 22 Services” ที่ถูกกำหนดไว้ในกฎ DMA ได้แก่ โซเชียลเน็ตเวิร์ค, บริการส่งข้อความ, แพลตฟอร์มตัวกลาง, แพลตฟอร์มวิดีโอ, บริการพื้นที่โฆษณา, เว็บเบราว์เซอร์, การค้นหา, และระบบปฏิบัติการ

ทำไมต้องออกกฎใหม่ขึ้นมา ?

สหภาพยุโรปได้เสนอคำว่า "ผู้เฝ้าประตู" (gatekeepers) โดยให้ความหมายเอาไว้ว่า คือ บริษัทที่มีอิทธิพลอย่างมากในเศรษฐกิจและให้บริการบนโลกดิจิทัล รวมถึงทำหน้าที่เป็นคนกลางเชื่อมโยงผู้ใช้จำนวนมากกับธุรกิจจำนวนมาก ซึ่งมักจะวางตัวเป็นคนกำหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ว่าใครทำสิ่งไหนได้และไม่ได้ 

ส่วนใหญ่จะตั้งกฎที่ไม่ยุติธรรมต่อธุรกิจอื่น ๆ และหาผลประโยชน์ให้ตัวเองเป็นหลัก ซึ่งไม่ยุติธรรมในตลาดการค้าเสรี คล้ายกับผู้เฝ้าประตูที่ตัดสินใจว่าใครสามารถผ่านประตูไปได้ และใครที่ผ่านไปไม่ได้

โดยสาเหตุหลักของการตั้งกฎ DMA ก็มีขึ้นมาเพื่อเป็นผู้เฝ้าประตูตัวจริงที่มีความยุติธรรม และคอยควบคุมไม่ให้เกิดผู้เฝ้าประตูตัวปลอมขึ้นในตลาดดิจิทัลนั่นเอง

DMA จะมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

กฎ DMA จะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนมีนาคม 2024 ซึ่งมันจะเป็นสิ่งที่เข้ามารื้อวงการ Big Tech ครั้งใหญ่ บริษัทรายใหญ่จะไม่สามารถสร้างการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมได้อีก เพื่อให้ธุรกิจรายเล็กและผู้บริโภคได้รับความยุติธรรม รวมถึงมีทางเลือกใหม่ ๆ โดย DMA ได้กำหนดสิ่งที่ Big Tech ควรทำเอาไว้แล้ว ดังนี้ 

ยินยอมให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น

  • บริษัทใหญ่ควรอนุญาตให้ธุรกิจเล็ก ๆ ที่ใช้เว็บไซต์ของตนเองสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของพวกเขาได้ ไม่ใช่บริษัทใหญ่เห็นได้แค่ฝ่ายเดียว
  • ในกรณีของแพลตฟอร์มใหญ่ที่ให้บริการโฆษณา ควรให้ข้อมูลที่มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้แก่บริษัทอื่น ๆ ที่มาใช้บริการโฆษณาของตนเอง เพื่อตรวจสอบได้ว่าโฆษณาทำงานอย่างถูกต้อง ไม่ถูกแทรกแซง และเข้าถึงผู้ชมที่เหมาะสม

เปิดมีโอกาสให้ธุรกิจอื่นเพื่อให้มีทางเลือกมากขึ้น

  • เปิดโอกาสบริษัทเทคโนโลยีใหม่ ๆ สามารถแข่งขันและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ โดยไม่ต้องเผชิญกับกฎเกณฑ์ที่ไม่ยุติธรรมและจำกัดการเติบโตของพวกเขา
  • ยอมให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น จากการเปิดโอกาสให้ตลาดเทคโนโลยีมีคู่แข่งรายใหม่ ๆ ไม่มีการผูกขาด ผู้บริโภคจึงสามารถเลือกบริการที่มีคุณภาพดีขึ้น และราคาที่สมเหตุสมผล

ใครจะได้หรือเสียผลประโยชน์

แน่นอนว่าเมื่อกฎนี้ถูกบังคับใช้ทั้งบริษัทรายเล็ก รวมถึงผู้บริโภคจะเป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด เพราะนอกจากข้อกำหนดที่ Big Tech ควรทำยังได้กำหนดข้อห้ามซึ่งอาจไปขัดต่อผลประโยชน์และการดำเนินธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่ ดังนี้

ห้ามกีดกันธุรกิจอื่น ๆ ออกจากการตลาดดิจิทัล

  • ในหน้าผลการค้นหา ลำดับข้อมูลเว็บไซต์ควรโปร่งใส แม้บริษัทใหญ่จะเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มแต่ก็ห้ามแทรกแซงเอาสินค้าหรือบริการของตนเองไว้อันดับแรก เหนือสินค้าและบริการของเจ้าอื่น
  • ห้ามกีดกันผู้ใช้ในการใช้งานแพลตฟอร์มอื่น ๆ นอกเหนือจากของตนเอง ต้องให้อิสระในการเลือกใช้บริการ 

ห้ามเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้บริโภคโดยไม่ได้รับความยินยอม

  • ให้อิสระแก่ผู้ใช้ในการเลือกเก็บหรือลบแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาพร้อมกับโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ บริษัทไม่มีสิทธิ์บังคับ
  • ห้ามแอบเก็บข้อมูลหรือสอดแนมกิจกรรมออนไลน์ของผู้ใช้เพื่อนำไปแสดงโฆษณาที่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้สนใจ เว้นแต่จะได้รับความยินยอม

จากการประกาศกฎเกณฑ์เหล่านี้บริษัทเทคโนโลยีที่ถูกเพ่งเล็งต่างก็เร่งตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของตนว่าไปขัดต่อกฎ DMA หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามบริษัท ByteDance ซึ่งเป็นเจ้าของ TikTok มีท่าทีไม่พอใจต่อกฎนี้ รวมถึงไม่เห็นด้วยที่บริษัทของตนถูกเรียกว่า "ผู้เฝ้าประตู"

อ้างอิง: commission.europa, reuters, theverge

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

YouTube Shorts ยกระดับวิดีโอสั้น เพิ่มความยาววิดีโอสูงสุดเป็น 3 นาที พร้อมฟีเจอร์ใหม่ เริ่ม 15 ตุลาคมนี้

YouTube Shorts กำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการสร้างคอนเทนต์วิดีโอสั้น โดยเตรียมเพิ่มความยาวสูงสุดของวิดีโอจาก 60 วินาที เป็น 3 นาที นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่จะเปิดโอกาสให้...

Responsive image

โดรนบุก! Silicon Valley เปิดตัวขนส่งสุดล้ำ ส่งตรงถึงบ้านด้วยระบบอัตโนมัติ

Matternet ผู้นำด้านเทคโนโลยีโดรน สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ด้วยการเปิดตัวบริการส่งของด้วยโดรนในซิลิคอนวัลเลย์ใครจะเชื่อว่าภาพยนตร์ไซไฟที่เราเคยดูจะกลายเป็นจริง เมื่อโดรนเริ่มส่งของถึงบ้า...

Responsive image

เปิดหลักสูตร “วิศวกรรมเซมิคอนดักเตอร์” นำร่อง จุฬาฯ - มจพ. - สจล. เริ่มเรียนปีการศึกษา 2568

เปิดหลักสูตร “วิศวกรรมเซมิคอนดักเตอร์” ครั้งแรกของประเทศไทย โดยจะเริ่มเรียนในปีการศึกษา 2568 นี้ มีสถาบันนำร่องถึง 3 แห่ง ได้แก่ จุฬาฯ, มจพ. และ สจล....