PRIMO สตาร์ทอัพไทยสาย MarTech ระดมทุนรอบ Pre-Series A จาก Fuchsia VC และ Beacon VC ตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพ Omnichannel Marketing Platform สู่โครงสร้างพื้นฐานในการทำธุรกิจขององค์กรในยุค Data Driven
คุณวีร์ สิรสุนทร ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท พรีโมเวิร์ล จำกัด PRIMO กล่าวว่า การตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมีการใช้เครื่องมือทางดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่ใช้กันมาตลอดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าเดิม จากสถิติพบว่า
ในช่วงโควิดที่ผ่านมาพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน วิธีการซื้อการเข้าถึงข้อมูลเปลี่ยนไปเป็นลักษณะ Multichannel มากขึ้น ส่งผลให้องค์กรต่างๆจะต้องปรับตัวให้มีความเป็น Omnichannel มากขึ้นเช่นกัน
ทำให้ Omnichannel Marketing Platform เติบโตอย่างชัดเจนในยุคโควิด-19 ธุรกิจขนาดใหญ่เห็นความสำคัญของเครื่องมือเพื่อใช้ทำการตลาดในรูปแบบ Omnichannel และยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก ด้วยองค์กรขนาดใหญ่ต่างมองหาแพลตฟอร์มที่จะนำมาใช้ในการรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทางเพื่อนำมาประมวลผลและสร้างประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับลูกค้ากลุ่มต่างๆ อย่างไร้รอยต่อ
ดังนั้น PRIMO จึงเน้นเรื่องของการช่วยในส่วนดูแลในส่วนของ 1st-party data และทำให้องค์กรที่เป็นลูกค้าของเราสามารถส่งมอบประสบการณ์ Omnichannel Experience ไปที่ลูกค้าได้
ทั้งนี้ PRIMO เป็น End-to-end Omnichannel Marketing Platform ดังนั้นเราสามารถช่วยตั้งแต่ Data collection มีระบบสมาชิกเป็นของตัวเอง ที่จะช่วยให้สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ อีกทั้งระบบ E-commerce โดยความต่างเมื่อเทียบกับคู่แข่งคือ เป็น Ready to use
รวมทั้งให้บริการ Omnichannel Marketing Platform แก่ลูกค้าใน 3 อุตสาหกรรม คือ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มธุรกิจการเงิน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารหรือประกันประเภทต่างๆ ด้วยจุดแข็งด้านผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับ ระบบมีความยืดหยุ่น และเติบโตไปตามแบบที่ลูกค้าต้องการได้ อีกทั้งยังให้คำปรึกษาลูกค้าอย่างเชี่ยวชาญกล้าเห็นต่าง ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจขององค์กรขนาดใหญ่ได้หลากหลาย
ทั้งนี้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Issue Point ไปแล้วเกือบ 6 พันล้าน Point โดยจำนวน Member served ประมาณ 30 ล้านราย ส่วนรายได้สามารถเติบโตได้ในช่วงโควิดโดยเฉลี่ยโต 2 เท่าทุกปี และในช่วงเวลาเดียวกันนี้เองทีมงานได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดประมาณ 120 ราย
และจากความสำเร็จทั้งหมดที่ดำเนินมาจึงส่งผลให้เกิดวันนี้ที่มาของการคว้าเงินลงทุนรอบ Pre-Serie A จากนักลงทุนทั้งในส่วนของ Fuchsia ในเครือของเมืองไทยประกันชีวิต และในส่วนของ Beacon VC ของทางธนาคารกสิกรไทย ที่มองเห็นศักยภาพ ยิ่งไปกว่านั้นนักลงทุนในรอบ Pre-seed ที่ผ่านมาได้แก่ SOSV ซึ่งเป็น 1 ใน VC ระดับ Top 5 ของโลก และ Infinity Technologies VC ที่เป็นผู้ลงทุนใน PRIMO รอบ Pre-Seed ที่ผ่านมายังร่วมลงทุนในรอบนี้อีกด้วย เนื่องจากยังคงเชื่อในศักยภาพของ PRIMO
1.ลงทุนและทดลองในผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจใหม่ เพื่อให้ PRIMO Omnichannel Marketing Platform มีความพร้อมในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลลูกค้าในองค์กรต่างๆ เนื่องจากมองว่าในส่วนของการตลาดจะมีน่านน้ำใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น จึงต้องการที่จะพัฒนาโปรดักท์ใหม่ๆให้กับนักการตลาด เพื่อให้สามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ได้ในอนาคต
2.พัฒนาขีดความสามารถและขยายทีมงานในทุกมิติเพื่อสนับสนุนลูกค้า ให้ได้มากกว่าเดิม ทั้งทีมพัฒนาธุรกิจ ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทีม Software Developer รวมถึงทีม Engineer และทีม Customer Support
3.พัฒนาความสามารถของ Omnichannel Marketing Platform ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งการเพิ่มความสามารถของ AI ที่อยู่ในระบบ และการเพิ่ม Engagement Mode ต่างๆ ให้มีวิธีการที่จะชวนลูกค้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลายยิ่งขึ้นกว่าเดิม
1.มีความครบถ้วนตอบโจทย์การตลาด
2.มีความยืดหยุ่น และติดตั้งได้โดยใช้เวลาอันสั้น ทำให้นักการตลาดมีเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็ว เพื่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคที่เป็น Data Driven
3.สำหรับลูกค้า Enterprise สามารถช่วย Customize-Ontop เพื่อเพิ่มศักยภาพตอบโจทย์องค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณนาเดีย สุทธิกุลพานิช Head of Fuchsia Venture Capital (Fuchsia VC) เผยถึงมุมมองที่เลือกลงทุนกับ PRIMO เนื่องจากมองว่า Marketing Technology เป็นสิ่งสำคัญที่ตัดผ่านเกือบทุกอุตสาหกรรม เพราะฉะนั้นเราไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ เนื่องจากในยุคดิจิทัลปัจจุบันและอนาคต ธุรกิจจะถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ธุรกิจที่สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์และเปลี่ยนเป็นความเข้าใจในตัวลูกค้าได้ จะมีความได้เปรียบทางการแข่งขันที่สูงกว่าคู่แข่ง ซึ่ง PRIMO มีเครื่องมือในการช่วยธุรกิจในด้านนี้
ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการนำข้อมูลเชิงลึกที่ได้ไปใช้ในด้านการตลาดและบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า จึงมองว่า PRIMO จะสามารถเติบโตและมีบทบาทที่สำคัญในการช่วยธุรกิจไทยให้สามารถปรับตัวในยุคดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นเทคโนโลยีที่ PRIMO พัฒนาขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งท่ีจะทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีขึ้น จึงอยากจะพัฒนาศักยภาพตรงนี้
"สำหรับการผนึกกำลังต่อยอดในอนาคต ในส่วนที่เราลงทุนไม่ได้มองรีเทิร์นอย่างเดียวแต่มอง synergy และ strategic เพื่อร่วมพัฒนาและเป็นหนึ่งในลูกค้าของ PRIMO รวมทั้งยังเปิดกว้างกับผู้เล่นรายอื่นด้วยเช่นกัน เพราะมองว่าการเปิดกว้างของอีโคซิสเต็มจะสามารถบริการลูกค้าได้เต็มศักยภาพมากขึ้น"
ขณะเดียวกันการมี Omnichannel จะช่วยต่อยอดธุรกิจได้อย่างไรบ้างนั้น แม้ธุรกิจของเมืองไทยประกันชีวิตจะมีหลายช่องทาง การที่มี Omni ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ PRIMO คือบริการเสริมที่จะให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น ดังนั้นจะทำให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับพาร์ทเนอร์ได้มากขึ้น ลูกค้าได้รับความสะดวกมากขึ้น และส่วนสำคัญที่ PRIMO จะสามารถสร้างศักยภาพตรงนี้ได้คือ Personalization ที่จะเข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น และยกระดับอุตสาหกรรมประกันได้เป็นอย่างมาก ซึ่งจะไม่ใช่แค่ All for One เท่านั้น
ด้าน คุณธนพงษ์ ณ ระนองกรรมการผู้จัดการบริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (Beacon VC) เปิดเผยว่า Beacon VC บริษัทเงินร่วมทุนของธนาคารกสิกรไทย และจากการลงทุนใน PRIMO สตาร์ทอัพสัญชาติไทย เนื่องจากมองว่ามีเทคโนโลยีและความชำนาญในด้านการจัดการข้อมูลลูกค้า ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน
และเชื่อว่า PRIMO จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยในการวิเคราะห์และนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และจากความร่วมมือครั้งนี้ ธนาคารจะสามารถนำเทคโนโลยีจาก PRIMO มาต่อยอดในธุรกิจเพื่อให้เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
1.โปรดักท์หรือเซอร์วิสมี Painpoint หรือดีมานด์ที่ต้องการในตลาดหรือไม่ ซึ่ง PRIMO เข้ามาเซิร์ฟผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากไม่มีระบบที่จะบริหารข้อมูลและบริหารช่องทางที่ดีจะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะโซลูชั่นที่มีในตลาดส่วนใหญ่มักจะมาจากต่างประเทศทำให้มีราคาสูง และซัพพอร์ตลูกค้าได้ยาก ดังนั้น PRIMO จึงมีสิ่งที่แตกต่างและน่าสนใจ
2.ตลาด Mar tech ยังคงมีขนาดใหญ่และไปต่อได้
3.ธุรกิจสามารถสร้างรายได้ และมีกำไร
4.ผู้ก่อตั้งมีศักยภาพ โดยผ่านการทำธุรกิจมาอย่างหลากหลาย ทั้งยังเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ ดังนั้น PRIMO จะเป็นโซลูชั่นหนึ่งที่มาตอบโจทย์ธุรกิจของเราได้
ขณะเดียวกันหากมองภาพจะเห็นว่าอนาคต PRIMO สามารถช่วยให้ K Point สามารถ Converge เป็นอย่างอื่นได้ และต่อยอดสู่การบริการอื่นๆได้อีกมากมายในอนาคต
ทั้งนี้ในอนาคต PRIMO ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยให้บริการแก่ลูกค้าปัจจุบันที่ทำธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ในภูมิภาคนี้โดยใช้ความแข็งแกร่งของเครือข่ายผู้ลงทุน ทั้ง Fuchsia VC และ Beacon VC รวมทั้งการทำการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจต่างๆ ของ PRIMO ในการขยายฐานลูกค้าต่างประเทศในอนาคต
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด