Salesforce เปิดตัว Agentforce AI แก้ปัญหาได้มากกว่าเดิมถึง 40% ลดงานซ้ำซาก เพิ่มเวลาให้ทีมโฟกัสสิ่งสำคัญ

Salesforce ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุด "Agentforce" ที่นำเทคโนโลยี AI มาช่วยยกระดับการทำงานในหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการขาย การตลาด หรือการให้บริการลูกค้า โดยเฉพาะการใช้ระบบเจ้าหน้าที่อัตโนมัติ (Autonomous Agents) ที่สามารถทำงานได้อย่างอิสระ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดภาระงานที่ซ้ำซาก

มาร์ค เบนิออฟ (Marc Benioff) ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซลส์ฟอร์ซ กล่าวถึง Agentforce ว่าเป็นการปฏิวัติการพัฒนา AI จากยุคของ Copilot ไปสู่การทำงานอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม "แพลตฟอร์มนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการทำงานที่ซับซ้อน และยังช่วยให้สามารถสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ"

Salesforce เปิดตัว Agentforce AI แก้ปัญหาได้มากกว่าเดิมถึง 40% ลดงานซ้ำซาก เพิ่มเวลาให้ทีมโฟกัสสิ่งสำคัญ

จุดเด่นของ Agentforce

1. ระบบ AI ที่เหนือกว่าด้วย Atlas Reasoning Engine

หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของ Agentforce คือ "Atlas Reasoning Engine" ซึ่งเป็นระบบ AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง พร้อมทั้งสามารถปฏิบัติงานได้โดยอัตโนมัติ ไม่เพียงแต่ช่วยลดความซับซ้อนในกระบวนการทำงาน แต่ยังช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

2. Low-code: ลดภาระการเขียนโปรแกรม

Agentforce ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและปรับแต่งตัวแทน (Agent) ได้อย่างง่ายดายผ่านเครื่องมือ Low-code ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างระบบที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละธุรกิจได้โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมเชิงลึก

3. การใช้งานที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม

แพลตฟอร์มนี้ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำหลายแห่ง เช่น OpenTable, Saks, และ Wiley โดย Agentforce สามารถผสานการทำงานกับแอปพลิเคชันขององค์กรได้อย่างราบรื่น ทั้งยังรองรับการทำงานในหลากหลายช่องทาง ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับขนาดการให้บริการได้ตามความต้องการ

ประโยชน์ที่เห็นได้จริงจากลูกค้า

ตัวอย่างเช่น Wiley ใช้ Agentforce ช่วยในการจัดการบริการลูกค้าด้วยระบบอัตโนมัติ ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเพิ่มขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับแชทบอทแบบเดิม ซึ่งช่วยให้ทีมงานสามารถโฟกัสกับงานที่ซับซ้อนได้มากขึ้น

ในขณะเดียวกัน OpenTable ใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อเสริมศักยภาพการติดต่อกับลูกค้าของร้านอาหารได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ส่วน Saks ใช้ Agentforce เพื่อพัฒนากลยุทธ์การให้บริการลูกค้าในธุรกิจค้าปลีกสินค้าลักซ์ชัวรี ทำให้การให้บริการลูกค้าในทุกช่องทางทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การทำงานแบบอัตโนมัติที่ไม่ซับซ้อน

หนึ่งในจุดแข็งของ Agentforce คือการทำงานร่วมกับระบบอัตโนมัติของ Salesforce โดยองค์กรสามารถขยายความสามารถของระบบได้อย่างง่ายดายผ่านการใช้เครื่องมือเช่น Salesforce Flow, MuleSoft, และ Apex ทำให้องค์กรสามารถสร้างระบบที่ทำงานอย่างอัตโนมัติได้โดยไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์

พันธมิตรที่ช่วยเสริมศักยภาพ

เครือข่ายพันธมิตรของ Agentforce ช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายจากบริษัทพันธมิตรชั้นนำ เช่น Amazon Web Services, Google, IBM, Workday และอื่น ๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ Agentforce ในการปรับแต่งและขยายศักยภาพของธุรกิจได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

เพราะฉะนั้นสรุปได้ว่า Agentforce นำเสนอการใช้งาน AI ที่ล้ำสมัยและครบวงจรเพื่อให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล ลดภาระงานที่ซ้ำซาก และช่วยให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น การผสาน AI กับการทำงานของมนุษย์นี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรในทุกอุตสาหกรรมสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทำความรู้จักโครงการ Low Carbon City หนุนผู้ประกอบการเปลี่ยนผ่านสู่ 'อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ'

สรุปจากงานสัมมนา CEO Forum : Industrial Decarbonization under Thailand's Low Carbon City Program ที่มีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และ World Bank มาเผยแนวทางสนับสนุนให้ลดการปล่อยคาร์บอนในภา...

Responsive image

อว. ก้าวล้ำ! เปิดตัว AI ตรวจสอบหลักสูตรมหาวิทยาลัย ยกระดับมาตรฐาน รวดเร็ว แม่นยำ

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กำลังก้าวสู่มิติใหม่ของการประกันคุณภาพการศึกษา ประกาศนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยในกระบวนการตรวจสอบมาตรฐานหลักสูต...

Responsive image

ศูนย์วิจัยกสิกรชี้ ส่งออกไทยอาจเสียหาย 4 แสนล้านบาท จากภาษีตอบโต้ 37%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ประเมินถึงสถานการณ์ที่สหรัฐญ ขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับไทยในอัตรา 37% ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ 25% ถือเป็นความเสี่ยงต่อเศร...