หลังจากมีการตั้งบริษัทด้าน FinTech อย่าง Digital Ventures ขึ้นมาใหม่ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ก้าวต่อมาของไทยพาณิชย์คือการมุ่งเน้นเรื่องเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่จะเป็นก้าวต่อไปของโลกอย่าง ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) และเพื่อให้มีการศึกษาและทดลองเรื่องนี้อย่างจริงจัง ธนาคารไทยพาณิชย์ จึงจัดตั้ง SCB Abacus (เอสซีบี อบาคัส) เป็นบริษัทแรกในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่แยกตัวออกมามุ่งเน้นเรื่องนวัตกรรม AI
SCB Abacus เป็นบริษัทในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ มีบทบาทชัดเจนคือการนำเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล (BIG DATA) เพื่อพัฒนาธุรกิจและบริการของธนาคาร โดยเป็นบริษัทแรกในกลุ่มธุรกิจทางการเงินและการธนาคารของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่แยกตัวออกมามุ่งเน้นในเรื่องนี้ โดยจะเน้นการทำงานที่ตรงใจ ปลอดภัย และรวดเร็ว ซึ่งตั้งเป้ามีบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถใช้งานได้จริงใน 6 เดือนข้างหน้า อีกทั้งยังมีเป้าหมายสำคัญในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการเงินและการธนาคารของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนวงการเทคโนโลยี AI ของไทยให้ทัดเทียมระดับสากล
คุณอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในช่วงที่ผ่านมา เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เข้ามามีบทบาทในวงการการเงินและการธนาคารมากขึ้น ธนาคารไทยพาณิชย์เล็งเห็นความสำคัญและมีการพัฒนารูปแบบการให้บริการลูกค้าเพื่อสอดรับกับเทรนด์ดิจิทัลอยู่เสมอ อาทิ แอปพลิเคชัน SCB Easy เวอร์ชั่นล่าสุด และ แอปพลิเคชัน Chatuchak Guide ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี ธนาคารยังคงเดินเกมรุกด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยจัดตั้งบริษัท เอสซีบี อบาคัส ขึ้นเพื่อต่อยอดเทคโนโลยีด้าน AI ซึ่งเป็นแผนการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานองค์กรให้ก้าวสู่การเป็นธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด (The Most Admired Bank) ทั้งนี้ บริษัทริเริ่มนำเอา AI มาใช้ในการประมวลผล วิเคราะห์ และเรียนรู้จากข้อมูลเหล่านั้น เพื่อพัฒนาการดำเนินธุรกิจและการให้บริการของธนาคาร นับว่าเป็นครั้งแรกในกลุ่มธุรกิจทางการเงินการธนาคารของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการจัดตั้งบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมและการบริการของไทยพาณิชย์ได้อย่างทวีคูณ สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจและการเงินของลูกค้าที่หลากหลายและครอบคลุมอย่างตรงจุดยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการพลิกโฉมวงการการเงินการธนาคารไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย”
ดร. สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด กล่าวว่า “ในปัจจุบัน เทคโนโลยี AI อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เห็นได้จากระบบการคัดแยกอีเมล์ที่ใช้ Machine Learning ระบบแนะนำสินค้าที่ตรงใจให้แก่ผู้ซื้อแต่ละคนในเว็บไซต์อีคอมเมอร์ซ หรือระบบการจดจำใบหน้าบุคคลที่ใช้บนโซเชียลมีเดีย ซึ่งได้พัฒนามาจากเทคโนโลยี AI ทั้งสิ้น ในแวดวงธนาคาร เทคโนโลยี AI ได้ถูกนำมาใช้ในการแยกธุรกรรมบัตรเครดิตที่น่าสงสัยว่าจะมีการทุจริต ใช้สำหรับการแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุน ที่เรียกว่า Robo-advisor และการชำระเงินด้วยระบบการจดจำใบหน้า ดังนั้น AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันของธุรกิจต่าง ๆ อย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งเอสซีบี อบาคัส ด้วยพันธกิจหลักในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงที่นำเอานวัตกรรมสุดล้ำอย่าง AI มาเป็นกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์และเรียนรู้ข้อมูล เพื่อต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบโจทย์ทั้งสำหรับธนาคารไทยพาณิชย์ และองค์กรธุรกิจต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่จะร่วมมือกับภาคธุรกิจและภาครัฐ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในประเทศไทย รองรับกับการแข่งขันในทุกมิติของการก้าวเข้าสู่ยุคการเงิน 4.0 และเติบโตอย่างยั่งยืน”
“การที่ธนาคารไทยพาณิชย์มีข้อมูลจำนวนมหาศาลอยู่ในมือ ถือเป็นข้อได้เปรียบในการนำข้อมูลที่เป็นระดับที่เจาะลึก (Insightful) มาวิเคราะห์ เรียนรู้ ใช้ประโยชน์ ตลอดจนคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้” ดร.สุทธาภา กล่าวเสริม
ทั้งนี้โครงการที่ SCB ABACUS จะเข้ามาช่วยธนาคารนั้นมีหลากหลาย ที่กำลังดำเนินการอยู่คือ
“ในวันนี้ SCB ABACUS พร้อมที่จะช่วยยกระดับบริการของธนาคารไทยพาณิชย์ให้ตอบโจทย์ทางธุรกิจและการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าและสังคมด้วยการให้บริการที่ตรงใจ ปลอดภัย และรวดเร็ว จากการนำนวัตกรรม AI มาเป็นกุญแจสำคัญในพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคาร อีกทั้งในอนาคตยังมีเป้าหมายในการขยายเทคโนโลยีที่ได้พัฒนาขึ้นไปสู่การให้บริการแก่บริษัทในภาคธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือไปจากธนาคาร เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง และยกระดับนวัตกรรมของประเทศไทยให้ทัดเทียมระดับโลก ด้วยความพร้อมในด้านข้อมูล ทรัพยากรบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ รวมถึงพันธมิตรชั้นนำระดับโลกจากหลากหลายวงการอีกด้วย” ดร.สุทธาภา กล่าวปิดท้าย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด