
จะเป็นอย่างไรเมื่อเทคโนโลยีล้ำสมัยผสานเข้ากับกลไกทางชีวภาพที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์? พบกับ ‘สเปิร์มบอท’ (Sperm Bots) นวัตกรรมล่าสุดจากทีมนักวิจัยแห่ง University of Twente ในเนเธอร์แลนด์ ที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนเซลล์สเปิร์มของจริง ให้กลายเป็นกองทัพไมโครโรบอทจิ๋วที่สามารถควบคุมและติดตามได้ภายในร่างกายเป็นครั้งแรก นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่อาจพลิกโฉมหน้าการแพทย์ด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ไปตลอดกาล
งานวิจัยชิ้นนี้ ซึ่งเพิ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารอย่าง npj Robotics ที่ได้เปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น ตั้งแต่การนำส่งยาอย่างตรงจุดเพื่อรักษาโรคร้ายในสตรี ไปจนถึงการไขปริศนาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังภาวะมีบุตรยาก
โดยธรรมชาติแล้ว เซลล์สเปิร์มคือสุดยอด "นักเดินทาง" ของร่างกาย มันถูกออกแบบมาให้เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว คล่องแคล่ว และสามารถแหวกว่ายผ่านสภาพแวดล้อมสุดซับซ้อนของระบบสืบพันธุ์เพศหญิงได้ คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์มองเห็นศักยภาพในการนำสเปิร์มมาประยุกต์ใช้เป็นไมโครโรบอททางการแพทย์
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคใหญ่หลวงที่ผ่านมาคือ "การมองไม่เห็น" เซลล์สเปิร์มมีขนาดเล็กมาก มีความหนาแน่นต่ำ และแทบจะโปร่งใสต่อรังสี ทำให้การใช้เครื่องมือถ่ายภาพทางการแพทย์มาตรฐานอย่างเครื่องเอกซเรย์เพื่อติดตามพวกมันภายในร่างกายมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย
“จนถึงปัจจุบัน การจะมองเห็นภาพของสเปิร์มที่อยู่ภายในร่างกายนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย” Islam Khalil นักวิจัยจาก University of Twente และผู้เขียนนำของงานวิจัยนี้กล่าว
เพื่อทลายข้อจำกัดดังกล่าว ทีมวิจัยซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง University of Twente, Radboud University Medical Center และ University of Waterloo (แคนาดา) ได้พัฒนาเทคนิคในการ "เคลือบ" เซลล์สเปิร์มของจริงด้วย "อนุภาคนาโนแม่เหล็ก" (Magnetic Nanoparticles) การเคลือบผิวนี้ได้เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของสเปิร์มไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้พวกมันมีคุณสมบัติสองประการที่สำคัญคือ:
นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ไมโครโรบอทซึ่งสร้างจากสเปิร์ม สามารถถูกนำทางและติดตามตำแหน่งได้แบบเรียลไทม์ภายในแบบจำลองทางกายวิภาคขนาดเท่าของจริง
ความสามารถในการควบคุมและติดตามนี้ เปิดศักยภาพการใช้งานทางการแพทย์ได้อย่างมหาศาล หนึ่งในเป้าหมายหลักคือ การนำส่งยาแบบมุ่งเป้า (Targeted Drug Delivery) โดยยาจะถูกบรรจุเข้าไปในตัวเซลล์สเปิร์มโดยตรง จากนั้นจึงส่งสเปิร์มบอทเหล่านี้เข้าไปในร่างกายและนำทางพวกมันไปยังอวัยวะที่เข้าถึงยาก เช่น มดลูก หรือท่อนำไข่
"เรากำลังเปลี่ยนระบบการนำส่งเซลล์ตามธรรมชาติ ให้กลายเป็นไมโครโรบอทที่สามารถตั้งโปรแกรมได้" Khalil อธิบาย นี่อาจกลายเป็น Game Changer สำหรับการรักษาโรคที่ยังขาดทางเลือกในการส่งยาที่แม่นยำ เช่น มะเร็งมดลูก, ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis), หรือเนื้องอกในมดลูก (Fibroids) ซึ่งจะช่วยลดผลข้างเคียงต่อเซลล์ปกติและเพิ่มประสิทธิภาพของยา
นอกจากการส่งยาแล้ว เทคโนโลยีนี้ยังเปรียบเสมือน "กล้องส่องทางไกล" ที่จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์แอบมองกระบวนการปฏิสนธิที่เคยเป็นปริศนาได้อย่างปลอดภัยและไม่รุกล้ำ นักวิจัยหวังว่าการติดตามการเคลื่อนที่ของสเปิร์มในระบบสืบพันธุ์จะช่วยให้เข้าใจกลไกการเดินทางของสเปิร์ม และสาเหตุของภาวะมีบุตรยากโดยไม่ทราบสาเหตุได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาเทคนิคการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในอนาคต
ในด้านความปลอดภัย ผลการทดสอบเบื้องต้นในห้องปฏิบัติการพบว่า สเปิร์มบอทเหล่านี้มีความเข้ากันได้ทางชีวภาพ (Biocompatible) และไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อเซลล์มดลูกของมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญแม้จะสัมผัสต่อเนื่องนาน 72 ชั่วโมง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับความเป็นไปได้ในการนำไปใช้งานกับสิ่งมีชีวิตจริงในอนาคต
ที่มา: phys.org
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด