Soft Power และ Technology คือสิ่งที่ประเทศไทยจะเดินต่อไปในอีก 5 ปีข้างหน้า สรุปแนวคิด ทักษิณ ชินวัตร | Techsauce

Soft Power และ Technology คือสิ่งที่ประเทศไทยจะเดินต่อไปในอีก 5 ปีข้างหน้า สรุปแนวคิด ทักษิณ ชินวัตร

ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของประเทศไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ผ่านงาน Forbes Global CEO Conference ซึ่งสะท้อนถึงเป้าหมายที่ครอบคลุมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก 

โดยให้ความสำคัญกับ 2 แนวทางหลัก ได้แก่ การใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล และการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งและยืดหยุ่นในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

1. โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล คือ พื้นฐานแห่งอนาคต

ดร.ทักษิณเน้นถึงความสำคัญของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาศูนย์ข้อมูล (Data Centers) และเครือข่ายพลังงานสะอาด เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก

หนึ่งในแนวคิดหลักคือการสร้างพื้นที่ที่เรียกว่า "Digital Embassy" ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางข้อมูลระดับภูมิภาคที่ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีจากทั่วโลกเข้ามาตั้งศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มรายได้จากการให้บริการข้อมูล แต่ยังสร้างความมั่นคงในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ รวมถึงการเป็นพื้นที่สำหรับ Backup ข้อมูลอีกแห่งให้กับต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงการปรับลดต้นทุนพลังงานในประเทศ โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าซึ่ง ดร.ทักษิณ มองว่า ราคาสูงเกินไป โดยเฉพาะในยุคที่ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในต้นทุนสำคัญของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเขาเสนอให้ปรับระบบภาษีในพลังงานไฟฟ้าเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดระดับโลก

ในส่วนของพลังงานสะอาดเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจสำหรับประเทศไทย แต่ ดร.ทักษิณ มองว่า ไทยอาจไม่จำเป็นต้องไปสู่พลังงานสะอาด 100% ซึ่งไทยอาจต้องหาวิธีสนับสนุนให้ธุรกิจเทคฯ เข้ามาลงทุนเพื่อลดภาษีของไฟฟ้า

2. เศรษฐกิจสร้างสรรค์ พลังของซอฟต์พาวเวอร์

จากมุมมองของดร.ทักษิณ หนึ่งในความท้าทายสำคัญที่ประเทศไทยต้องเผชิญคือการพัฒนา "Soft Power" และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศ โดยเฉพาะในด้านการสร้างสรรค์วัฒนธรรมและบริการที่มีเอกลักษณ์ เช่น อาหาร ดนตรี แฟชั่น และการท่องเที่ยว 

รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ (Hospitality) ที่ประเทศไทยมีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ การมุ่งเน้นพัฒนาในด้านนี้ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศ แต่ยังเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในเวทีโลกอย่างยั่งยืน

3.ลดความซับซ้อนภาษี เพื่อให้ได้มากขึ้น

“ทุกวันนี้ ถ้าคุณอยากได้มากขึ้น คุณต้องขอน้อยลง ถ้าคุณขอมากขึ้น คุณจะได้น้อยลง”

ดร.ทักษิณ มองว่าประเทศไทยควรปฏิรูปภาษี โดยลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลให้สามารถแข่งขันได้ และอาจใช้ negative income tax เพื่อคืนภาษีให้ผู้มีรายได้น้อยอย่างรวดเร็ว เขายกตัวอย่างสิงคโปร์และฮ่องกง ที่มีอัตราภาษีต่ำและเศรษฐกิจเติบโตสูง 

ปัจจุบันอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดอยู่ที่ 35% ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์ที่มีอัตราภาษีเพียง 17% ดร.ทักษิณเสนอว่า การปรับลดอัตราภาษีลงสู่ระดับที่แข่งขันได้ เช่น 25% จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนและการทำธุรกิจในประเทศไทย 

การเพิ่มรายได้รัฐผ่านการลดภาษี

แนวคิดสำคัญคือ "หากต้องการรายได้มากขึ้น รัฐควรเรียกเก็บภาษีให้น้อยลง" เนื่องจากอัตราภาษีที่ต่ำช่วยกระตุ้นการลงทุน การบริโภค และการจ้างงาน ซึ่งจะส่งผลให้รัฐสามารถเก็บรายได้ภาษีได้เพิ่มขึ้น ตัวอย่างจากสหรัฐอเมริกาแสดงให้เห็นว่า หลังการลดภาษีในปี 2017 รายได้จากภาษีของรัฐบาลกลับเพิ่มขึ้นทุกปี ตอกย้ำแนวคิดที่ว่าการลดภาษีไม่ได้หมายถึงการสูญเสียรายได้ แต่กลับเป็นการสร้างโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจขยายตัว

ดร.ทักษิณมองว่า ระบบภาษีที่เหมาะสมต้องเอื้อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและลดภาระของประชาชน แนวทางนี้ต้องพิจารณาจากบทเรียนของประเทศที่ประสบความสำเร็จ เช่น สิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งมีอัตราภาษีต่ำและระบบภาษีที่เรียบง่าย ทำให้สามารถดึงดูดนักลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

4. APEC ไม่น่าสนใจแล้ว ?

ดร.ทักษิณ มองว่า APEC มาถึงจุดที่ไม่น่าตื่นเต้นแล้ว เพราะความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก บางประเทศยากจนมาก บางประเทศร่ำรวยมาก พวกเขาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ ถ้าเวทีระหว่างประเทศไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ มันก็จะไม่ก้าวหน้า 

โดยมองว่าสมาชิกแต่ละประเทศต้องเร่งปฏิรูปวิธีการทำงานแบบมีกลยุทธ์ แต่ไม่จำเป็นต้องแยกกลุ่มให้มีสมาชิกน้อยลง ต้องหาวิธีจัดการกับประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศขนาดเล็ก และจัดการกับปัญหาของประเทศที่ด้อยพัฒนากับประเทศที่พัฒนาแล้ว

5. G24 มีความสนใจลงทุนในไทย แต่ติดที่ค่าไฟแพง

ดร.ทักษิณ เล่าว่า เคยมีโอกาสพบกับ G24 จากอาบูดาบี โดยกลุ่มที่เจอเป็นบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งกำลังทำสิ่งที่เรียกว่า AI Hub ซึ่งมี Hub ที่อาบูดาบี และเคนยา โดยสิ่งที่ ดร.ทักษิณ ได้รับฟังมาคือพวกเขามีความสนใจที่จะลงทุนในไทยเพราะประเทศไทยมีไฟฟ้ามาก พวกเขาสามารถเริ่มต้นแผนงานได้ทันที แต่ติดที่พวกเขามองว่าราคาไฟฟ้าในไทยสูงเกินไป ดังนั้นจึงต้องหาวิธีส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีด้วยการลดราคาไฟฟ้า

6. ความร่วมมือระดับภูมิภาค สู่การเป็นศูนย์กลางอาเซียน

ในฐานะภูมิภาคที่มีประชากรรวมกว่า 700 ล้านคน ดร.ทักษิณเน้นย้ำว่า อาเซียนต้องพัฒนาบทบาทให้แข็งแกร่งกว่าการเป็นเพียงเวทีสังคมของผู้นำ เขาเสนอให้มีการวางกลยุทธ์ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพ ไม่ว่าจะเป็นการรวมพลังในด้านทรัพยากร มวลชน หรือการพัฒนานโยบายร่วมกัน เช่น การค้าเสรีระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค

ดร.ทักษิณยังเล่าถึงความสำเร็จในอดีตระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ไทยมีส่วนผลักดันการเปิดเสรีการค้าภายในอาเซียน ซึ่งช่วยให้สินค้าจากประเทศหนึ่งสามารถเข้าสู่ตลาดของอีกประเทศได้โดยไม่ต้องเผชิญข้อจำกัดทางภาษี เขาเชื่อว่าความร่วมมือเช่นนี้จะช่วยให้อาเซียนมีบทบาทมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

สุดท้ายนี้ ดร.ทักษิณเน้นว่า อนาคตของประเทศไทยขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัลและเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ความท้าทายสำคัญคือการยกระดับความสามารถในการแข่งขันทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยมีเป้าหมายสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงและครอบคลุมทุกภาคส่วนในสังคม

สำหรับการพัฒนาในระยะยาว ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ผ่านการสร้างงานที่มีคุณภาพ การลงทุนในพลังงานสะอาด และการส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กให้สามารถแข่งขันและเติบโตในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.ทักษิณยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการลดภาระต้นทุนของประชาชน ผ่านการปรับระบบภาษีให้มีความยืดหยุ่นและเป็นธรรม พร้อมทั้งเพิ่มกลไกการคืนภาษีสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อเสริมสร้างกำลังซื้อและกระตุ้นเศรษฐกิจในวงกว้างอย่างยั่งยืน

ข้อมูลจากงาน Forbes Global CEO Conference

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

คัมภีร์ราคา ChatGPT อธิบายทุกแผนราคาแบบเข้าใจง่าย

คู่มืออธิบายแพ็กเกจ ChatGPT ทุกรูปแบบ ทั้ง Free, Plus, Pro, Team, Enterprise พร้อมเปรียบเทียบฟีเจอร์ ราคา และข้อจำกัด เลือกแผนที่เหมาะกับคุณได้ง่าย ๆ...

Responsive image

SoftBank เร่งระดมทุน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ลุยตลาด AI

SoftBank บริษัทด้านการลงทุนจากญี่ปุ่นเตรียมกู้เงินก้อนโตถึง 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.8 แสนล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนในเทคโนโลยี AI โดย Masayoshi Son ซีอีโอของ SoftBank ได...

Responsive image

DeepSeek เผยกำไร AI ตัวเลขพุ่งทะลุ 545% แต่เป็นอัตรากำไรตามทฤษฎี

DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จากจีนเผยอัตรากำไรทางทฤษฎีสูงถึง 545% แม้รายได้จริงยังต่ำกว่าที่คำนวณได้ พร้อมเปิดแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพ AI และลดต้นทุน ตอกย้ำความแตกต่างจาก OpenAI ด้วยนโยบาย...