เส้นทางสู่ Sustainable Electronics เมื่อขยะอิเล็กทรอนิกส์ล้นโลก (E-waste)

ทุกวันนี้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ อีกทั้งยังมีความต้องการในการใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามเรื่องของ “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” จำนวนมหาศาล คืออีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่เราทุกคนควรตระหนักถึง ปัญหาเหล่านี้ทำให้บริษัทและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ต้องวางแผนการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและรักษ์โลก ให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบันจนเกิดเป็นกระแส Sustainable Electronics 

เส้นทางสู่ Sustainable Electronics เมื่อขยะอิเล็กทรอนิกส์ล้นโลก (E-waste)

57.4 ล้านตัน คือ ตัวเลข E-waste หรือ Electronic-waste ในปี 2021 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในปี 2030 ขยะเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นไปถึง 74 ล้านตัน เพิ่ม 3-4% ในแต่ละปีเลยทีเดียว และถึงแม้ว่า E-waste จะคิดเป็นเพียง 2 % ถ้ามองในสัดส่วนภาพรวมของขยะมูลฝอยทั้งโลก แต่ E-waste มีสัดส่วนถึง 70%  ในสัดส่วนของขยะที่มีความอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่างมากหากไม่กำจัดให้ถูกวิธี (เราถึงต้องมีถังขยะสีแดงยังไงล่ะ) 

ความสำคัญของการสร้างอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน Sustainable Electronics

เส้นทางสู่ Sustainable Electronics เมื่อขยะอิเล็กทรอนิกส์ล้นโลก (E-waste)แม้แนวโน้มการพูดถึง E-waste จะเพิ่มมากขึ้น แต่ปัจจุบันสัดส่วนของขยะประเภทนี้ถูกจัดเก็บและรีไซเคิลเพียงแค่ 17.4% เท่านั้น ซ้ำร้ายขยะพวกนี้ยังถูกรีไซเคิลแบบผิดวิธีด้วยการฝังกลบ

จุดสำคัญที่กลายเป็นปัญหาที่หลายคนไม่ทราบ เดิมทีวัสดุอิเล็กทรอนิกส์ใช้โมเดลเศรษฐกิจแบบเส้นตรง (Linear Economy) พูดง่ายๆ ก็คือ ผลิตเพื่อใช้งานแล้วทิ้ง ไม่ได้นำมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลแต่อย่างใด และยังได้รับการออกแบบให้มีอายุการใช้งานจำกัดเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อซ้ำ อาศัยวัสดุราคาถูก เข้าถึงได้ง่ายในจำนวนที่มากและ ไม่คำนึงถึงของเสีย

ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ หลายแห่งเริ่มเสนอว่า การใช้โมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มีการคำนึงถึงเรื่องของขยะและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตั้งแต่ต้นจนจบ สามารถลดผลกระทบในแง่ของทรัพยากรที่มีจำนวนจำกัด แถมยังเป็นมิตรกับสุขภาพของผู้คน สิ่งแวดล้อม และยังลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกเพื่อเข้าสู่สังคม NetZero อีกด้วย 

เส้นทางสู่ Sustainable Electronics เมื่อขยะอิเล็กทรอนิกส์ล้นโลก (E-waste)

โทรศัพท์มือถือที่ถูกทิ้งหนึ่งตันมีทองคำมากกว่าแร่ทองคำหนึ่งตัน

Dr. Ruediger Kuehr ผู้อำนวยการโครงการ Sustainable Cycles (SYCYCLE) ของ UN ได้กล่าวเอาไว้ว่า "โทรศัพท์มือถือที่ถูกทิ้งหนึ่งตันมีทองคำมากกว่าแร่ทองคำหนึ่งตัน"  และ "โทรศัพท์มือถือ 1 ล้านเครื่องที่ฝังมีส่วนประกอบของทองคำถึง 24 กก. ทองแดง 16,000 กก. เงิน 350 กก. และแพลเลเดียม 14 กก. ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สามารถกู้คืนและกลับสู่วงจรการผลิตและสร้างมูลค่าได้มหาศาล"  

กล่าวคือ เทรนด์การหมุนเวียน (Circularity) สามารถปลดล็อกโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ช่วยให้บริษัทสร้างคุณค่าผ่านการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์และส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ แถมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าการทำเหมืองเพื่อหาวัสดุใหม่อีกด้วย 

เส้นทางสู่ Sustainable Electronics เมื่อขยะอิเล็กทรอนิกส์ล้นโลก (E-waste)

ความท้าทายของการสร้าง Sustainable Electronics 

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังมีความท้าทายในบางเรื่องอยู่เช่นกัน 

  • ความซับซ้อนของวัสดุ - อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีส่วนประกอบของวัสดุหรือธาตุที่ซับซ้อนแตกต่างกันมากกว่า 1,000 ชนิด  ทำให้รีไซเคิลได้ยากกว่าปกติ ทำให้การออกแบบผลิตภัณฑ์ต้องออกแบบพิเศษให้ระบุและแยกวัสดุได้ เพิ่มมาตรฐานการจัดเก็บ และยังต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากวิธีการรีไซเคิล
  • โลจิสติกส์และห่วงโซ่การผลิต - เดิมทีการขนส่งส่วนประกอบในอุตสาหกรรมมีการเคลื่อนย้ายวัสดุจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคทั่วโลก Supply Chain แบบใหม่ต้องคำนึงถึงหรือเอื้อต่อการใช้ซ้ำหรือรีไซเคิล 
  • แรงจูงใจ - ทั้งในฝั่งของผู้ผลิตและผู้บริโภคที่อาจจะมองสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ใหม่อยู่ ต้องอาศัยเวลาในการปรับตัวเพื่อเข้าสู่มาตรฐานใหม่ เช่น ผู้ผลิตต้องสร้างแรงจูงใจในการซ่อมแซมหรือนำผลิตภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ขณะเดียวกันผู้บริโภคต้องได้รับการจูงใจให้ส่งคืนผลิตภัณฑ์ 
  • มุมมองผู้บริโภค - การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืนขึ้นอยู่กับทางฝั่งของผู้บริโภคด้วย ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกไม่อยากใช้สินค้าที่ผ่านการรีไซเคิล เพราะคิดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีคุณภาพต่ำ เนื่องจากการรับรู้ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดจากประสิทธิภาพที่ลดลง  หลายประเด็นเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการรับประกัน ความโปร่งใสเรื่องข้อมูลสินค้า ก็อาจทำให้ผู้บริโภคลงทุนกับสินค้าที่มีความทนทานใช้งานได้นานและเปิดใจกับของมือสองมากขึ้น  

ยกตัวอย่างในยุโรป มีการสนับสนุนจากกฎหมายยุโรปว่าด้วยเรื่องของ “สิทธิในการซ่อมแซม” ที่สนับสนุนให้ผู้ใช้หันมาซ่อมแซมแทนที่จะเปลี่ยนใหม่ทั้งเครื่อง รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้ทางฝ่ายโรงงานหรือผู้ผลิตก็เริ่มที่จะปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นการที่ Samsung และ Google จับมือกับ iFixit เพื่อเพิ่มชิ้นส่วนของอะไหล่หรือ Apple เปิดบริการซ่อมด้วยตัวเอง วางขายเครื่องรีเฟอร์บิช (Refurbishing) ที่ผ่านการรับรองโดยตรง และนำมาขายในราคาที่ถูกลงผ่านตัวแทนจำหน่ายและเว็บไซต์ของตัวเอง

cr. Apple 

เส้นทางสู่ Sustainable Electronics เริ่มต้นจากอะไรได้บ้าง?

เรื่อง Sustainable Electronics ไม่ได้เป็นเรื่องของภาคเอกชนผู้ผลิตเพียงฝ่ายเดียว แต่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงในทุกขั้นตอนของการผลิต ต่อเนื่องไปยังการจัดจำหน่าย การบริโภค ภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ องค์กรภาคประชาสังคม รวมถึงผู้บริโภคอย่างพวกเรา ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงหลักๆ ที่สามารถทำได้มีดังนี้

  • การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงเรื่องความยั่งยืนและการหมุนเวียน ผู้ผลิตควรเริ่มต้นด้วยการคำนึงถึงจุดสิ้นสุด เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้อัพเกรดง่าย ซ่อมง่าย ถอดแยกชิ้นส่วนเพื่อรีไซเคิลได้ง่าย
  • การจัดเก็บรวบรวมสินค้าหรือส่วนประกอบที่ใช้แล้ว จากผู้บริโภคเพื่อให้สามารถนำไปปรับปรุงใหม่หรือรีไซเคิลได้ 
  • การหมุนเวียน สินค้า Refurbished (สินค้าที่ได้รับการปรับปรุง) ไปยังผู้บริโภครายใหม่ที่สนใจ สามารถนำไปขายต่อได้ในราคาที่ต่ำกว่า ขยายการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ใหม่ๆ 
  • การร่วมมือระหว่างธุรกิจในแง่ของทรัพยากร การแลกเปลี่ยนวัสดุที่รีไซเคิลได้เช่น Dell นำเศษคาร์บอนไฟเบอร์จากอุตสาหกรรมการบินและอวกาศมาใช้ผลิตสินค้าของตัวเอง
  • การมองหาโมเดลธุรกิจแบบใหม่ที่เข้ากับธีม Circular พัฒนารูปแบบธุรกิจและโครงสร้างที่จูงใจทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค การสร้างเครือข่ายการซ่อมแซมและการขายต่อนอกเหนือจากการขายแบบ p2p ที่ไม่เป็นทางการบนเว็บไซต์ เช่น eBay ที่สร้างเครือข่าย O2 ที่ทำให้ค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ามือสองได้สะดวกขึ้นพร้อมการรับประกัน 12 เดือน



รวบรวมข้อมูลจาก 

The future of sustainable electronics 

Here’s how we can make gadgets more sustainable in 2023

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

OpenAI เปิดตัว o1-pro AI ให้เหตุผลที่แม่นยำกว่าเคย บน API คุ้มไหม? ถ้าราคาแพงกว่า o1 ถึง 10 เท่า

OpenAI เปิดตัว o1-pro โมเดล AI ให้เหตุผลที่พัฒนาจาก o1 ให้ทรงพลังยิ่งขึ้น แบบสแตนด์อโลนใน API สำหรับนักพัฒนาอย่างเป็นทางการ...

Responsive image

LINE Premium: ทำไม Line ถึงโดดมาเล่นในสนาม Freemium ?

LINE เปิดตัว LINE Premium (169 บาท/เดือน) เปลี่ยนเกมสู่โมเดล Freemium เหมือน Spotify และ YouTube ทำไม LINE ถึงเลือกทางนี้? วิเคราะห์อนาคตแอปแชทที่ไทยเป็นตลาดสำคัญ!...

Responsive image

เปิดมุมมองนักลงทุนระดับโลก กับก้าวสำคัญของไทย ในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งอาเซียน

ทำไมนักลงทุนต่างชาติถึงมองว่าไทยเป็นโอกาสทอง? เจาะลึกมุมมองจากญี่ปุ่น อังกฤษ และลักเซมเบิร์ก เกี่ยวกับเศรษฐกิจและเทคโนโลยีไทย...