Unicorn จากอังกฤษสาย FinTech ด้วยบริการโอนเงินข้ามประเทศอย่าง TransferWise เตรียมบุกสิงคโปร์เลือกเป็นที่ตั้งสำนักงานหลักในเอเชียแปซิฟิกโดยจับมือร่วมกับ DBS Bank หลังจากได้รับอนุญาตจากแบงค์ชาติให้กลายเป็นบริษัทแรกที่สามารถทำการยืนยันตัวตนผ่านออนไลน์ได้
Taavet Hinrikus CEo และ co-founder แห่ง TransferWise ถึงกับบอกว่าธนาคารกลางของสิงคโปร์ดูจริงจังและตั้งใจพัฒนาให้ประเทศเป็นศูนย์กลาง เปิดโอกาสให้บริษัท FinTech ต่างๆ มีโอกาสได้เติบโตที่นี่จริงๆ
TransferWise เปิดตัวในปี 2011 ในทุกๆ เดือนมีคนใช้บริการโอนเงินบนแพลตฟอร์มนี้มูลค่ากว่า 1.75 พันล้านเหรียญฯ และถูกกว่าบริการการโอนเงินของบริษัทอื่นๆ และธนาคาร 2-3 เท่าตัว แถมยังเร็วกว่า 1-3 วันอีกด้วย
TransferWise มีออฟฟิสอยู่ทั่วโลกกว่า 9 แห่ง มีพนักงานกว่า 650 คน และในละแวกใกล้ๆ นี้ก็มีสำนักงานในกรุงซิดนีย์ ออสเตรเลีย และโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นแล้ว โดยในช่วงเดือนสิงหาคมปีก่อนได้เปิดตลาดที่เวียดนามให้คนที่ออกไปทำงาน/หรือเรียนต่อในต่างประเทศสามารถโอนเงินกลับประเทศได้ การมาตั้งออฟฟิสในสิงคโปร์นี้ TransferWise ตั้งใจไว้ว่า จะเริ่มต้นด้วยพนักงานทั้งหมด 30 คนด้วยกัน อันประกอบด้วยทีมวิศวกร, product, ทีม verification, complaince, ดูแลลูกค้า, ทีม regulation และ การตลาด
ผู้ร่วมก่อตั้ง TransferWise (ภาพจาก Forbes)
ที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งคือแบงค์ชาติสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore (MAS)) อนุญาตให้ TransferWise เป็นบริษัทแรกที่สามารถให้บริการการยืนยันตัวตนผ่านออนไลน์ เพื่อใช้ในการโอนเงินได้ ซึ่งโดยเดิมทีต้องทำการยืนยันตัวตนโดยผ่านขั้นตอนการเจอตัวจริงเท่านั้น
Hinrikus กล่าวว่า การยืนยันตัวตนผ่านออนไลน์ไม่ใช่ว่าแค่สะดวกสบายกับผู้ใช้ แต่จริงๆ แล้วก็ทำให้บริษัทสามารถติดตามและจัดการปัญหาการกระทำผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย เขายังกล่าวอีกว่าแบงค์ชาติสิงคโปร์นั้นโฟกัสว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้ามากกว่าที่จะเป็นฟากของธนาคาร และด้วยเหตุนี้เลยทำให้ TransferWise สามารถเปิดให้บริการในสิงคโปร์ได้ และเป็นทางเลือกใหม่นอกเหนือจากธนาคารและบริษัทโอนเงินอื่นๆ
สิงคโปร์ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความพร้อมด้าน FinTech มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในรายงานผลสำรวจของ TransferWise เกี่ยวกับอนาคตด้านการเงินประจำปี 2017 ได้ออกมารายงานว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้พึงพอใจในตัวธนาคาร มีเพียงแค่ 20% เท่านั้นที่รู้สึกชื่นชม แต่กว่า42% เชื่อว่าธนาคารนั้นโฟกัสไปที่ผลกำไรมากเกินกว่าที่จะตอบสนองความต้องการลูกค้าจริงๆ นอกจากนี้ Santander เคยหลุดให้ข้อมูลกับ Guardian Money ว่าเกือบ 10% ของกำไรของธนาคารทั่วโลกนั้นมาจากการโอนเงินข้ามประเทศ โดยในปี 2016 Santander ทำเงินจากการโอนเงินได้ถึง 585 ล้านยูโร Santander เก็บค่าธรรมเนียมสูงถึง 6 เท่าตัวของบริการจาก TransferWise ในการโอนเงิน 10,000 ปอนด์จากอังกฤษไปยังสเปน
ในขณะที่ TransferWise กำลังเตรียมขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้ ทาง WhatsApp (Messaging แอปฯ ที่เรารู้จักกันดี) ก็เตรียมเข้าสู่ตลาดอินเดียในด้านการชำระเงินออนไลน์แข่งกับ PayTM ในอินเดียที่ได้รับการสนับสนุนจากยักษ์ใหญ่ในจีนอย่าง Alibaba
และไม่กี่เดือนก่อน Azimo หนึ่งในคู่แข่งก็เปิดบริการ "One Tap Money Transfer" ถือเป็นฟีเจอร์แรกในวงการที่ทำให้ประเทศในยุโรปสามารถโอนและรับเงินได้เพียงแค่ใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือ เพียงแค่เลือกจาก Phone Contacts แล้วผู้รับก็ได้รับ SMS พร้อมลิงค์เพื่อให้ดาวน์โหลด Azimo app และทำการเครมเงินได้เลย Michael Kent ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO แห่ง Azimo กล่าวว่า ความยากสุดของการโอนเงินข้ามประเทศคือต้องมาคอยหาข้อมูลปลายทางของผู้รับมากมายเยอะแยะไปหมด ยิ่งถ้าเป็นประเทศที่แตกต่างกัน ก็ขอข้อมูลที่แตกต่างกันอีก อาทิ IBAN และ Bank Routing Numbers ต่างๆ และมันไม่ใช่ข้อมูลปกติที่รู้กันและไม่รู้จะหาจากที่ไหนกันได้ง่ายๆ เลยเป็นที่มาของบริการดังกล่าว
งานนี้เรียกว่าคลื่น FinTech ฟากการโอนเงินข้ามประเทศรุกธนาคารหนักจริงๆ คงต้องดูกันว่าธนาคารจะปรับตัวอย่างไรดี
อ้างอิง: FinTechNews
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด