UK จะเป็น Crypto Hub ได้หรือไม่ จะเกิดอะไรขึ้นหลัง บอริส จอห์นสัน ลาออก ย้อนดูนโยบายด้านเทคฯและดิจิทัล | Techsauce

UK จะเป็น Crypto Hub ได้หรือไม่ จะเกิดอะไรขึ้นหลัง บอริส จอห์นสัน ลาออก ย้อนดูนโยบายด้านเทคฯและดิจิทัล

การลาออกของ บอริส จอห์นสัน ในฐานะนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของนโยบายด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล โดยเฉพาะอนาคตของคริปโตเคอเรนซี ซึ่งล่าสุดในเดือนเมษายนที่ผ่านมาที่ได้มีการประกาศแผนที่จะทำให้ประเทศอังกฤษกลายเป็น Crypto Hub โดยนายริซิ ซูนัค รัฐมตรีว่าการกระทรวงการคลังและ จอห์น เกล็น รัฐมนตรีว่ากระทรวงเศรษฐกิจ สองผู้นำในการผลักดันนโยบายนี้ก็ได้ตบเท้าลาออกในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน 

ดูเหมือนว่าการลาออกของคณะบริหารอาจจะชะลอการดำเนินการทางกฎหมายวาระต่างๆ เกิดคำถามใหญ่ที่ว่าฝ่ายบริหารชุดต่อไปจะมีทิศทางสนับสนุนนโยบายเทคโนโลยีดิจิทัล หรือสานต่อนโยบายที่ได้ริเริ่มไปแล้วหรือไม่ และอนาคตอังกฤษจะยังสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยี Web3 ที่รออยู่ในอนาคต จะได้ไปต่อหรือไม่ ? 

UK จะเป็น Crypto Hub ได้หรือไม่ จะเกิดอะไรขึ้นหลัง บอริส จอห์นสัน ลาออก ย้อนดูนโยบายด้านเทคฯและดิจิทัล

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษได้แถลงลาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมอย่างเป็นทางการ เพื่อเปิดทางในการคัดเลือกนายก-ผู้นำพรรคคนใหม่ หลังจากเผชิญกับแรงกดดันจากกระแสสังคมที่ต้องการให้ลงจากตำแหน่งบวกกับการทะยอยลาออกคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐบาลรวมแล้วเกือบ 50 คน สืบเนื่องจากประเด็นการจัดการปัญหาภายในพรรคและข้อกล่าวหาล่าสุดเรื่องการเมินเฉยต่อการประพฤติผิดทางเพศของนาย คริส พินเชอร์ อดีตรองประธานวิปรัฐบาลที่เป็นชนวนนำมาซึ่งความไม่พอใจของสาธารณชน

ย้อนดูนโยบายด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในสมัยนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน

บอริส จอห์นสัน ถือเป็นหนึ่งในผู้นำประเทศที่มีความสนใจในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยหลังจากความสำเร็จแรกที่ผลักดันอังกฤษสู่  Brexit อย่างเป็นทางการ ดินแดนสหราชอาณาจักรก็มีความฝันด้านเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ ด้วยการตั้งเป้าใน “นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง” ว่าจะเป็นจุดแข็งสำคัญที่จะช่วยให้ดินแดนแห่งนี้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นในสายตานักลงทุนและบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ เรียกได้ว่า นายจอห์นสันก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศในยุคที่ต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่เรื่องการจัดการความมั่นคงระหว่างพรมแดน การพยุงปัญหาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนในยุคการแพร่ระบาดโควิด-19 และการแข่งขันทางดิจิทัลที่เข้มข้นในระดับภูมิภาค 

  • ในอดีตนายบอริส จอห์นสันได้สร้างผลงานการสนับสนุนระบบนิเวศและสตาร์ทอัพในกรุงลอนดอนให้กลายเป็น "Silicon Roundabout" บนถนน Old Street ในปี 2010 ที่ร่วมผลักดันในสมัยนายกเดวิด คาเมรอน ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีสำนักงานใหญ่สำหรับยูนิคอร์นสัญชาติอังกฤษอย่าง Deliveroo และ Monzo และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ Google และ Cisco  
  • ความพยายามแรก เป็นการผลักดันในด้านกฎหมายสำคัญอย่างแนวทางในการควบคุมข้อมูลภายในอังกฤษและการสร้างระบบการแข่งขันทางดิจิทัลแบบใหม่ภายใต้การนำของเขาได้ริเริ่มโครงการสนับสนุนการลงทุนในภาคเทคโนโลยี จำนวนมาก อาทิ จัดตั้งกองทุน London Schools Excellence Fund จำนวน 24 ล้านปอนด์สำหรับโครงการวิทยาการคอมพิวเตอร์ , บริจาคเงิน 25 ล้านปอนด์ให้กับ London Co-Investment Fund สำหรับบริษัทเทคโนโลยีขนาดเล็ก , จัดตั้ง The London Tech Ambassadors เพื่อโปรโมทภาคส่วนต่างๆ , จัดตั้งโครงการ The International Business Programme ให้คำปรึกษาทางธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วและการสนับสนุนจากภาคเอกชนเพื่อช่วยขยายธุรกิจในต่างประเทศ 
  • ตามติดด้วยการเปิดตัวกองทุน Digital Infrastructure Investment Fund (DIIF) รับผิดชอบในการลงทุนเงินในบริษัทที่พัฒนาเครือข่ายบรอดแบรนด์รองรับ 5G และระบบไฟเบอร์เต็มรูปแบบทั่วประเทศ กองทุน Local Full Fiber Networks (LFFN) และให้คำสัญญาว่าจะปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบไฟเบอร์บรอดแบนด์ทุกหลังคาเรือนภายในปี 2025 ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องที่เขาใช้หาเสียงตั้งแต่เลือกตั้ง ตามด้วยการแสดงจุดยืนเรียกร้องให้มีการเก็บภาษีกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่ดำเนินการอยู่ในและนอกดินแดนอังกฤษ อย่าง Facebook , Amazon และ Netflix นายจอห์นสันก็ทำมาแล้วทั้งสิ้น
  • ในปี 2021 นายจอห์นสันได้ประกาศกร้าวว่าจะรีฟอร์มอังกฤษให้เป็นมหาอำนาจทางวิทยาศาสตร์ “Scientific Superpower” ลงทุนประมาณ 3 พันล้านปอนด์สร้างวิทยาเขตขนาด 700 เอเคอร์ในเมือง Oxfordshire เพื่อทำการวิจัยและพัฒนาด้านอวกาศ พลังงานสะอาด และการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ หรือในช่วงหลังที่ธุรกรรมทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลบูมก็ได้ประกาศชุดนโยบายที่จะเน้นไปที่เทคโนโลยีสมัยใหม่และกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลที่ครอบคลุมเรื่อง AI, Digital Health ถอดบทเรียนจากโควิด-19 และวิทยาการ Quantum Computing สู้สหรัฐอเมริกาและจีน
  • นอกจากนี้ยังจัดแผนปฏิรูปตลาดทุนเพิ่มเติมเพื่อยกระดับศูนย์กลางการเงิน (Financial Conduct Authority:FCA) ที่จะพร้อมดำเนินการประมาณกลางปี 2023 โดยมีรายละเอียดที่จะจัดตั้ง “Scale Box” เพื่อสนับสนุนบริษัทฟินเทคและบริษัทที่กำลังเติบโตในการขยายธุรกิจทั่วประเทศ เพื่อแสดงถึงการเป็นผู้นำด้านการเงินดิจิทัล จัดตั้ง Digital Sandbox อนุญาตให้สตาร์ทอัพทดสอบแนวคิดและข้อเสนอใหม่ๆ , สนับสนุนการก่อตั้งศูนย์การเงิน นวัตกรรมและเทคโนโลยี (CFIT) มุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานฟินเทคระดับประเทศและระดับภูมิภาค ซึ่งล่าสุดนั้นที่ได้ประกาศแผนการที่จะทำให้อังกฤษกลายเป็น The Global Cryptoasset Technology Hub และเริ่มทดสอบเทคโนโลยีบล็อคเชนเพื่อรองรับการทำธุรกรรม พร้อมออกมาตรการจำนวนมากที่จำเป็นเกี่ยวกับการสร้างความรู้ความเข้าใจในการลงทุนคริปโตเคอเรนซีและโอกาสที่จะตามมามากมายในอนาคต  

UK จะเป็น Crypto Hub ได้หรือไม่ จะเกิดอะไรขึ้นหลัง บอริส จอห์นสัน ลาออก ย้อนดูนโยบายด้านเทคฯและดิจิทัล

Brexit หรือ Techxit

อีกการผลักดันใหญ่ในเรื่อง Digitised Border ที่นายจอห์นสันเคยกล่าวว่าในช่วงก่อนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษว่า “หากเทคโนโลยีสามารถนำมนุษย์ไปบนดวงจันทร์ได้ ก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหาทางเทคนิคและโลจิสติกส์ที่เกิดขึ้นบนชายแดนไอร์แลนด์ได้” ผ่านบทความแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับ Brexit ที่เผยแพร่ใน Telegraph ในฐานะคอลัมนิสต์ โดยแผนการสร้างพรมแดนดิจิทัลนี้ ผู้ที่เดินทางมาอังกฤษโดยไม่มีวีซ่าหรือสถานะการเข้าเมืองจะต้องได้รับการอนุมัติการเดินทางผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์คล้ายกับที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา โดยเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทเรื่องการนับจำนวนคนที่เข้าและออกจากประเทศได้อย่างแม่นยำ

อย่างไรก็ตามการสนับสนุนให้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการจำกัดการโยกย้ายของผู้คนถูกสมาชิกจากพรรคแรงงานต่อต้าน รวมถึงบุคลากรหน่วยงานด้านเทคฯหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่อง Brexit และไม่คิดว่าการตีตัวออกจากสหภาพยุโรปจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขในประเทศ โดย Silicon Valley Bank ได้ทำการสำรวจไว้ในรายงาน Start Up Outlook ปี 2019 ว่านักธุรกิจและนักผู้บริหารระดับสูงกว่า 75% มีความเชื่อว่า การออกจากสหภาพยุโรปจะส่งผลเสียต่อธุรกิจของพวกเขา เพราะอังกฤษจะเข้าถึงเงินทุน ความช่วยเหลือและสิทธิประโยชน์จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจได้น้อยลง โครงการนี้ถูกคาดไว้ว่าจะดำเนินการภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งดูเหมือนว่าจะสามารถดำเนินการได้ช้าลงกว่าเดิม เพราะความซับซ้อนของโครงการและการเปลี่ยนแปลงคณะบริหารที่อาจมีอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกันกับคณะทำงานนายจอห์นสัน 

การลาออกของนายจอห์นสันอาจจะทำให้อังกฤษก้าวช้ากว่าเพื่อนบ้านในสนามนี้

แม้อังกฤษอาจจะยังรักษาสถานะการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและดิจิทัลได้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันการตอบกลับของสหภาพยุโรปโดยการนำของ เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ดูเหมือนจะดุเดือดและมีผลงานให้โลกเห็นชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการปักหมุดด้านดิจิทัลของสหภาพยุโรป เช่น การดำเนินการเกี่ยวกับโอเพ่นซอร์สอย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงการริเริ่มระบบคลาวด์แบบรวมศูนย์ Gaia-X เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์สำหรับยุโรป การออกกฎหมายยกระดับอุตสหกรรมชิปเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรป (European Chips Act) อีกทั้งการแสดงความเป็นมิตรต่อภาคธุรกิจเอกชนและรัฐบาลทั้งระดับทวิภาคดีและพหุภาคี เพื่อสร้างความร่วมมือที่เน้นการดึงดูดการลงทุนมาสู่ภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันที่อังกฤษต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ฝรั่งเศส ที่ได้เปิดตัวภาษีดิจิทัลของตนเองในเดือนมกราคมที่ผ่านมา 

จุดหักเหสำคัญที่จะทำให้ประเทศอังกฤษตกขบวน-อนาคตคริปโตเคอเรนซีและร่างกฎหมายสกุลเงินดิจิทัลอาจต้องชะลอ

นายริซิ ซูนัครัฐมตรีว่าการกระทรวงการคลัง และยังเป็นตัวเต็งที่คาดว่าจะถูกเลือกเป็นนายกคนต่อไปมากที่สุด คือ ผู้ที่เป็นตัวหลักในคณะทำงานบอริส จอห์นสันที่ผลักดันเรื่องคริปโตเคอเรนซี และเคยแสดงความเห็นเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ในการทำให้อังกฤษเป็นศูนย์กลางระดับโลกของ Crypto-Asset Technology Hub อีกทั้งยังเคยเสนอให้รัฐบาลอังกฤษมินต์ NFT เพื่อโชว์ถึงความทันสมัยของเทคโนโลยีของประเทศที่กำลังจะมุ่งสู่สินทรัพย์ดิจิทัลอีกด้วย

ถึงกระนั้น นายซูนัคเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ลาออกจากตำแหน่งเช่นเดียวกัน ซึ่งการลาออกของเขาได้พาให้รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐบาลหลายรายลาออกตามกันอย่างต่อเนื่อง เพราะนายซูนัคถือเป็นนักการเมืองที่ขึ้นชื่อว่าอาวุโสมากที่สุดเป็นลำดับที่ 2 ในคณะทำงานชุดปัจจุบันและยังได้รับการนับถือในช่วงสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด  

เป็นที่แน่นอนว่าการลาออกของคณะบริหารจำนวนมากจะส่งผลต่อการผ่านร่างกฎหมายที่กำลังดำเนินการในรัฐสภา กล่าวคือ การสับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลและหน่วยงานอื่นๆ อย่างเช่นกระทรวงการคลัง จะส่งผลกระทบต่อการยอมรับกฎเกณฑ์และกฎหมายใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับการเงินการธนาคารในประเทศเป็น แน่นอน 

โดยเฉพาะข้อเสนอใหม่ที่เกี่ยวกับ Buy Now, Pay Later (BNPL) หรือกฎระเบียบเกี่ยวกับเหรียญ Stablecoin ที่คาดจะออกในเดือนสิงหาคมนี้ก็คาดว่าอาจจะชะลอกระบวนการ กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซีด้านอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน เนื่องจาก หน่วยงานที่เป็นผู้นำด้านกฎระเบียบเหล่านี้ คือ กระทรวงการคลัง ตามที่รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ จอห์น คันลิฟฟ์ ที่กล่าวว่า “แผนการในการจัดตั้งระบบการกำกับดูแลสำหรับ Stablecoin อาจล่าช้า กระทรวงการคลังสามารถแนะนำกฎระเบียบ Stablecoin ได้เร็วที่สุดในเดือนสิงหาคม แต่ด้วยหัวหน้ากระทรวงการคลังคนใหม่และนายกรัฐมนตรีชั่วคราว ลำดับความสำคัญและระยะเวลาสำหรับกรอบการกำกับดูแลนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ ” 

ถึงแม้จะยังไม่มีรายชื่อผู้สมัครที่เป็นทางการ มีการคาดการณ์รายชื่อผู้ที่คาดว่าจะได้รับเลือกให้เข้าทำหน้าที่แทนนายบอริส จอห์นสัน ซึ่งในรายชื่อที่ติดโผนั้นมีหลายคนที่เคยแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีสกุลเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลเอาไว้ด้วยเช่นกัน

  • ในปี 2020 ลิซ ทรูสส์ รัฐมนตรีกระรวงการต่างประเทศ เคยกล่าวว่า “การออกจากสหราชอาณาจักรจากสหภาพยุโรปจะสร้างโอกาสในการเป็นผู้นำโลกในด้านต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์และบล็อคเชน” 
  • เพนนี มอร์ดันท์ รัฐมนตรีด้านนโยบายการค้า ผู้สมัครหญิงที่มีแนวโน้มสูงอีกหนึ่งคน ซึ่งได้เข้าร่วมการประชุม Texas Blockchain Council ในเดือนเมษายนและระบุว่าตนมีความเชื่อว่า “จะมีโอกาสจำนวนมากสำหรับการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของสหราชอาณาจักรในลอนดอน”
  • แมตท์ แฮนคอกค์ รัฐมนตรีสาธารณสุขเคยออกมาเรียกร้องให้มีกฎระเบียบที่ชัดเจนและพัฒนากรอบภาษีคริปโตเคอเรนซีให้มีลักษณะที่เสรีมากขึ้นเพื่อดึงดูดให้สหราชอาณาจักรกลายเป็น “พื้นที่ทางเลือกสำหรับการทำธุรกรรมคริปโต”โดยเขาเคยเปรียบเทียบคริปโตฯ ว่าจะทำลายอุปสรรคหลายอย่างเหมือนกับอินเทอร์เน็ต และกล่าวว่า “สหราชอาณาจักรประสบความสำเร็จเมื่อเปิดรับเทคโนโลยีใหม่”

แผนการของสหราชอาณาจักรทั้งหมดที่ได้กล่าวมา สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนที่แข็งขันต่อเทคโนโลยีและมุมมองที่มีต่อสกุลเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลกว่าที่รัฐบาลหลายประเทศดำเนินการในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำหรับผู้ให้การสนับสนุนคริปโตมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า “เทคโนโลยีจะทำให้การชำระเงินเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และโปร่งใสมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังมีฝ่ายที่มีความกังวลว่าเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถนำไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การฟอกเงิน และยังมีประเด็นเรื่องปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์สูงในการประมวลผลธุรกรรมอีกด้วย อย่างเช่นนาย เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมซึ่งได้คะแนนสูงสุดในการสำรวจล่าสุดก็ได้กล่าวถึงความเสี่ยงที่สกุลเงินดิจิทัลนั้นสามารถถูกใช้เพื่อฟอกเงิน เช่นเดียวกัน 

อย่างไรก็ตามผู้เขียนเห็นว่า อังกฤษอาจจะยังมีความหวังและยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะลดการหยุดชะงักเหล่านี้ให้เหลือน้อยที่สุด โดยหลายฝ่ายคาดคะเนว่านายริซิ ซูนัค หนึ่งในตัวเต็งที่อาจจะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแทนบอริส จอห์นสัน อาจจะยังคงทำงานของตัวเองต่อไปที่กระทรวงการคลัง และผลักดันร่างกฎหมายที่ตัวเองผลักดันต่อไป หรือไม่หากถูกแต่งตั้งเป็นผู้นำพรรค-ผู้นำประเทศคนต่อไป อังกฤษก็ได้ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในเรื่องเทคโนโลยีและอนาคตของสกุลเงินดิจิทัลเป็นแน่นอน 

การเลือกผู้นำพรรคคนใหม่คาดว่าจะมีการระบุวันที่ชัดเจนหลังจากนี้อย่างเร็วที่สุด ซึ่งขั้นตอนนั้นสมาชิกพรรคในรัฐสภาจะทำการลงคะแนนเป็นชุด เพื่อคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง 2 คนสุดท้าย จากนั้นจะต้องเผชิญกับการลงคะแนนเสียงจากสมาชิกอีกครั้ง ผู้ชนะจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีและเลือกรัฐมนตรีชุดใหม่ รอบที่แล้ว กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณสองเดือน ตั้งแต่นางเทเรซา เมย์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม 2019 เพื่อรับการเสนอชื่อโดยมีนายบอริส จอห์นสันอดีตรัฐมนตรีการต่างประเทศเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง 

อนาคตของอังกฤษหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไป 

 อ้างอิง

Johnson's Exit as British Prime Minister Leaves UK Crypto Ambitions on Hold

What UK Prime Minister Boris Johnson means for tech

What will a Boris Johnson government mean for the tech sector?

UK’s Crypto Strategy ‘Back to Square One’ as Sunak, Glen Quit

Britain makes crypto technology a priority for streamlining markets

Government to strengthen rules on misleading cryptocurrency adverts

UK Innovation Strategy: leading the future by creating it

UK’s Boris Johnson Resignation May Delay Crypto, BNPL Legislation

Who are the favorites to succeed Boris Johnso

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

'บ้านปู' ประกาศกลยุทธ์ใหม่ Energy Symphonics เตรียมมุ่งสู่ปี 2030 เปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืน พร้อมเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย ประกาศกลยุทธ์ใหม่ 'Energy Symphonics' หรือ “เอเนอร์จี ซิมโฟนิกส์” เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ปี 2030 เน้นการเปลี่ยนผ่านพลังงานอ...

Responsive image

Google เผยเศรษฐกิจดิจิทัลไทย โตอันดับ 2 ใน SEA มูลค่า 1.61 ล้านล้านบาท ขับเคลื่อนด้วยอีคอมเมิร์ซและการท่องเที่ยวเป็นหลัก

เศรษฐกิจดิจิทัลไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าในปี 2567 มูลค่ารวมของสินค้าดิจิทัลหรือ GMV จะเพิ่มขึ้นถึง 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.61 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566...

Responsive image

AMD ประกาศลดพนักงาน ราว 1,000 คนทั่วโลก หวังเร่งเครื่องสู่ตลาดชิป AI

AMD ผู้ผลิตชิปรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ประกาศแผนปรับโครงสร้างองค์กรครั้งสำคัญ โดยจะปลดพนักงานประมาณ 1,000 คน หรือคิดเป็น 4% ของพนักงานทั้งหมด 26,000 คนตามข้อมูลที่บริษัทยื่นต่อสำนักง...