WHA Group ไตรมาสแรก ปี 2564 กำไรโต 35.7% แย้มมีแผนสร้าง 5G Tower ร่วมกับค่ายโทรคมนาคม บริเวณนิคมอุตสาหกรรม | Techsauce

WHA Group ไตรมาสแรก ปี 2564 กำไรโต 35.7% แย้มมีแผนสร้าง 5G Tower ร่วมกับค่ายโทรคมนาคม บริเวณนิคมอุตสาหกรรม

บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA Group ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร และกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,405.7  ล้านบาท และ 134.7 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 1,454.3 ล้านบาท กำไรปกติ 183.8 ล้านบาท ด้าน Group CEO “จรีพร จารุกรสกุล” ย้ำความมั่นใจ 4 ธุรกิจเติบโตท่ามกลางโควิด-19 ระลอกใหม่ ธุรกิจโลจิสติกส์สดใส ผู้เช่าล้นทะลัก นิคมฯ ในประเทศยอดขายดีเกินคาด ส่วนเวียดนามเร่งขยายเขตอุตสาหกรรมที่เหงะอานอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจสาธารณูปโภคฟื้นตัวโดดเด่น ลูกค้าใช้บริการน้ำ-ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แย้มครึ่งหลังสดใส ลูกค้าจ่อเซ็นสัญญา ทั้งเช่าคลังสินค้า – ขายที่ดิน ตั้งเป้าขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ไตรมาส 4

WHA Group

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชนหรือ WHA Group รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร และกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,405.7  ล้านบาท และ 134.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.0% และ 35.7% ตามลำดับ โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ และกำไรสุทธิปกติทั้งสิ้น 1,454.3 บาท และ 183.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% และลดลง 12.8% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2563 สะท้อนผลการดำเนินงานที่ยังคงเติบโตของบริษัทฯ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ พร้อมกันนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลรวมสำหรับผลประกอบการปี 2563 ที่ 0.1002 บาทต่อหุ้น โดยเป็นเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นไปแล้วจำนวน 0.0367 บาทต่อหุ้น และเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มเติมอีก 0.0635 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นี้

คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชนเปิดเผยว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ มีการเติบโตที่โดดเด่นเนื่องจากได้รับอานิสงค์เชิงบวกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ทั้งนี้ปัจจุบันมีลูกค้าแสดงความสนใจเช่าพื้นที่คลังสินค้า Built-to-Suit และ Warehouse Farm ของบริษัทฯ รวมกันแล้วมากกว่า 200,000 ตารางเมตร สำหรับในไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 277.1 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า โดยความต้องการเช่าที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ สามารถเซ็นสัญญาให้เช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงจำนวน 25,949 ตารางเมตรจากเป้าหมายรวมทั้งปี 50,000 ตารางเมตร รวมถึงทำให้อัตราการเช่าพื้นที่ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นไปแตะอยู่ที่ประมาณ 90% อีกด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายเพิ่มจำนวนพื้นที่โครงการใหม่สำหรับปี 2564 ไว้เท่ากับ 175,000 ตารางเมตร ตลอดจนตั้งเป้าหมายการขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ ในปี 2564 เพิ่มเติมอีกประมาณ 180,000 ตารางเมตร โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2564 นี้

ปัจจุบันบริษัทฯ มีแผนพัฒนาโครงการศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่เพิ่มเติมอีก 5 โครงการบนพื้นที่รวมกว่า 400,000 ตารางเมตร โดยบริษัทฯ มีความพร้อมในการพัฒนา “คลังสินค้าอัจฉริยะ” ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ตลอดจนการนำเสนอ Value-added Services ต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้เช่าสามารถใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การบริหารสินค้าคงเหลือ การจัดการเส้นทาง ฯลฯ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และลดต้นทุนของผู้เช่าในระยะยาว และสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ในอนาคต

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ปัจจุบันลูกค้านิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะนักลงทุนจากประเทศจีนยังแสดงความสนใจซื้อที่ดินของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องและไม่ได้ชะลอการลงทุนแต่อย่างใด ในไตรมาส 1 ปี 2564 นี้ บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวมทั้งสิ้น 213 ไร่ โดยเป็นยอดขายในประเทศไทย 188 ไร่ อย่างไรก็ตาม การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินบางส่วนถูกเลื่อนออกไปจากมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ ส่งผลทำให้บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรอโอน (Backlog) จำนวนมาก โดยบริษัทฯ คาดการณ์ว่า การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการผลิตและการลงทุนจากต่างประเทศจะเริ่มส่งสัญญาณที่ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ตามแผนการผลิตและกระจายวัคซีนของประเทศไทย และประเทศต่างๆ ทั่วโลก บริษัทฯ จึงคงเป้ายอดขายที่ดินในประเทศไทยสำหรับปี 2564 ไว้ที่จำนวน 725 ไร่ โดยในไตรมาส 1 ปี 2564  บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมรวม 154.1 ล้านบาทชะลอตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว  แต่บริษัทฯ ก็มีรายได้ค่าสิทธิการผ่านทางจำนวน 125 ล้านบาทเข้ามาหนุนจึงทำให้รายได้รวมลดลงเพียง 37.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ ได้มีการประสานงานกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อสนับสนุนให้มีการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ มากยิ่งขึ้น

บริษัทฯ ตั้งเป้าพัฒนาและขยายนิคมฯ ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 ได้เปิดดำเนินการและพร้อมต้อนรับนักลงทุนที่สนใจแล้ว โดยในปี 2564 นี้บริษัทฯ มีแผนการขยายพื้นที่ภายในนิคมอุตสาหกรรมอีก 3 แห่งเพิ่มเติม รวมถึงได้เริ่มเปิดให้บริการเช่าพื้นที่ภายใน TusPark WHA ศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมแห่งใหม่ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้จัดตั้ง Unified Operation Center (UOC) ณ อาคาร WHA Tower ขึ้นเพื่อเป็นโซลูชั่นแพลตฟอร์มที่สำคัญ ในการนำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  โดยศูนย์ UOC แห่งนี้จะทำหน้าที่ตรวจสอบ และควบคุมการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรม อาทิ การตรวจวัดคุณภาพอากาศ ปริมาณฝนตก และคุณภาพการบำบัดน้ำเสีย  ภายใต้แนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์ อัจฉริยะ หรือ Smart ECO Industrial Estate 

ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม ในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายที่ดินทั้งสิ้น 25 ไร่ โดยบริษัทฯ ได้รับใบรับรองการแก้ไขการจดทะเบียนการลงทุนของเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 เหงะอาน เฟส 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้วในเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทฯ จึงกำลังเร่งสานต่อการขายและงานก่อสร้างของพื้นที่เฟส 1B ส่วนที่เหลือเพื่อให้เป็นไปตามเป้ายอดขายที่ดินในเวียดนามสำหรับปีนี้จำนวน 308 ไร่ พร้อมกับการวาง master plan เพื่อพัฒนาพื้นที่สำหรับเฟส 2 และเฟส 3 ที่คิดเป็นพื้นที่รวมเพิ่มเติมอีก 4,700 ไร่ รวมถึงการดำเนินการเพื่อขอใบอนุญาตและการอนุมัติโครงการเพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรมอีก 2 แห่งในจังหวัดถั่งหัว (Thanh Hoa) บนพื้นที่รวมกว่า 7,500 ไร่ที่ยังคงเป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มฯ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจสาธารณูปโภคว่า บริษัทฯ รับรู้รายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภค ในไตรมาส 1/2564 เท่ากับ 586.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2563 จากการปรับตัวดีขึ้นของปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำรวมทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการปิโตรเคมี โรงไฟฟ้าและยานยนต์ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัทฯ เนื่องจากในไตรมาส 1 ปี 2564 มาบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง และมาตรการ lockdown จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กอปรกับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากการเริ่มทยอยเปิดดำเนินการของลูกค้าใหม่ตั้งแต่ปลายไตรมาส 4 ปี 2563 เป็นต้นมา

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้พัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันโครงการ Reclamation Plant ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กำลังการผลิต 25,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิตตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา โครงการดังกล่าวนอกจากจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถนำน้ำที่ได้จากกระบวนการบำบัดดังกล่าวไปต่อยอดการผลิตเป็น Demineralized Water และ Premium Clarified Water สำหรับจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าแล้ว ตัวโครงการยังเป็นต้นแบบของการนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งด้านการบริหารจัดการต้นทุนการจัดหาน้ำของบริษัทฯ รวมถึงการลดการพึ่งพิงน้ำดิบจากแหล่งน้ำอื่นอีกด้วย โดยในไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) จำนวน 1 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นอัตราการเติบโต 203% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในส่วนของ ธุรกิจไฟฟ้า บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากการดำเนินงานจากการลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าไม่นับรวมกำไร/ ขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 1 ปี 2564เท่ากับ 165.6 ล้านบาท โดยบริษัทฯ สามารถเซ็นสัญญาโครงการพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาเพิ่มเติมได้อีกกว่า 10 เมกะวัตต์ รวมเป็นการเซ็นสัญญาสะสมจำนวน 61 เมกะวัตต์ และได้เริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับลูกค้าในไตรมาส 1 ปี 2564 รวม 4 เมกะวัตต์ ทำให้ ณ ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการอยู่ที่ 44 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าในปีนี้จะสามารถเซ็นสัญญาเพื่อลงทุนผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้เพิ่มเติมอีกไม่น้อยกว่า 40 เมกะวัตต์ บริษัทฯ คงเป้าจำนวนการเซ็นสัญญาที่ 90 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2564 และเพิ่มเป็น 300 เมกะวัตต์ภายในปี 2566

ทั้งนี้ ส่วนแบ่งกำไรของธุรกิจไฟฟ้าที่ลดลงในไตรมาส 1 ปี 2564 มีสาเหตุมาจากส่วนแบ่งกำไรทางบัญชีของโรงไฟฟ้า Gheco-One ที่บริษัทฯ ร่วมลงทุนลดลงเนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนเป็นระยะเวลา 37 วัน และส่งผลทำให้โรงไฟฟ้าได้รับรายได้ค่าความพร้อมจ่ายจาก EGAT ลดลง อย่างไรก็ตาม ภายหลังการซ่อมบำรุงแล้วเสร็จและกลับมาดำเนินการตามปกติ  โรงไฟฟ้าจะได้รับรายได้ค่าความพร้อมจ่ายเพื่อชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปในช่วงการหยุดซ่อมบำรุงดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Gheco-One ในช่วงที่เหลือของปีฟื้นตัวขึ้น ในขณะที่โรงไฟฟ้าอื่นๆ อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ทั้ง 8 โรง และโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ (CCE) ยังมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และจะไม่มีการดำเนินการซ่อมบำรุงตามแผนของโรงไฟฟ้าอื่นๆ อีกภายในปีนี้

ปัจจุบัน บริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างการขออนุญาตดำเนินการเปิดใช้งานระบบซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (P2P Energy Trading Platform) ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ  ควบคู่ไปกับการเตรียมติดตั้งเพื่อทดสอบระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) บนโรงกรองน้ำของบริษัทฯ ซึ่งนอกจากจะเป็นการตอกย้ำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมงานแล้วยังแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของบริษัทฯ ในการก้าวไปสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจพลังงานสะอาดอย่างครบวงจร ตลอดจนความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ๆ เพื่อนำเสนอให้แก่ลูกค้าของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง 

ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม บริษัทฯ อยู่ระหว่างการจัดทำแผนการลงทุน 5G Tower ร่วมกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำเพื่อติดตั้งและทดสอบการใช้งานจริงของโซลูชัน 5G ภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ควบคู่ไปกับการขยายการให้บริการเชื่อมต่อสื่อสารแบบโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสง (FTTx) ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดให้แล้วเสร็จ ซึ่ง 5G Tower และ FTTx ก็จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของการทำดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นทั้งในส่วนของบริษัทฯ ลูกค้า และผู้ประกอบการ รวมถึงรองรับการก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ของประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย   

สำหรับโครงการ ดับบลิวเอชเอ ทาวเวอร์ (WHA Tower) อาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ปัจจุบันมีผู้สนใจเข้าชมพื้นที่จำนวนมากและเริ่มเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่บางส่วนแล้ว ภายในอาคารประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ โคเวิร์คกิ้งสเปซ ร้านกาแฟ แวดล้อมด้วยภูมิทัศน์สวนและน้ำพุ และพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับกิจกรรมอื่นๆ เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การทำงานที่เปี่ยมประสิทธิภาพ และให้พนักงานบริษัทมีรูปแบบชีวิตการทำงานที่สมดุล ผ่อนคลาย และสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัยแบบครบครัน


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

งานวิจัย Accenture ชี้พนักงาน 60% กลัวตกงานเพราะ GenAI องค์กรควรปรับระบบให้ใช้ AI ได้เต็มประสิทธิภาพ

หากต้องการใช้ศักยภาพจาก AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ องค์กรควรปรับระบบการทำงาน โครงสร้างกำลังคน และเตรียมบุคลากรให้พร้อม ด้วยแนวคิด "Net Better Off" สนับสนุนให้บุคลากรได้เรียนรู้ ทำง...

Responsive image

KTB ตั้ง ‘กรุงไทย เวนเจอร์ส’ ลุยธุรกิจ Venture Capital

KTB แจ้งตลาดหลักทรัพย์เย็นวานนี้ว่า บริษัท กรุงไทยแอดไวซ์เซอรี่ จำกัด (KTA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ธนาคารถือหุ้น 99.99% และเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคาร ได้จดทะเบียนจัดต...

Responsive image

ttb เปิดตัว 7 ผู้บริหารรุ่นใหม่นำทัพ ทรานส์ฟอร์มองค์กรรอบด้าน เร่งยกระดับประสบการณ์ด้านการเงินแบบไร้รอยต่อ

ทีทีบี (ttb) ปรับโครงสร้างองค์กรรอบด้าน ส่งคนรุ่นใหม่ 7 ผู้บริหารระดับสูง นำทัพขับเคลื่อนกลยุทธ์ มุ่งเจาะกลุ่มคนมีรถ คนมีบ้าน มนุษย์เงินเดือน และลูกค้า Wealth...