แม้ความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่รอบด้าน แต่ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA Group) ก็ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากผลประกอบการครึ่งแรกปี 2568 แข็งแกร่งที่สุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 9,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน และกำไรปกติสูงสุด 3,148 ล้านบาท เติบโตขึ้น 24% กลายเป็นสถิติ All-Time High ที่เกิดต่อเนื่องกันมาแล้ว 3 ปี


คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA Group มั่นใจว่า สิ้นปีนี้ WHA Group จะสร้างสถิติสูงสุดต่อเนื่องปีที่ 4 ได้สำเร็จ ด้วยแรงหนุนด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ในครึ่งปีแรกขยายตัวกว่า 132% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“แม้ครึ่งปีแรกเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เราสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาส สร้างคุณค่าให้แก่นักลงทุน ลูกค้า และเศรษฐกิจไทย ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการธุรกิจ และการนำนวัตกรรมมาพัฒนาโซลูชันครบวงจร เพื่อตอบโจทย์และดึงดูดอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
"ในช่วงครึ่งปีแรก 2568 ประเทศไทยมีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนกว่า 1.05 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 139% จากปีก่อน โดย FDI ขยายตัว 132% เป็นมูลค่า 7.38 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ที่เน้นลงทุนใน Data Center และเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง สะท้อนบทบาทไทยในฐานะ Digital Hub ของอาเซียน"
นอกจากนี้ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังคงเป็นศูนย์กลางของการลงทุน ซึ่งคิดเป็น 61% ของการขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับฐานธุรกิจหลักของ WHA Group ที่ครอบคลุมโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน ดิจิทัล และโมบิลิตี้ โดยเฉพาะการเป็นผู้นำด้านนิคมอุตสาหกรรมที่ครึ่งปีแรกสามารถทำยอดขายที่ดินได้ 1,105 ไร่ และโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 1,143 ไร่ พร้อม Backlog รอโอน 1,467 ไร่ มูลค่า 7,695 ล้านบาท และ มี หนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) / บันทึกแสดงความเข้าใจ (MOU) อีก 1,427 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท จากลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และ Data Center

ธุรกิจโลจิสติกส์ ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ครึ่งปีแรกมีสัญญาพื้นที่ให้เช่าใหม่และสัญญาเช่าใหม่รวมกว่า 123,000 ตารางเมตร มูลค่า 2,153 ล้านบาท โดยมูลค่าต่อตารางเมตรสูงกว่าปีก่อน สะท้อนความต้องการพื้นที่คุณภาพ ล่าสุดเปิดโครงการ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โปรเจกต์ 2 พื้นที่รวม 300,000 ตารางเมตร โดยมี บริษัท ดับบลิวเอชเอ จีซี โลจิสติกส์ จำกัด (WGCL) เป็นลูกค้ารายแรกเช่าพื้นที่ 22,000 ตารางเมตร พร้อมขยายการลงทุนในเวียดนาม โดยโครงการในจังหวัดฮึงเอียน (Hung Yen) แล้วเสร็จตามแผน และอยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาแห่งใหม่ที่จังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) ส่งผลให้ปีนี้บริษัทจะมีพื้นที่ภายใต้การบริหารรวมกว่า 3,213,000 ตารางเมตร โดยมีเป้าปล่อยเช่าใหม่ 200,000 ตารางเมตร และแผนขายทรัพย์สินให้กองทรัสต์ WHART ประมาณ 70,000 ตารางเมตร มูลค่า 1,500 ล้านบาท

ธุรกิจโมบิลิตี้ ภายใต้แบรนด์ Mobilix ยังคงเดินหน้าสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Built-to-Suit ครบวงจรทั้งบริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Solutions) โดยมุ่งเน้นตอบโจทย์ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial EV) ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้มีการปรับลดเป้าหมายการปล่อยเช่ารถในปีนี้เหลือ 539 คัน จากปัญหาซัพพลายเชน แต่แนวโน้มยังแข็งแกร่ง จากความต้องการของภาคขนส่งที่มุ่งลดคาร์บอน (Decarbonize Transportation) ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญต่อการเติบโตระยะยาว

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม เป็นหัวใจสำคัญในการรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ปัจจุบันมีนิคมรวม 16 แห่งในไทยและเวียดนาม โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าดิจิทัลเทคโนโลยี เช่น Data Center ขยายตัวโดดเด่นคิดเป็น 16% ของฐานลูกค้าทั้งหมด ขณะเดียวกัน บริษัทฯ กำลังพัฒนาโครงการใหม่ 6 โครงการ รวมกว่า 10,190 ไร่ ไฮไลต์ คือ โครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 5 (WHA ESIE 5) พื้นที่กว่า 6,370 ไร่ ภายใต้แนวคิด Smart Eco Industrial Estate ที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฟสแรกพร้อมส่งมอบในไตรมาส 3 ปีนี้ และคาดโอนแปลงแรกได้ในไตรมาส 1 ปี 2569 ส่วนในเวียดนาม ปัจจุบันมี 1 โครงการที่เหงะอาน (Nghe An) และอยู่ระหว่างพัฒนาเพิ่มอีก 3 โครงการ รวม 3,391 ไร่ ภายในปี 2568-2569 พร้อมได้มีการลงนาม MOU กับจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) ดานัง (Da Nang) และฮึงเอียน (Hung Yen) เพื่อรองรับการขยายในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินปี 2568 รวม 2,350 ไร่ โดยมีราคาขายเฉลี่ย ต่อไร่เพิ่มขึ้นกว่า 10%
ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) เติบโตต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Water) ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 29% และรายได้ใหม่จากค่าบริการพิเศษ (Excessive Charge) สำหรับลูกค้าที่ใช้น้ำปริมาณมาก เช่น Data Center แม้ว่ายอดขายน้ำอุตสาหกรรมและน้ำดิบรวมจะลดลงเล็กน้อย แต่เวียดนามยังคงเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะโครงการ Doung River ส่งผลให้บริษัทมีปริมาณการขายน้ำรวม 18.6 ล้านลูกบาศก์เมตร และตั้งเป้าปี 2568 ไว้ที่ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร

ธุรกิจไฟฟ้า เดินหน้าพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยครึ่งปีแรกมีกำลังการผลิตตามสัญญา (PPA) รวม 991 เมกะวัตต์ ในจำนวนนี้เป็นพลังงานหมุนเวียน 463 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการโซลาร์ที่ COD แล้ว 156 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างพัฒนาอีก 285 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าสิ้นปีเพิ่มเป็น 1,185 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์ม RENEX ซื้อขายพลังงานสะอาดแบบ Peer-to-Peer และบริการใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC) เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนของลูกค้า อีกทั้งพร้อมเตรียมรองรับความต้องการพลังงานสะอาดในปริมาณมากของ Data Center

ธุรกิจดิจิทัล เพิ่มบทบาทสำคัญในการเสริมศักยภาพกลุ่มธุรกิจ ผ่านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น AI และ IoT โดยมีโครงการ AI Transformation กว่า 12 โครงการ เช่น Drone Inspection Solution และ IoX Platform for Solar พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์ม Mobilix Software Solution และแอปพลิเคชัน WHASApp ซึ่งมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 1,500 ราย และล่าสุดได้เพิ่มฟีเจอร์ CO2 ZERO สำหรับรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตามมาตรฐาน


WHA Group ตั้งเป้ารายได้รวม 20,000 ล้านบาท ในปีนี้ ขณะเดียวกันยังเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ผ่าน 5 ภารกิจหลักด้าน ESG ภายใต้แนวคิด 'กรีนที่กินได้' ที่เชื่อว่าความยั่งยืนไม่ใช่ต้นทุน แต่คือการลงทุนเพื่ออนาคต ได้แก่
“ความสำเร็จของ WHA Group คือบทพิสูจน์วิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศธุรกิจที่ยั่งยืน เราพร้อมนำเทรนด์ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และร่วมเสริมขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก ภายใต้พันธกิจ WHA: WE SHAPE THE FUTURE” คุณจรีพรสรุปและกล่าวปิดท้ายว่า

"ในขณะที่หลายคนอาจหมดหวัง แต่เรา 'WHA' ยังมีหวัง และเราขอเป็น 'ส่วนหนึ่ง' ที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทย สู่อนาคตที่ดีกว่า แข็งแกร่งกว่าและยั่งยืนกว่าเดิม"
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด