วิจัยคาดผู้หญิง 79% อาจตกงานในยุค AI เพราะส่วนใหญ่ทำงานออฟฟิศ | Techsauce

วิจัยคาดผู้หญิง 79% อาจตกงานในยุค AI เพราะส่วนใหญ่ทำงานออฟฟิศ

วิจัยชี้ ยุค AI ผู้หญิงเสี่ยงตกงานมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากงานออฟฟิศหรืองานที่ไม่ต้องใช้แรงงาน (White collar) จะถูกแทนที่โดย AI ได้ง่ายกว่างานที่ใช้แรงงาน (Blue collar)

ปัจจุบันผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดแรงงานมากขึ้นกว่าในอดีต อัตราการมีส่วนร่วมของกำลังแรงงาน (Labor force participation rate) สำหรับผู้หญิงวัย 25 ถึง 54 ปี ได้ทําสถิติมากสูงสุดในเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นหลังจากวิกฤติการณ์ ‘She-cession’ ซึ่งเป็นวิกฤติการณ์ที่กลุ่มแรงงานผู้หญิงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจช่วงโรคโควิด-19 แพร่ระบาด

นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันการเงิน Goldman Sachs คาดการณ์ว่า เทคโนโลยี Generative AI จะเข้ามาพลิกโฉมตลาดแรงงาน ด้วยความสามารถของมันที่เรารู้กันดีว่า สามารถสร้างข้อความ ภาพ เสียง วิดิโอจาก training data ที่ประกอบไปด้วยตัวอย่างข้อมูลของผลลัพธ์ที่ต้องการ

อย่างไรก็ตาม วิจัยจาก UNC Kenan-Flagler Business School เผยว่า ประมาณร้อยละ 79 ของผู้หญิงวัยทํางาน (เกือบ 59 ล้านคน) กำลังทำอาชีพที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วย AI เมื่อเทียบกับร้อยละ 58 ของผู้ชายวัยทํางาน 

ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ถึงแม้ในตลาดแรงงานสหรัฐฯจะมีเพศชายมากกว่าเพศหญิง แต่กลับเป็นเพศหญิงที่อาจได้รับผลกระทบมากกว่าจากการนำ Generative AI มาใช้ 

Mark McNeilly ศาสตราจารย์ด้านกลยุทธ์การตลาดจากโรงเรียน Kenan-Flagler และผู้เขียนการวิจัย AI ระบุว่า ผู้หญิงที่ทำงานในออฟฟิศและไม่ต้องใช้แรงงานมีจำนวนมาก ในขณะที่ผู้ชายทำงานออฟฟิศและทำงานใช้แรงงานคิดเป็นครึ่งต่อครึ่ง

อาชีพที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่โดย AI ซึ่งมีพนักงานส่วนมากเป็นผู้หญิง คือพนักงานออฟฟิศและเจ้าหน้าที่ธุรการ เช่น ผู้ปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพและผู้ปฏิบัติงานด้านเทคนิค ครู อาจารย์ ผู้ทำสายงานด้านการแพทย์ งานบริการชุมชน และสังคม

สถานการณ์ของผู้หญิงในตลาดแรงงานก่อนโควิด 

สํานักสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) ชี้ว่า อัตราการมีส่วนร่วมของกําลังแรงงานสตรีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มากกว่าอัตราการมีส่วนร่วมของแรงงานชาย 

ที่เห็นได้ชัดคือ อุตสาหกรรมส่วนมากเต็มไปด้วยผู้หญิง เช่น สายงานด้านการแพทย์ อีกทั้งความสําเร็จทางการศึกษาของผู้หญิงก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ผู้หญิงได้เริ่มเข้าไปทำงานในสาขาอาชีพที่ดั้งเดิมเคยเป็นของผู้ชายทำ เช่น งานก่อสร้าง งานเกษตร งานซ่อมแซม

ทว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออาชีพภาคการบริการ สันทนาการ การศึกษา และสุขภาพ ซึ่งล้วนเป็นพนักงานผู้หญิงทั้งสิ้น 

นอกจากนี้ เนื่องจากความรับผิดชอบในการดูแลลูกมักตกเป็นหน้าที่ของผู้หญิง และยิ่งเมื่อลูกต้องเรียนออนไลน์ที่บ้านในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด จึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงในการกลับไปทำงาน

ปัจจัยขับเคลื่อนผู้หญิงสู่ตลาดแรงงาน

Dana Peterson ประธานทีมเศรษฐกิจของ Conference Board กล่าวว่า ตัวขับเคลื่อนหลักสามประการที่ขับเคลื่อนผู้หญิงเข้าสู่ตลาดแรงงานคือ การเข้าถึงสวัสดิการการดูแลเด็ก การได้รับค่าจ้างในลักษณะการตลาด (Market wage) และความยืดหยุ่น 

เมื่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มฟื้นตัว ตัวขับเคลื่อนเหล่านี้ก็ผลักดันให้ผู้หญิงเข้าสู่ตลาดแรงงานอีกครั้ง

งานส่วนมากเริ่มมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น การทำงานระยะไกลกลายเป็นเรื่องปกติ และชั่วโมงงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ผู้หญิงมีเวลาไปรับส่งลูก อีกทั้งบางบริษัทมีสวัสดิการดูแลเด็กในที่ทำงาน 

อาชีพที่เน้นผู้หญิงในการทำงาน เช่น การดูแลสุขภาพ การบริการ และการโรงแรมยังคงเป็นงานที่มั่นคงที่สุดในช่วงสองปีที่ผ่านมา

ข้อมูลจาก BLS ระบุว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา อัตราการมีส่วนร่วมของกําลังแรงงานสตรีช่วงอายุ 25 ถึง 54 ปี ทําสถิติใหม่ได้สูงถึง 77.6% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 77.5% 

ทำไมผู้หญิงมีโอกาสตกงานมากกว่าในยุค AI

บริษัท Revelio Labs ซึ่งเชี่ยวชาญในการรวบรวมและวิเคราะห์สถิติข้อมูลของแรงงานได้เผยว่า ตำแหน่งงานที่เสี่ยงกับการถูกแทนที่โดย AI มากที่สุด ได้แก่ พนักงานเรียกเก็บบัญชีที่ค้างชำระ 82.9% เสมียนบัญชีเงินเดือน 79.7% เลขานุการผู้บริหาร 74.3% พนักงานพิมพ์ดีด 65.4% และพนักงานตรวจสอบ ลงบัญชี 65% ซึ่งอาชีพเหล่านี้มีพนักงานเป็นเพศหญิงกว่า 71%

อย่างไรก็ตาม Dana Peterson กล่าวว่า “เมื่อเวลาผ่านไป AI จะมาแทนที่ในบางงาน…..ใช่ มันอาจทําลายงานในระยะสั้น แต่มันก็ทำให้เกิดงานใหม่ ๆ และโอกาสที่หลากหลายได้ มันช่วยให้ผู้คนทำงานปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

อ้างอิง: edition.cnn 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เตรียมพบกับ “Taiwan Healthcare Pavilion” โซนจัดแสดงนวัตกรรมทางการแพทย์จาก 26 องค์กรชั้นนำ ในงาน TAIWAN EXPO 2024

กลับมาอีกครั้งกับการจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่ล้ำสมัยจากไต้หวันในงาน TAIWAN EXPO 2024 ระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 5 บูธ...

Responsive image

'บ้านปู' ประกาศกลยุทธ์ใหม่ Energy Symphonics เตรียมมุ่งสู่ปี 2030 เปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืน พร้อมเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย ประกาศกลยุทธ์ใหม่ 'Energy Symphonics' หรือ “เอเนอร์จี ซิมโฟนิกส์” เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ปี 2030 เน้นการเปลี่ยนผ่านพลังงานอ...

Responsive image

Google เผยเศรษฐกิจดิจิทัลไทย โตอันดับ 2 ใน SEA มูลค่า 1.61 ล้านล้านบาท ขับเคลื่อนด้วยอีคอมเมิร์ซและการท่องเที่ยวเป็นหลัก

เศรษฐกิจดิจิทัลไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าในปี 2567 มูลค่ารวมของสินค้าดิจิทัลหรือ GMV จะเพิ่มขึ้นถึง 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.61 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566...