เมื่อองค์กรต่าง ๆ คิดว่าเรามีการจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ได้แล้วโดยแผนการเปิดเศรษฐกิจใหม่ แต่แล้วสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ก็ส่งผลกระทบระบาดไปทั่วโลกอีกครั้ง
ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่องและยาวนาน เพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น การล็อกดาวน์และการจำกัดการเดินทางเป็นเวลานานได้สร้างความท้าทายในการดำเนินงานและการขนส่งครั้งใหญ่สำหรับองค์กรที่มองข้ามสถานการณ์ระลอกแรก ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบระยะยาวจากการระบาด และในขณะเดียวกันก็เกิดการนำโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและนโยบายดิจิทัลใหม่มาใช้อย่างทันท่วงทีเพื่อจัดการการทำงานแบบเสมือน (Virtual) ในระยะยาว แรงกดดันในการเปลี่ยนจากการทำงานในสำนักงานเป็นการทำงานทางไกลจากทางบ้าน (Work from home) รวมไปถึงการปรับใช้เครื่องมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานดิจิทัลแบบองค์รวม การเปลี่ยนแปลงจากการใช้ดินสอและกระดาษ และต้องยอมรับว่า โควิด-19 ส่งผลให้การใช้กระดานวาดภาพและกระดาษพิมพ์เขียว การประชุมแบบตัวต่อตัวและการพบปะสังสรรค์ได้เปลี่ยนแปลงไป จากการทำงานจากโลกจริงไปสู่โลกเสมือนและโลกแห่งเครื่องมือดิจิทัล
โควิด-19 แสดงให้เห็นว่าการทำงานทางไกลไม่ได้สร้างอุปสรรคต่อประสิทธิภาพการทำงาน แรงขับเคลื่อนระดับโลกและการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้หลายองค์กรตระหนักว่าสถานที่ทำงานของพนักงานมีความสำคัญน้อยกว่าวิธีการทำงานอย่างยิ่ง สำหรับหลาย ๆ องค์กร พบว่า ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนมาทำงานทางไกลจากบ้านออกมาดีกว่าที่คาดไว้ และประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นเมื่อทำงานทางไกลแม้ว่าจะก่อให้เกิดความท้าทายใหม่ ๆ ก็ตาม
ผลสำรวจล่าสุดจากผู้บริหารของ Fortune/Deloitte ในเดือนตุลาคมปี 2020 ระบุว่า การทำงานทางไกลจะยังคงอยู่เนื่องจากพนักงานมากกว่าหนึ่งในสามจะยังคงทำงานจากที่บ้านต่อไปแม้ระยะเวลาจะผ่านไปหนึ่งปีนับจากนี้ ผลลัพธ์ดังกล่าวกระตุ้นให้ผู้นำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องคิดใหม่ว่าพนักงานของตนจะทำงานในสถานที่ใดในระยะยาว และผลดังกล่าวจะเปลี่ยนความต้องการพื้นที่สำนักงานอย่างไรบ้าง ผลสำรวจรายงานว่าผู้บริหารกว่า 76% มองว่าองค์กรของพวกเขาต้องการพื้นที่น้อยลงในการก้าวไปข้างหน้า ซึ่งจะผลักดันให้สามารถประหยัดต้นทุนมากขึ้น ทั้งต้นทุนการดำเนินงานและรายจ่ายฝ่ายทุน โดยค่าใช้จ่ายด้านอสังหาริมทรัพย์และสิ่งอำนวยความสะดวกมักเป็นหนึ่งในสามค่าใช้จ่ายหลักขององค์กร ตามการคำนวณคร่าว ๆ ชี้ให้เห็นถึงสัดส่วนของค่าใช้จ่ายดังกล่าวคิดเป็น 2%-5% ของรายได้ขององค์กร การทำงานแบบดิจิทัลสามารถให้ผลประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน โดยการที่พนักงานกระจายตัวทำงานจากสถานที่ต่าง ๆ มากขึ้นย่อมหมายถึงการปล่อยมลพิษที่ลดน้อยลงเนื่องจากการเดินทางที่ลดลง และปริมาณการใช้อสังหาริมทรัพย์ที่น้อยลง การก่อสร้างที่ลดลง และการปล่อยมลพิษในการทำงานที่ต่างก็ต่ำลง ดังนั้นเราจึงควรพิจารณาหาแนวทางใหม่ ๆ ในการทำงานที่ดีกว่า รวมไปถึงแนวทางใหม่ ๆ ในการจัดระเบียบองค์กร การเปลี่ยนไปสู่องค์กรการเงินดิจิทัลนับเป็นจุดที่ดีในการเริ่มต้นและการนำมาพิจารณา โดยความท้าทายส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการดำเนินการทางการเงินที่เป็นไปแบบกึ่งดิจิทัล (Digital-manual hybrid)
แทนที่จะอยู่จนดึกเพื่อทำงานที่ยุ่งยาก การเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ระบบการเงินดิจิทัลจะช่วยให้องค์กรของคุณมีประสิทธิภาพและทำให้ทีมการเงินทำงานได้อย่างราบรื่นแม้ในระยะวิกฤต ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานจากการทำงานแบบ Manual ดั้งเดิมและสถานที่ทำงานที่ใช้แรงงานเข้มข้นในการดำเนินงานทางการเงินให้เป็นไปในรูปแบบดิจิทัล สิ่งนี้สามารถกลายเป็นความได้เปรียบเชิงกลยุทธเนื่องจากการจัดการกระแสเงินสดและการมีทัศนวิสัย (Visibility) ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน
เมื่อคำนึงถึงเรื่องนี้แล้ว องค์กรต่าง ๆ จึงต้องการเร่งการนำระบบอัตโนมัติมาใช้แทนคนในการทำงาน (Automation) ในองค์กรการเงินดิจิทัล และนี่คือกุญแจสำคัญห้าประการในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ผู้บริหารด้านการเงินควรนำมาพิจารณา
โดยสรุปแล้ว ทีมการเงินต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการพิจารณากุญแจสำคัญห้าประการในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานทางการเงิน ในขณะที่ผู้บริหารด้านการเงินต้องเผชิญความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้นในการจัดการทีมการเงินช่วงเกิดการล็อคดาวน์และการบังคับใช้นโยบายทำงานจากที่บ้านที่ในหลายประเทศที่เกิดจากสถานการณ์โรคระบาด และอีกแง่มุมที่สำคัญที่ควรพิจารณาคือการที่ผู้บริหารด้านการเงินและผู้มีอำนาจควบคุมควรช่วยสนับสนุนให้เกิดความยืดหยุ่น (Flexibility) ในการทำงานได้จากทุกสถานที่ สามารถทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์และลดขั้นตอนยุ่งยากและงานที่ต้องทำด้วยตนเอง (Manual) เมื่อเกิดการทำงานผ่านโลกดิจิทัล แนวคิดเรื่องสถานที่ทำงานก็ต้องปรับเปลี่ยนตาม มิเช่นนั้นเราอาจพลาดโอกาสที่จะช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จได้มากเท่าที่ควร และธรรมชาติของการทำงานที่เกิดขึ้นในนั้นก็นับเป็นสิ่งที่ช่วยให้องค์กรได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากข้อได้เปรียบของการทำงานลักษณะดังกล่าว
Deloitte Thailand ได้จัดสัมมนา “Digital Finance webinar “Seeing is Believing” ในวันที่ 22 กันยายน 2564 สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด