สรุปเวทีผู้นำ ABIS 2019 เผยเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียนเติบโต คาดภายในปี 2025 โตก้าวกระโดด 3 เท่า

สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ร่วมเป็นเจ้าภาพในจัดการประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจ ASEAN Business and Investment Summit 2019  หรือ ABIS 2019 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2019 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี  โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งผู้นำประเทศ ผู้นำธุรกิจจากประเทศในอาเซียน ผู้แทนจากองค์กรระหว่างประเทศ และสื่อมวลชนให้ความสนใจเข้าร่วมงานรวมกว่า 1,200 คน โดยเวทีดังกล่าวถือเป็นเวทีคู่ขนานสำคัญของการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2019 ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจ ABIS2019 ได้รับเกียรติจาก  คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดงาน

คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าต้องชื่นชมต่อภาคเอกชนที่ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาประชาคมอาเซียนไปสู่ยุค 4.0 หรือยุคดิจิทัล เนื่องจากปัจจุบัน คงไม่สามารถปฏิเสธได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างรวดเร็ว ที่ส่งผลให้การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสามารถทำได้ในทุกที่และทุกเวลา การติดต่อสื่อสารทำได้อย่างไร้ขีดจำกัด ตลอดจนทำให้เกิดการเข้ามาทดแทนแรงงานมนุษย์โดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์

“การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ผมได้กล่าวถึงข้างต้นยังส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้า การบริการ การบริโภคและการผลิต ซึ่งก่อให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ แต่ในทางกลับกัน เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ก็ส่งผลให้ธุรกิจแบบดั้งเดิมที่ปรับตัวไม่ทันต้องทยอยปิดตัวลง หากมองย้อนมาในภูมิภาคอาเซียน เศรษฐกิจดิจิทัล มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2018 มีมูลค่าสูงถึง 7.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2017 ที่มีมูลค่าราว 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และในอีก 6 ปีข้างหน้า หรือในปี 2025 เศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัว” คุณจุรินทร์กล่าว

รองนายกรัฐมนตรี ยังชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าของความร่วมมือที่เกิดจาก ความตระหนักถึงบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นของเทคโนโลยีดิจิทัลของอาเซียนที่จะนำมาซึ่งโอกาสทางเศรษฐกิจต่อประเทศสมาชิก จึงได้มีการดำเนินงานเพื่อมุ่งไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน อาทิ 

1) การจัดทำความตกลงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน 

2) การจัดทำกรอบบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน ซึ่งเป็นแผนดำเนินงานเชิงบูรณาการทางดิจิทัลในภูมิภาค โดยเน้นการอำนวยความสะดวกทางการค้า การคุ้มครองข้อมูล การพัฒนาระบบชำระเงิน การพัฒนาทักษะของบุคลากร และการปรับปรุงกระบวนการพัฒนาธุรกิจ 

3) การจัดทำแนวทางการพัฒนาแรงงานมีทักษะและผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (4IR) ซึ่งภาคเอกชนได้มีบทบาทนำในการผลักดันการจัดทำแนวทางดังกล่าว

คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมอาเซียนสู่เศรษฐกิจดิจิทัลว่า สิ่งที่ขาดหายไปเวลาพูดถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรืออาเซียน 4.0 นอกจาก คือภาพในปลายทางว่าเศรษฐกิจดิจิทัลและเทคโนโลยีจะนำพาเราไปสู่สิ่งดี ๆ อะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น เรื่องของการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทุกคนจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตนเองได้ ผ่านการศึกษา การเงิน หรือ ระบบสาธารณสุขที่ดีขึ้นและในที่สุดจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้ในระยะยาว เรื่องของธุรกิจขนาดเล็กที่เป็นแหล่งจ้างงานสำคัญของประเทศจะสามารถใช้เทคโนโลยีเชื่อมโยงธุรกิจเข้ากับตลาดได้อย่างไร เรื่องของเกษตรกรที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น หากสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับตลาดและสภาพอากาศ เรื่องของพลังงานสะอาดที่จะทำให้สภาพสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของผู้คนดีขึ้น

“หากหันกลับมาดูอาเซียนจะพบว่าในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานอย่างการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตหรือมือถือถือว่าอยู่ในระดับสูง แต่ในแง่ของการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ยังตามไม่ค่อยทัน นั้นแปลว่าแม้ว่าเราจะใช้งานดิจิทัลมาก แต่โดยพื้นฐานเราไม่ได้สร้างงานหรือเตรียมแรงงานของเราที่จะรองรับงานที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ แล้วมันก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าที่เทคโนโลยีดิจิทัลเหล่านี้จะทำลายงานจำนวนมากไปด้วยในอีกด้านหนึ่ง ดังนั้น สิ่งสำคัญคือเราต้องเตรียมพร้อมคนรุ่นใหม่เหล่านี้ ซึ่งมากกว่าครึ่งของอาเซียนยังอายุน้อยกว่า 30 ปี ให้พร้อมทำงานในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านั้น” คุณสุรเกียรติ์กล่าว

คุณอรินทร์ จิรา ประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN Business Advisory Council: ASEAN-BAC) กล่าวว่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจ ABIS2019 ที่จัดขึ้นตลอด 2 วันที่ผ่านมาภายใต้แนวคิด Empowering ASEAN 4.0 สอดคล้องกับแนวคิดหลักของสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN-BAC) ที่ต้องการสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการดำเนินการของประชาคมอาเซียนในปี 2562  โดยการประชุมมีการนำเสนอประเด็นสำคัญครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่  

1. Digital Infrastructure การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี 

2. Digital Connectivity  การสร้างความเชื่อมโยงทางด้านดิจิทัล เพื่อรองรับการค้า การลงทุนในอาเซียน 

3. Human Empowerment and Development การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดความสามารถใหม่และลดปัญหาการว่างงานในอาเซียน 

4. MSME ผลักดันให้ผู้ประกอบการ MSME เข้าถึงนวัตกรรมและเงินทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน 

ทั้งนี้บรรดาผู้นำประเทศและผู้นำธุรกิจในอาเซียน ยังได้เสนอแนวทางต่างๆ โดยเน้นย้ำเรื่องความเป็นปึกแผ่นของอาเซียนในการเจรจาระหว่างประเทศ การสร้างความร่วมมือผ่านระบบ NSW (National Single Window) ในอาเซียนให้เป็นหนึ่งเดียว  การเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจภายในอาเซียน เพื่อสร้างความเข้มแข็งของอาเซียนรับมือกับสงครามทางการค้า นอกจากนี้อาเซียนควรการพัฒนากฎระเบียบใหม่ๆเพื่อดึงดูดนักลงทุน ตลอดจนการพัฒนาทักษะใหม่แก่แรงงาน โดยเฉพาะทักษะที่เกื้อหนุนกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ และ สนับสนุนให้เกิดการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ที่จะสามารถสร้างประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจและเป็นรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจอาเซียนในอนาคต

“ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะครบรอบ 5 ปีในปีหน้ายังเป็นชุมชนที่อายุน้อยมากซึ่งต้องการการดูแลและการเอาใจใส่ เช่นเดียวกับเด็กเล็ก ๆ นั้นควรจะได้รับความสนใจ ความอดทน ความเข้าใจและความรัก แน่นอนว่าเงินและทรัพยากรจํานวนมากจะต้องได้รับ แต่น่าเศร้าที่สนามเด็กเล่นรอบข้างตอนนี้ไม่ได้เป็นมิตร ความปลอดภัย และเอื้อให้เศรษฐกิจเติบโต จากสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ สงครามการค้า การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการรวมตัวและยกระดับเศรษฐกิจ การที่อาเซียนจะรวมตัวและแข็งแกร่งมีได้เพียงต้องยึดมั่นรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างแน่นแฟ้นเท่านั้น รวมทั้งเป็นเสียงและพลังเพื่อสิ่งที่ดีและความสงบสุขของเศรษฐกิจโลก” คุณอรินทร์ กล่าว



ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

TECNO เปิดตัว POVA Slim 5G สมาร์ตโฟน 3D Curved บางที่สุดในโลก ดีไซน์ล้ำอนาคต แบตอึด 5,160 mAh

TECNO แบรนด์เทคโนโลยีนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศเปิดตัวนวัตกรรมล่าสุดในซีรีส์ POVA อย่างเป็นทางการ ได้แก่ TECNO POVA Slim 5G สมาร์ตโฟน 5G 3D Curved ที่บางที่สุดในโลก...

Responsive image

วีซ่า เผย 5 ประเด็นสำคัญ ด้านความปลอดภัยและการสร้างความมั่นใจในระบบชำระเงินดิจิทัลไทย จาก Visa Forum 2025

วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ประกาศเดินหน้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัยธุรกรรมการเงินไทย ผ่านงานฟอรัมใหญ่แห่งปีในธีม “Navigating Tomorrow: Enabling Trust, Driving...

Responsive image

depa ปิดฉากความสำเร็จ ODOS Summer Camp รุ่นที่ 1 สร้างปรากฏการณ์ปั้นดิจิทัลทาเลนต์รุ่นใหม่

depa ปิดฉากความสำเร็จ ODOS Summer Camp รุ่นที่ 1 สร้างปรากฏการณ์ปั้นดิจิทัลทาเลนต์รุ่นใหม่ พัฒนาและยกระดับศักยภาพเยาวชนไทยผ่านหลักสูตรการเรียนรู้ด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีระดับนานาชาต...