aCommerce มุ่งขยายธุรกิจในอาเซียน หลังรายได้ Q1 โต 39.8% พร้อมประเมินสถานการณ์ก่อนเดินหน้า IPO | Techsauce

aCommerce มุ่งขยายธุรกิจในอาเซียน หลังรายได้ Q1 โต 39.8% พร้อมประเมินสถานการณ์ก่อนเดินหน้า IPO

‘ACOM’ มุ่งขยายธุรกิจให้บริการสนับสนุนอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจรในอาเซียนตามแผน หลังรายได้ไตรมาส 1 เติบโตถึงร้อยละ 39.8 ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ พร้อมประเมินสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ ก่อนเดินหน้า IPO  

บมจ.เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป (บริษัทฯ) หรือ ACOM ประเมินแนวโน้มธุรกิจให้บริการสนับสนุนอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce Enabler) อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ แต่บริษัทฯ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้ ถึงร้อยละ39.8 

และมีฐานลูกค้าแบรนด์ที่ใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 57 ราย เป็น 171 ราย จากไตรมาส 1 ปี 2564 พร้อมวางแผนขยายธุรกิจเพื่อรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่องและความเป็นผู้นำตลาดในระดับภูมิภาค  รวมถึงติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินช่วงเวลา IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เหมาะสม เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ และผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน 

คุณวีระพงษ์ (พอล) ศรีวรกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACOM เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกในปัจจุบัน ได้รับผลกระทบจากความผันผวนในเชิงมหภาค เช่น ราคาพลังงาน ภาวะอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มองว่าภาพรวมธุรกิจให้บริการสนับสนุนอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce Enabler) อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

เนื่องจากผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมมาเลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์เพิ่มขึ้น หลังเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 มากว่า 2 ปี ส่งผลให้แบรนด์ต่างๆหันมาทำการตลาดออนไลน์แบบหลากหลายช่องทาง บริษัทฯ ได้วางแผนขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่องเพื่อคงความเป็นผู้นำการให้บริการสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ 

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน โดยชูจุดแข็งที่มีบริการครบวงจรแบบ End-to-End ตั้งแต่ต้นจนจบและมีแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อขยายตลาดและเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจร ตลอดจนรักษาความเป็นผู้นำธุรกิจในระดับภูมิภาค ได้แก่ 

1) มุ่งพัฒนาความสัมพันธ์ในฐานะพันธมิตรกับผู้ใช้บริการ อีคอมเมิร์ซครบวงจรระดับโลกของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มจำนวนแบรนด์ รายการสินค้าและการให้บริการแก่ลูกค้าแต่ละรายให้มีเครือข่ายครอบคลุมกว้างขวางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

2) ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ ทั้งบริการจัดการคำสั่งซื้อที่ซับซ้อนหรือการเพิ่มขีดความสามารถด้านข้อมูล 

3) ขยายฐานผู้ใช้บริการรายใหม่และกลุ่มสินค้าใหม่ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 

4) พัฒนาผลิตภัณฑ์ EcommerceIQ SaaS ในด้านฟีเจอร์และเพิ่มความปลอดภัยในการรักษาข้อมูล เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น บนแพลตฟอร์มของบริษัทฯ ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน 

5) เข้าซื้อกิจการที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อขยายตลาดใหม่ เช่น ประเทศเวียดนามและการขยายธุรกิจในประเทศมาเลเซีย เป็นต้น  

โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าที่ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 มีผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจรรวม 171 ราย เป็นแบรนด์ระดับโลกอย่าง 3เอ็ม (3M) ควิกซิลเวอร์หรือบอร์ดไรเดอร์ส (Quicksilver หรือ Boardriders) เรกคิทท์ (Reckitt) ยูนิลีเวอร์ (Unilever) เป็นต้น โดยเพิ่มขึ้นกว่า 57 รายจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  และยังมีผู้ใช้บริการผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์หรือบริการเสริมตามความต้องการของลูกค้า (Value Added Services) อีก 50 ราย รวมเป็น221 ราย นอกจากนี้ จากข้อมูลของ Inter Brand พบว่า ในปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการแก่กลุ่มผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจรที่เป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีมูลค่าสูงสุดถึง 13 แบรนด์จากลำดับ 100 แบรนด์แรกในปี 2564  

บริษัทฯ ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ DKSH ซึ่งเป็นผู้กระจายสินค้าให้แก่แบรนด์รายใหญ่ของเอเชียแปซิฟิกที่มีแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอกว่าพันแบรนด์ โดย DKSH ได้โอนแบรนด์ที่ดำเนินธุรกิจออนไลน์แบบ B2C ให้แก่บริษัทฯ และหากแบรนด์อื่นๆในพอร์ตโฟลิโอต้องการขายสินค้าออนไลน์ บริษัทฯ จะได้สิทธิ์เพียงรายเดียว (Exclusive Right) ในการให้บริการสนับสนุนธุรกิจออนไลน์แบบ B2C ทั้งหมดในประเทศที่บริษัทฯ เข้าไปดำเนินธุรกิจ  นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนงานรุกขยายธุรกิจในเวียดนามซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เพื่อสนับสนุนแบรนด์ที่เป็นผู้ใช้บริการและแบรนด์ในกลุ่ม DKSH ขยายฐานลูกค้าอีกด้วย  

ขณะที่ความคืบหน้าในการเข้าระดมทุน IPO นั้น ปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ จากสำนักงาน ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว และได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินช่วงเวลา IPO และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เหมาะสม เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ และผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

AI กับอนาคตพลังงานยั่งยืน ในงาน Bangchak Group's 14th Greenovative Forum ภายใต้หัวข้อ Crafting Tomorrow’s Future with Sustainable Energy and AI

ค้นพบบทบาทของ AI ในการขับเคลื่อนพลังงานสู่ความยั่งยืนในงาน Bangchak Group's 14th Greenovative Forum พร้อมฟังมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกและผู้นำในอุตสาหกรรม เทคโนโลยีเพื่ออนาคตยั่...

Responsive image

Responsible AI คืออะไร และทำไมธุรกิจคุณต้องรู้จัก ?

Responsible AI เทคโนโลยีเปลี่ยนเกมสำหรับธุรกิจไทย เรียนรู้วิธีสร้างองค์กรที่ยั่งยืนด้วยการใช้งาน AI อย่างมีจริยธรรมและปลอดภัย...

Responsive image

ปลดล็อกโอกาสแห่งอนาคต WHA Open House 2024 ร่วมสำรวจ ค้นคว้า กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมไทย

WHA Group เปิดบ้านต้อนรับทุกท่านเป็นครั้งแรก ในงาน WHA Open House 2024: Explore – Discover – Shape the Future ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงศักยภาพของ WHA Group เพื่อค้นพบโอกาสใหม่ๆ ใน...