Adecco Group เผยการทำงานแบบไฮบริดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานได้จริง แต่สร้างแรงกดดันต่อทั้งพนักงานและหัวหน้า | Techsauce

Adecco Group เผยการทำงานแบบไฮบริดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานได้จริง แต่สร้างแรงกดดันต่อทั้งพนักงานและหัวหน้า

การวิจัยฉบับใหม่จาก Adecco Group บริษัทโซลูชันทรัพยากรบุคคลชั้นนำของโลก เปิดเผยผลการศึกษาระดับโลกฉบับล่าสุดและมีความครอบคลุมสูงสุดในหัวข้อ Resetting Normal: Defining the New Era of Work ซึ่งได้ประเมินทัศนคติต่อการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดช่วง 12 เดือน และเน้นย้ำถึงปัญหาสำคัญที่บริษัทต้องจัดการเพื่อให้ปรับตัวในช่วงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ระยะเวลา 1 ปีหลังจากที่โลกเผชิญกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิธีการทำงานของเราไปตลอดกาล โดยรายงานฉบับนี้ต่อยอดจากการวิจัยของบริษัทในปี 2563 โดยเน้นที่แนวโน้มสำหรับปี 2564 และปีต่อ ๆ ไป พร้อมขยายการวิจัยให้ครอบคลุม 25 ประเทศ และผู้ตอบแบบสำรวจซึ่งเป็นพนักงานออฟฟิศ 15,000 คนทั่วโลก

Alain Dehaze ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Adecco Group กล่าวว่า "สำหรับผู้ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศเพื่อทำงาน เห็นได้ชัดว่าเราจะไม่กลับมาทำงานที่สำนักงานแบบเดิมอีก และอนาคตของการทำงานคือต้องยืดหยุ่น โควิด-19 ได้เร่งให้เทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่นั้นมาถึงจุดที่เราจะละเลยไม่ได้ และความสำเร็จในอนาคตขึ้นอยู่กับบุคคลและผู้นำที่ปรับตัวเข้ากับเรื่องเหล่านี้"

“การวิจัยของเราแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รูปแบบเดียวกันไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เมื่อพูดถึงการตอบสนองความต้องการของพนักงาน และเราเห็นผู้นำที่ดิ้นรนเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการทำงานระยะไกลและการดูแลทีมของพวกเขา ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเริ่มลดช่องว่างนี้ด้วยการพัฒนาและเตรียมผู้นำและพนักงานให้มีทักษะและความสามารถที่จำเป็นในการสร้างแรงจูงใจ และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เหนียวแน่น ซึ่งช่วยรักษาและพัฒนาแรงงานที่ประสบความสำเร็จ ยืดหยุ่น และแข็งแรง นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าจะมีอีกต่อไป แต่เป็นการต่อสู้เพื่อการแย่งชิงแรงงานที่มีความสามารถมาร่วมองค์การ บริษัทที่สามารถและเต็มใจที่จะรับรู้และจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้จะเจริญรุ่งเรืองต่อไป และบริษัทที่ทำไม่ได้ก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” 

ด้วยข้อมูลเชิงลึกจากการใช้กลยุทธ์ Future@Work ควบคู่ไปกับขอบเขตในระดับโลกของเรา Adecco Group จึงอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการพัฒนาและปรับใช้โซลูชันเพื่อคว้าโอกาสและรับมือกับความท้าทายที่มีพลวัตนี้

การทำงานในยุค New Normal ต้องเตรียมพร้อมด้านใดบ้าง

ยังคงมีการทำงานแบบไฮบริด แต่ความยืดหยุ่นคือกุญแจสำคัญ

ผลการวิจัยเผยให้เห็นว่า พนักงานส่วนมากทั่วโลก (53%) ต้องการรูปแบบการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งสามารถเลือกทำงานทางไกลได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของวันทำงานปกติ โดยพนักงานส่วนใหญ่ (71%) มีอุปกรณ์ครบที่บ้าน ซึ่งจะช่วยให้การทำงานทางไกลมีประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลา 18 เดือนที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า การทำงานทางไกลไม่ได้ส่งผลให้เกิดการสูญเสียผลิตภาพ รวมถึงแนวทางการทำงานที่ครอบคลุมและยืดหยุ่นมากขึ้นสามารถทำได้ พนักงานกว่า 3 ใน 4 ต้องการคงความยืดหยุ่นตามตารางเวลาพวกเขา โดยจะกลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศ แต่ตามเงื่อนไขของตน และยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้ปกครองที่ต้องการทำงานที่ออฟฟิศมากขึ้น พนักงานที่มีลูกอยากทำงานในออฟฟิศ (51%) มากกว่าพนักงานที่ไม่มีลูก (42%)

ผลิตภาพและมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์

ขณะที่หลายคนได้รับประโยชน์จากการทำงานแบบไฮบริด แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนมีประสบการณ์ด้านดี คำถามเกี่ยวกับระยะเวลาของสัปดาห์การทำงานจะต้องได้รับการพูดถึง เนื่องจากอนาคตยังคงยืดหยุ่น โดยมีพนักงานพูดถึงการทำงานเกินเวลาปกติเพิ่มขึ้น 14% ในปีที่แล้ว และมากกว่าครึ่งของพนักงาน (57%) ระบุว่า พวกเขาสามารถทำงานในลักษณะเดียวกันในเวลาไม่ถึง 40 ชั่วโมง พนักงานและผู้นำส่วนใหญ่ (73%) เรียกร้องให้ประเมินจากผลลัพธ์มากกว่าจำนวนชั่วโมงการทำงาน ซึ่งเป็นแนวโน้มเดิมที่แข็งแกร่งอยู่แล้วในปี 2563

สุขภาพจิตย่ำแย่กลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

รายงานยังพบว่า เรามีความเสี่ยงที่จะสูญเสียผู้นำรุ่นใหม่ ซึ่งมากกว่าครึ่งของผู้นำรุ่นใหม่ (54%) เผชิญกับภาวะเบิร์นเอาท์ และ 3 ใน 10 ของพนักงานระบุว่า สุขภาพจิตและร่างกายของพวกย่ำแย่ลงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา บริษัทจะต้องทำการประเมินอีกครั้งว่า พวกเขาสามารถสนับสนุนและจัดหาทรัพยากรด้านความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่พนักงานได้อย่างไรภายในรูปแบบการทำงานแบบไฮบริด โดย 67% ของพนักงานระดับปฏิบัติการกล่าวว่า ผู้นำไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังในการตรวจสอบสภาพจิตใจของพวกเขา

การขาดดุลภาวะผู้นำ

ในทำนองเดียวกัน มุมมองของฝ่ายบริหารเกี่ยวกับผลงานของพวกเขาและความคิดเห็นของพนักงานนั้นไปกันคนละทาง ความพึงพอใจในผู้นำอยู่ในระดับต่ำ โดยมีเพียง 1 ใน 3 ของพนักงานระดับปฏิบัติการที่รู้สึกว่า พวกเขาได้รับการยอมรับอย่างเหมาะสมจากบริษัท และมีเพียงครึ่งหนึ่งของพนักงานทั้งหมดกล่าวว่า ผู้จัดการของตนบรรลุหรือเกินขีดความคาดหวังในการส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานที่ดี (48%) หรือให้ความช่วยเหลือในการสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิต (50%) สิ่งนี้ชัดเจนอย่างยิ่งในยุโรปตะวันตกและญี่ปุ่น ซึ่งความพึงพอใจต่อผู้นำระดับสูงนั้นแตะระดับต่ำสุด

ารแห่ลาออก สัญญาณเตือนสำหรับบริษัท เมื่อพนักงานประเมินอาชีพของตนอีกครั้ง

ท้ายที่สุด ผลการวิจัยตอกย้ำว่า เมื่อแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมอยู่ในระดับต่ำ มีพนักงานไม่ถึงครึ่งที่รู้สึกพึงพอใจกับโอกาสทางอาชีพในบริษัท เกือบ 2 ใน 5 กำลังเปลี่ยนแปลงหรือกำลังพิจารณาอาชีพใหม่ และ 41% กำลังพิจารณาย้ายไปทำงานที่มีตัวเลือกการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น "การแห่ลาออก" ที่คาดการณ์ไว้นั้นยังไม่ชัดเจน แต่ถึงเวลาแล้วที่องค์กรต่าง ๆ จะต้องสานสัมพันธ์กับพนักงานของตนอีกครั้ง นอกจากนี้ 2 ใน 3 ของพนักงานยังมั่นใจว่าบริษัทจะเริ่มจ้างงานครั้งสำคัญอีกครั้ง โดยความมั่นคง หน่วยงาน วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ที่ดี และการพัฒนาเป็นแง่มุมที่สำคัญที่สุดของการจ้างงานในอนาคต

................................................................................................................................................................... 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม :

  • ดาวน์โหลดรายงาน Resetting Normal: Defining the New Era of Work ได้ที่นี่

  • ติดตามเราได้ทาง LinkedIn และ Twitter รวมถึงแฮชแท็ก #ResettingNormal สำหรับข่าวสารอัปเดต



ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แอดวานซ์เทค ติดท็อป 5 ‘Best Taiwan Global Brands’ 7 ปีซ้อน ขับเคลื่อน Edge AI ด้วยมูลค่า 2.8 หมื่นล้าน

แอดวานซ์เทค (Advantech Co., Ltd.) ผู้นำด้านอุตสาหกรรม IoT ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 5 แบรนด์ชั้นนำระดับโลกของ "2024 Best Taiwan Global Brands" ด้วยมูลค่าแบรนด์ 851 ล้านดอลลาร์...

Responsive image

PLEX MES ก้าวสู่อนาคต ยกระดับอุตสาหกรรมการผลิต ด้วย Smart Manufacturing Solutions

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา วงการอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการแนะนำ PLEX MES โซลูชันที่เปรียบเสมือน "สมองดิจิทัล" สำหรับโรงงานยุคใหม่ ระบบนี้ถูกออกแบบ...

Responsive image

ทีทีบี คว้ารางวัลธนาคารที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าธุรกิจ Thailand Best Bank for Corporates

ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) คว้ารางวัล Thailand Best Bank for Corporates จาก Euromoney Awards 2024 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนธุรกิจไทยด้วยโซลูชันดิจิทัลและความยั่งยืนผ่านกรอบ B+ESG พร...