Bluebik แนะองค์กรเร่งทำ AI Transformation ตัวช่วยเปลี่ยนองค์กรสู่ Data-Driven Organization | Techsauce

Bluebik แนะองค์กรเร่งทำ AI Transformation ตัวช่วยเปลี่ยนองค์กรสู่ Data-Driven Organization

Bluebik บริษัทคอนซัลต์ชั้นนำผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี แนะนำธุรกิจทำ AI Transformation ด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัลเชิงลึกภายในองค์กรแบบเรียลไทม์ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันจากกระบวนการตัดสินใจทางธุรกิจที่มีความแม่นยำและคาดการณ์ผลลัพธ์ได้ดีกว่าการตัดสินใจโดยใช้สัญชาตญาณ (Gut Feeling) โดยต้องดำเนินการ 5 ด้าน ได้แก่
1. วางกลยุทธ์ด้านปัญญาประดิษฐ์ให้เชื่อมโยงกับกลยุทธ์ธุรกิจ (AI Strategy)
2. ออกแบบกรณีศึกษาที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เป็นแกนหลักในการดำเนินงาน (AI Use Case)
3. วางโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Infrastructure)
4. ปรับกระบวนการทำงานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Operations)
5. สร้างความตระหนักและปรับวัฒนธรรมองค์กร (AI Culture) สบช่องออกบริการช่วยองค์กรเตรียมความพร้อมทรานฟอร์มองค์กรสู่ AI Transformation เพื่อก้าวไปสู่การเป็น Data-Driven Organization

นายพชร อารยะการกุล

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันหลายธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ซึ่งมีทั้งเรื่องการวางระบบและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการทำธุรกิจบนโลกดิจิทัล พร้อมทั้งต่อยอดสร้างโมเดลธุรกิจใหม่เพื่อขยายแหล่งรายได้และเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าทั้งในแง่ฟังก์ชันและประสบการณ์การใช้งาน แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่ข้อได้เปรียบอีกต่อไปในอนาคตเมื่อทุกองค์กรสามารถทรานส์ฟอร์มตนเองได้สำเร็จ ทำให้ธุรกิจที่ต้องการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของกลุ่มอุตสาหกรรม นับจากนี้ต้องเริ่มสร้างความแตกต่างด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์และตัดสินใจได้ดีกว่ามนุษย์มายกระดับกระบวนการทำงานที่มีดิจิทัลเป็นพื้นฐาน (AI Transformation) ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collection) การทำความสะอาดและกำจัดข้อมูลที่ไม่จำเป็น (Data Cleansing) และการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลพร้อมสำหรับการใช้งาน (Data Digitization) เพื่อช่วยวางกลไกของระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation) ภายในองค์กรให้มีความฉลาดและเฉียบคมมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องตอบโต้หรือสั่งงานจากมนุษย์ในทุกครั้งที่มีการทำงาน โดยเฉพาะกระบวนการทำงานที่มีรูปแบบเดิมซ้ำๆ มีความเฉพาะเจาะจง หรือมีการกำหนดขั้นตอนและตัวแปรต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจน

“การแข่งขันในภาคธุรกิจทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป มีความต้องการที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นการนำศาสตร์ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามายกระดับกระบวนการทำงานจะช่วยให้ธุรกิจสามารถทำความเข้าใจผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้ง นำมาซึ่งการวางกลยุทธ์และการตัดสินใจทางธุรกิจที่มีความแม่นยำสูงภายใต้การใช้งบประมาณที่ลดลง อาทิ การตัดสินใจว่าจะจำหน่ายสินค้าให้ลูกค้ากลุ่มใดจึงมีโอกาสปิดการขายได้มากที่สุด หรือหากมีลูกค้าที่คุณลักษณะแตกต่างกันแสดงความสนใจซื้อสินค้าในช่วงเวลาเดียวกัน พนักงานควรเลือกให้บริการลูกค้ารายใดก่อน นับเป็นการสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจเพื่อเอาชนะคู่แข่งในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน อีกทั้ง AI ยังสามารถประมวลผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานรูปแบบต่างๆ และคัดกรองเฉพาะข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับแต่ละแผนก เพื่อช่วยลดระยะเวลาการทำงานหรือพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ” นายพชร กล่าว

สำหรับองค์กรที่ต้องการก้าวไปสู่การเป็น Data-Driven Organization ที่ใช้ข้อมูลในการขับเคลื่อนธุรกิจและมีการวางผังโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการเชื่อมโยงและบริหารจัดการ Big Data นั้น ต้องเร่งเสริมศักยภาพด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยในกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ภายในองค์กร (AI Transformation) เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน โดยต้องดำเนินการ 5 ด้าน ดังนี้

1. วางกลยุทธ์ด้านปัญญาประดิษฐ์ให้ชัดเจน (AI Strategy) และเชื่อมโยงกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ (Business Strategy) ซึ่งจะเป็นการกำหนดบทบาทว่าจะนำ AI เข้ามาปรับใช้กับกระบวนการทำงานใดที่จะสามารถสร้างมูลค่าได้มากที่สุด และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว 

2. ออกแบบกรณีศึกษาที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เป็นแกนหลักในการดำเนินงาน (AI Use Case) โดยพิจารณาว่าองค์กรมีรูปแบบธุรกิจอย่างไร แหล่งรายได้มาจากที่ใด มีต้นทุนการดำเนินงานเท่าใด และข้อมูลที่ได้จากแต่ละขั้นตอนการดำเนินงานอยู่ในรูปแบบดิจิทัลที่สามารถนำมาวิเคราะห์ด้วย AI ได้หรือไม่ เพื่อหาความเป็นไปได้ในการริเริ่มกรณีศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ (Feasibility Assessment) ที่สามารถแก้ไขข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจได้จริง และเป็นช่องทางใหม่ๆ ในการสร้างรายได้ 

3. วางโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Infrastructure) เพื่อรองรับกระบวนการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งาน เนื่องจากจะช่วยให้การบริหารจัดการและพัฒนากรอบการดำเนินงานเกี่ยวกับ AI ในอนาคตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเพิ่มหรือขยายระบบได้อย่างยืดหยุ่นในระยะยาว 

4. ปรับกระบวนการทำงานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Operations) ด้วยการวางนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อน AI ภายในองค์กรให้ชัดเจนและสรรหาบุคลากรเฉพาะทางเข้ามารับผิดชอบงาน เพื่อให้สามารถนำ AI ไปยกระดับการดำเนินงานได้จริง อาทิ การกำหนดหลักการด้านจริยธรรมและแนวทางปฏิบัติในการใช้ AI บนพื้นฐานของ ธรรมาภิบาล (Data Governance) และการผสานการทำงานของฝ่ายที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI – Data ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (MLOps) 

5. สร้างความตระหนักและปรับวัฒนธรรมองค์กร (AI Culture) เพื่อให้พนักงานเกิดทัศนคติว่าศาสตร์ด้านข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์มีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะยกระดับกระบวนการทำงานให้มีความแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้ทุกแผนกมีส่วนร่วมในการนำข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ด้วย AI มาปรับใช้กับการดำเนินงานในขั้นตอนต่างๆ หรือการตัดสินใจทางธุรกิจ ควบคู่กับการกระตุ้นให้พนักงานเร่งพัฒนาทักษะของตนเอง (Reskill - Upskill) เพื่อปรับบทบาทมาเป็นผู้กำหนดนโยบายและควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ของ AI 

การทำ AI Transformation นั้นมีความซับซ้อนและจำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ดังนั้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้องค์กรธุรกิจ Bluebik สามารถพิจารณาแนวทางเพื่อให้การทำ AI Transformation ให้ประสบความสำเร็จผ่านบริการ ดังนี้

 1. ออกแบบยุทธศาสตร์ (Strategic Planning) ในการนำปัญญาประดิษฐ์ไปประยุกต์ใช้อย่างสอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจผ่านการศึกษารูปแบบธุรกิจของลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อมองหาโอกาสที่จะนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยสร้างแหล่งรายได้ใหม่ ๆ ให้กับองค์กร

2. ขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานด้านปัญญาประดิษฐ์อย่างมีกลยุทธ์ (Strategic Implementation) จนสำเร็จลุล่วง โดยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล (Data Infrastructure) ให้สามารถจัดเก็บได้อย่างเป็นระบบและง่ายต่อการนำไปใช้งาน และสร้างแบบจำลองการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics Model) เพื่อให้เข้าใจว่าข้อมูลดังกล่าวจะสามารถสร้างความได้เปรียบให้องค์กรอย่างไรในอนาคต

3. ปรับปรุงและพัฒนาแผนการดำเนินงานด้านปัญญาประดิษฐ์ เพื่อช่วยสนับสนุนให้องค์กรที่มีกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์ชัดเจนแล้วสามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการ (Strategic Support) พร้อมทั้งดูแลและควบคุมการขับเคลื่อนแผนงานนั้นจนสำเร็จลุล่วง

“การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยปัญญาประดิษฐ์จะช่วยให้องค์กรเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงและมองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อาทิ แนวโน้มความสนใจของลูกค้าในผลิตภัณฑ์และบริการรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในอนาคต โดยจากประสบการณ์ของบลูบิคที่ได้เข้าไปช่วยขับเคลื่อนแผนงานด้านปัญญาประดิษฐ์ให้กับองค์กรต่าง ๆ ทั้งระบบงานหน้าบ้าน (Front-office) และระบบงานหลังบ้าน (Back-office) พบว่าหลายองค์กรมีอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 10 – 50% และสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีนัยสำคัญ จนนำมาซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)  ที่ยอดเยี่ยม” นายพชร ทิ้งท้าย

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

True IDC ทุ่มหมื่นล้านลงทุนธุรกิจ Data Center ตอบโจทย์บิ๊กเทค และยุคของ AI

บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ จำกัด หรือ ทรู ไอดีซี (True IDC) ผู้นำการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์และระบบคลาวด์ของประเทศไทยลงทุนเพิ่มกว่า 10,000 ล้านบาท ในการขยายศักยภาพธุรกิจ...

Responsive image

อินโดรามา เวนเจอร์ส ระดมทุน 500 ล้านดอลลาร์ ผ่าน Syndicated Loan จาก HSBC และ Standard Chartered เตรียมลุยกลยุทธ์ IVL 2.0

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ประกาศความสำเร็จในการทำสัญญาสินเชื่อเงินกู้ร่วม (Syndicated Loan) มูลค่า 500 ล้านเ...

Responsive image

ETDA จัดงานใหญ่ DGT2024 ดึง 120 องค์กรชั้นนำถ่ายทอดโซลูชั่น ตอบโจทย์ SMEs

ETDA ดึงกว่า 120 องค์กรชั้นนำ จัดงานใหญ่ DGT2024 แลนด์มาร์คคนรุ่นใหม่ จัดเต็ม! โซลูชั่น ตอบโจทย์ SMEs เพื่อคนดิจิทัล 29-30 พ.ค.นี้ ที่พารากอน ฮอลล...