สภาดิจิทัลฯ ผนึก ก.ล.ต.-ภาครัฐ ช่วยเหลือ Startup-SME ไทย เร่งให้ความรู้ 4 เครื่องมือระดมทุนเพื่อผู้ประกอบการ | Techsauce

สภาดิจิทัลฯ ผนึก ก.ล.ต.-ภาครัฐ ช่วยเหลือ Startup-SME ไทย เร่งให้ความรู้ 4 เครื่องมือระดมทุนเพื่อผู้ประกอบการ

เมื่อเร็วๆนี้ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย จัดงานเสวนาในโครงการ DCT Digital Future talks ผ่านแพลทฟอร์ม Clubhouse โดยร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จัดเสวนาออนไลน์เรื่อง “ปลดล็อก Crowdfunding, ESOP และ Convertible Note เพื่อ Digital Startups ฟังตรงจาก ก.ล.ต.” เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการกลุ่ม Startup และเอสเอ็มอี หลังจากก.ล.ต. ได้ออกประกาศกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับครื่องมือในการช่วยระดมทุนเพื่อส่งเสริมและสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าถึงช่องทางแหล่งเงินทุนได้ โดยมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายไพบูลย์ ดำรงวารี ผู้อำนวยการฝ่ายจดทะเบียนหลักทรัพย์2 (ก.ล.ต.) ดร.อธิป อัศวานันท์ ผู้อำนวยการสภาดิจิทัลฯ และผู้ประกอบการ Startup ชั้นนำ อาทิ นายรังสรรค์ พรมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวคิว(ประเทศไทย) จำกัด และนายภีม เพชรเกตุ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท PEAK (PeakAccount.com) 

ทั้งนี้ ในงานเสวนา ตัวแทนจาก ก.ล.ต. ได้อธิบายถึงรายละเอียดและหลักเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับเครื่องมือสำคัญที่จะเป็นช่องทางในการระดมทุนให้ธุรกิจ Startup และเอสเอ็มอี รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกับสภาดิจิทัลฯ และตัวแทน Startup ถึงรูปแบบการระดมทุนต่างๆในตลาดทุนที่มีผลต่อความสำเร็จของธุรกิจอย่างมาก 

ดร.อธิป อัศวานันท์ ผู้อำนวยการสภาดิจิทัลฯ กล่าวว่า ธุรกิจ Startup และเอสเอ็มอีมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ตั้งแต่สร้างรายได้ สร้างงาน ทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมและบริการใหม่ๆซึ่งรูปแบบการดำเนินธุรกิจดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืน ฉะนั้นหลังจาก ก.ล.ต.ได้ออกประกาศไฟเขียวกฎเกณฑ์การระดมทุนในตลาดทุนเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยกลุ่มธุรกิจ Startup และเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในการดำเนินธุรกิจมาได้ระยะหนึ่ง แต่อาจมีผู้ประกอบการที่ยังไม่ทราบรายละเอียดและขั้นตอนการใช้ประโยชน์ในเครื่องมือเหล่านี้ ส่งผลให้ธุรกิจ Startup และเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้น้อย และเป็นอุปสรรคต่อการขยายธุรกิจ ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจ Startup และเอสเอ็มอีของไทยเติบโตช้ากว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยวันนี้ไทยยังคงเป็นรองประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สภาดิจิทัลฯ ในฐานะองค์กร ที่ทำงานร่วมกับภาคเอกชน รัฐบาล และภาคประชาชน ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านดิจิทัลให้ประเทศ จะต้องเร่งเสริมความรู้ความเข้าใจและช่วยอำนวยความสะดวกให้ธุรกิจ Startup และเอสเอ็มอีไทยเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสภาดิจิทัลฯต้องการสร้าง Ecosystem ของธุรกิจ Startup ให้เข้มแข็งเพื่อผลักดันให้ไทยเป็น Regional Hub ด้านดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน 

ดร.อธิป กล่าวว่า สภาดิจิทัลฯ ได้พยายามผลักดันให้กลุ่มผู้ประกอบการเข้าใจถึงเครื่องมือระดมทุนที่สำคัญ 4 เรื่อง ที่ก.ล.ต.ออกกฎเกณฑ์มาเพื่อให้ธุรกิจสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในการสร้างแหล่งเงินทุนเพื่อมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ประกอบด้วย 1.Crowdfunding ช่วยให้ธุรกิจ Startup สามารถระดมทุนจากประชาชนทั่วไปได้ในรูปแบบของหุ้นหรือหุ้นกู้ ผ่าน Funding Portal ที่ได้รับการรับรองโดย ก.ล.ต. 2.ESOP ระบบการจัดสรรหุ้นพนักงานบริษัท เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ดี มีผลต่อความสำเร็จของธุรกิจอย่างมาก เป็นการสร้างความเป็นเจ้าของธุรกิจให้แก่พนักงาน 3.Convertible Note เครื่องมือที่จะช่วยสร้างความคล่องตัวในการเปลี่ยนรูปแบบการลงทุน แปลงหุ้นกู้ไปเป็นหุ้นสามัญได้ รวมทั้งลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ 4.Capital Gains Tax การปลดล็อกภาษีเพื่อส่งเสริม Startup ไทย ทำให้สามารถดึงดูดการลงทุนได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันส่งเสริมให้ภาครัฐเป็นผู้ลงทุนร่วมกับภาคเอกชนมากขึ้น 

ผู้อำนวยการสภาดิจิทัลฯ กล่าวว่า สภาดิจิทัลฯ กำลังเร่งดำเนินการจัดทำคู่มือแนะนำรูปแบบเอกสารสัญญาและเอกสารประกอบต่างๆในการขอยื่นใช้เครื่องมือระดมทุนรูปแบบต่างๆเพื่อช่วยลดต้นทุนภาระแก่ผู้ประกอบการ โดยไม่จำเป็นต้องว่าจ้างนักกฎหมายในการจัดทำเอกสารประกอบต่างๆ รวมทั้งจับมือกับ ก.ล.ต.เร่งทำการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้และเผยแพร่ขั้นตอนต่างๆพร้อมการเตรียมเอกสารประกอบที่ใช้ในการดำเนินการ เพื่อช่วยสร้างโอกาสให้ธุรกิจ Startup และเอสเอ็มอีไทยในการลงทุน ตลอดจนสามารถเติบโตเพื่อแข่งขันได้ในระดับโลกต่อไป นอกจากนี้ในอนาคตสภาดิจิทัลฯจะหารือร่วมกับกรมสรรพากรในการผลักดันเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอื่นๆที่จะช่วยให้เกิดการลงทุนในธุรกิจ Startup และเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นอีก 

ด้านมุมมองจากธุรกิจ Startup นายรังสรรค์ พรมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวคิว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รูปแบบเครื่องมือระดมทุนที่ ก.ล.ต.และภาครัฐได้พยายามผลักดันออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการถือเป็นกลไกที่ดี โดยธุรกิจของตนได้ใช้รูปแบบการระดมทุน Convertible Note แล้ว ซึ่งการปลดล็อกเครื่องมือระดมทุนต่างๆออกมาจะเป็นตัวช่วยสำคญให้ธุรกิจ Startup ได้พัฒนาตั้งแต่เริ่มต้นจนสามารถสร้างธุรกิจให้เติบโตจนครบวงจรได้ในอนาคต นอกจากนี้เครื่องมือระดมทุนเหล่านี้ยังช่วยดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้น ทำให้นักลงทุนที่สนใจลงทุนในธุรกิจ Startup มองเห็นแนวทางเติบโตของธุรกิจ Startup ได้ชัดเจนมากขึ้น 

ขณะที่นายภีม เพชรเกตุ Founder & CEO บริษัท PEAK ผู้ให้บริการโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PeakAccount.com กล่าวว่า งานสัมมนาเพื่อสร้างความรู้ถึง 4 เครื่องมือระดมทุนสำคัญทำให้ได้เรียนรู้ถึงเครื่องมือดีๆหลายอย่างที่ธุรกิจ Startup และเอสเอ็มอีอาจยังไม่มีโอกาสได้ใช้ อาทิ รูปแบบ ESOP ซึ่งมีผลต่อ Startup อย่างมาก เพราะเมื่อ Startup ไม่ได้มีเงินลงทุนมากในการจ้างบุคลากรที่มีศักยภาพ แต่รูปแบบนี้เอื้อให้สามารถชักชวนคนมีความสามารถมาทำงานร่วมกันได้โดยให้ผลประโยชน์ตอบแทนเป็นหุ้น พร้อมทั้งสร้างการเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกัน ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่ดีต่อกลุ่ม Startup เพื่อให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

KBank-Orbix Tech จับมือ ptt พัฒนานวัตกรรมใหม่บน Blockchain สำหรับออกตราสารหนี้

KBank-Orbix Tech จับมือ ptt ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรมรูปแบบใหม่บนเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) สำหรับธุรกรรมทางการเงินในการออกตราสารหนี้...

Responsive image

KCE เปิดบ้านรับ BOI และคณะผู้ประกอบการกว่า 36 องค์กร ชมการผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์

KCE จัดเปิดบ้านต้อนรับบีโอไอและคณะผู้ประกอบการ 36 องค์กร เยี่ยมชมกระบวนการผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์...

Responsive image

ICONSIAM x TikTok ดัน Thai Soft Power สู่เวทีโลก

ไอคอนสยาม ผนึกกำลัง TikTok สร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมาย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผลักดัน Thai Soft Power สู่เวทีโลก...