สวทช. จับมือ IBM ร่วมกับกลุ่มมิตรผล นำ AI พลิกโฉมการทําไร่อ้อยในประเทศไทย | Techsauce

สวทช. จับมือ IBM ร่วมกับกลุ่มมิตรผล นำ AI พลิกโฉมการทําไร่อ้อยในประเทศไทย

สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ประกาศความร่วมมือในงานวิจัยระยะเวลา 2 ปีร่วมกับไอบีเอ็ม (IBM) ร่วมด้วยกลุ่มมิตรผล โดยการนำเทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI), Internet of Things (IoT), การสํารวจระยะไกลผ่านดาวเทียม และข้อมูลพยากรณ์อากาศแบบเจาะจงพื้นที่ เข้ามาพัฒนาด้านการเกษตร คาดว่าจะช่วยเพิ่มผลผลิตอ้อยในประเทศไทย

โดยในการวิจัยครั้งนี้ จะนําร่องพัฒนาแดชบอร์ดอัจฉริยะและแอพพลิเคชั่นบนมือถือ เพื่อช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพของอ้อย ความชื้นของดิน ความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีจากโรคและศัตรูพืช การคาดการณ์ผลผลิต และดัชนีค่าคุณภาพความหวานของอ้อย (CCS) โดยอาศัยเทคโนโลยี AI และข้อมูลสภาพอากาศที่แม่นยําจาก 'The Weather Company' รวมถึงเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) และ Analytics

ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อํานวยการ สวทช. กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “สวทช. มีความมุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับการวิจัยและการพัฒนาของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอาหารและการเกษตร โดยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะช่วยให้มั่นใจได้ถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของประเทศไทย ทางสวทช. มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มมิตรผลและผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัย IBM เพื่อร่วมกันสร้างเกษตรกรรมยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดยเริ่มต้นที่การทําไร่อ้อยในประเทศไทย อีกทั้งองค์ความรู้ที่ได้จะถูกนำไปต่อยอด เผยแพร่สู่เกษตรกรไทย รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอีกด้วย” 

อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจสําคัญที่ใช้ในการผลิตน้ําตาลและพลังงานชีวภาพในประเทศไทยและทั่วโลก ประเทศ ไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสองของโลก และมีบทบาทสําคัญในการป้อนน้ําตาลสู่ตลาดโลกโดยมีส่วน แบ่งตลาด 9.4% ในปี 2560 มีการคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะสามารถผลิตน้ําตาลได้ 14.1 ล้าน เมตริกตันในช่วงปี 2561-2562 โดยเพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา

ปัจจุบันนักวิจัยไอบีเอ็มกําลังพัฒนา Agronomic Insights Assistant ซึ่งใช้แพลตฟอร์มไอบีเอ็มวัตสันดีซิชันสําหรับการเกษตร (IBM Watson Decision Platform for Agriculture) ร่วมกับระบบไอบีเอ็มแพร์สจีโอสโคป (IBM PAIRS Geoscope) ซึ่งเป็นการผสานรวมข้อมูล ความสัมพันธ์เชิงเวลาและพื้นที่ (เช่น ภาพถ่ายพืชผลจากกล้องหลายช่วงคลื่นที่เก็บภาพมาจากดาวเทียม หลายตัว ข้อมูลดิน ข้อมูลแบบจําลองความสูงของภูมิประเทศในรูปแบบดิจิทัล) ร่วมกับข้อมูลทางการเกษตร (เช่น สุขภาพของอ้อย ระดับความชื้นของดิน พยากรณ์ความเสี่ยงโรคและศัตรูพืช ปริมาณ ผลผลิต และดัชนีค่าคุณภาพความหวานของอ้อย) โดยใช้โมเดลการพยากรณ์ที่แม่นยําจาก The Weather Company จากนั้นจึงนําข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ร่วมกับเทคโนโลยีการสํารวจเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับการปรับและพัฒนาให้เหมาะกับการทําไร่อ้อยในประเทศไทยจากสวทช. อีกทั้งความรู้เฉพาะทางด้านการเกษตรจากกลุ่มมิตรผล เพื่อกลั่นกรองเป็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาวะการขาดน้ําและอาหารที่ส่งผลต่อการเติบโตของอ้อย ความเสี่ยงของโรคและศัตรูพืช ตลอดจนปริมาณผลผลิตทางการเกษตรและดัชนีคุณภาพของอ้อย

ทางด้าน รศ.ดร.กล้าณรงค์ ศรีรอต Head of Innovation and Research Development Institute กลุ่มมิตรผล กล่าวถึงความยั่งยืนของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลว่า “กลุ่มมิตรผลให้ความสําคัญกับการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการวิจัยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนํามาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผลผลิตอ้อยทั้งในด้านของคุณภาพและปริมาณ ซึ่งจะนําไปสู่ความยั่งยืนของ ทุกภาคส่วนที่อยู่ในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ําตาล”

“การร่วมมือกับสวทช. รวมถึงการนําเทคโนโลยี AI การสํารวจระยะไกลผ่านดาวเทียม และระบบพยากรณ์อากาศขั้นสูงของ IBM มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทําไร่อ้อย จึงนับว่าเป็นอีกก้าวที่สําคัญในการทําเกษตรแม่นยํา (Precision Farming) ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการปรับเปลี่ยนให้เกษตรกรไทยก้าวสู่การทําเกษตรสมัยใหม่ หรือ Modern Farming ได้รวดเร็วขึ้น ทั้งยังสร้างประโยชน์ให้กับภาคเกษตรกรรมของไทยอย่างยั่งยืน”

ทางด้านคุณปฐมา จันทรักษ์ รองประธาน ด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จํากัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ไอบีเอ็มภูมิใจที่ได้ร่วมทําวิจัยภายใต้เป้าหมายในการนําข้อมูลเชิงลึกเข้าเป็นเครื่องมือเสริมศักยภาพการทําไร่อ้อยของไทย และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมหลักอย่างหนึ่งของประเทศ อันเป็นการสนับสนุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยการผนึกจุดแข็งของสวทช. และไอบีเอ็ม ในด้านการวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้ Big Data Analytics, AI และ Interner of Things (IoT) เข้ากับความรู้เชิงลึกด้านการเกษตรของกลุ่มมิตรผล เป็นการพลิกโฉมแนวปฏิบัติของหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เก่าแก่ที่สุด และแสดงให้เห็นถึงก้าวย่างใหม่ของเกษตรกรรมอัจฉริยะในประเทศไทย"

ทั้งนี้ ทางโครงการจะมีการนําร่องใช้ Agronomic Insights Assistant ในช่วงกลางปีนี้บนไร่อ้อยขนาดไม่เกินหนึ่งล้านตารางเมตรจํานวน 3 ไร่ โดยเมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะทําให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จะช่วยประเมินและจัดการความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะนําไปสู่ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ด้วยข้อมูลเชิงลึกที่พยากรณ์ล่วงหน้าได้สูงสุดสองสัปดาห์ ร่วมด้วยการแจ้งเตือนเกี่ยวกับโรคและศัตรูพืชอย่างหนอนเจาะลําต้นข้าวและความเสี่ยงที่จะเกิดโรคใบขาว และการพยากรณ์อากาศระยะสั้นตามฤดูกาลแบบเจาะจงพื้นที่ คาดว่าจะช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการเพาะปลูกได้อย่างเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นการทดน้ําและระบายน้ํา การใส่ปุ๋ย และการกําจัดศัตรูพืช เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่อาจนําไปสู่การสูญเสียผลผลิต

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แอดวานซ์เทค ติดท็อป 5 ‘Best Taiwan Global Brands’ 7 ปีซ้อน ขับเคลื่อน Edge AI ด้วยมูลค่า 2.8 หมื่นล้าน

แอดวานซ์เทค (Advantech Co., Ltd.) ผู้นำด้านอุตสาหกรรม IoT ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 5 แบรนด์ชั้นนำระดับโลกของ "2024 Best Taiwan Global Brands" ด้วยมูลค่าแบรนด์ 851 ล้านดอลลาร์...

Responsive image

PLEX MES ก้าวสู่อนาคต ยกระดับอุตสาหกรรมการผลิต ด้วย Smart Manufacturing Solutions

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา วงการอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการแนะนำ PLEX MES โซลูชันที่เปรียบเสมือน "สมองดิจิทัล" สำหรับโรงงานยุคใหม่ ระบบนี้ถูกออกแบบ...

Responsive image

ทีทีบี คว้ารางวัลธนาคารที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าธุรกิจ Thailand Best Bank for Corporates

ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) คว้ารางวัล Thailand Best Bank for Corporates จาก Euromoney Awards 2024 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนธุรกิจไทยด้วยโซลูชันดิจิทัลและความยั่งยืนผ่านกรอบ B+ESG พร...