จากการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง จนทำให้เศรษฐกิจประเทศทั่วโลกหดตัว และอัตราการจ้างงานแบบเต็มเวลาลดลงเป็นจำนวนมาก จากรายงานของ IMF บ่งชี้ว่า ภาพรวมของตลาดเศรษฐกิจโลก GDP ขยับตัวอยู่ที่ 6% โดยในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะ 5 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเฉลี่ยเพียง 4.3% เท่านั้น ทำให้เห็นภาพการล้มหายของกิจการ แต่ในขณะเดียวกัน กลับมีบางองค์กรที่สามารถนำพาธุรกิจให้อยู่รอดปลอดภัย พลิกเกมรบธุรกิจสู่การเติบโตได้สำเร็จ ซึ่งทำให้เห็นได้ว่าท่ามกลางวิกฤตยังมีโอกาสที่จะนำพาธุรกิจเติบโตอยู่เสมอ
นางอริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “ถึงแม้การคาดการณ์ GDP ของโลกมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้น แต่ตัวเลขอัตราการว่าจ้างงานแบบเต็มเวลายังคง หดหายไปราว 255 ล้านคนทั่วโลก ตามรายงานของ UNTAD ปัจจัยนี้นับเป็นตัวแปรที่สำคัญ เพราะตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจหรือ GDP ของโลกกำลังดีดตัวเพิ่มขึ้น บางประเทศเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติกันแล้ว แปลว่าธุรกิจต่างๆ ในหลายประเทศ กำลังส่งสัญญาณไปในทิศทางบวก ดังนั้นการติดสปีด “องค์กร” จึงจำเป็นเร่งด่วนต่อการวางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ (Business) เสริมศักยภาพคน (People) ตลอดจนวัฒนธรรมองค์กร (Culture) ที่ขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างทรงพลัง”
ภายใต้บริบทการสร้าง NEW Perspective ที่ผสานการยกระดับทั้งด้าน ธุรกิจ คน และ วัฒนธรรมองค์กร ทาง SEAC ได้เชื้อเชิญองค์กรระดับโลก อย่าง Michigan's Ross School of Business มหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา, The Arbinger Institute ประเทศสหรัฐอเมริกา และ The Ken Blanchard Companies สถาบันพัฒนาศักยภาพผู้นำที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ร่วมเปิดเวทีสัมมนาออนไลน์ Global LIVE Conference ภายใต้หัวข้อ “From Crisis to Opportunity: Igniting Your Business, People, and Culture” ครั้งแรกของโลกและประเทศไทย เพื่อเผยความร่วมมือทางด้านการศึกษาและวิจัยด้านต่างๆ ของโลก ผ่านการถอดรหัสกลยุทธ์ธุรกิจ ตกผลึกมุมมองเชิงลึกที่สร้างผลลัพธ์แบบมหภาค (Insights for Impact) จากองค์กรระดับโลก สู่บทสรุปเทรนด์และแนวทางใหม่ของโมเดลธุรกิจ เพื่อให้องค์กรทั่วโลกได้เข้าใจมิติของเศรษฐกิจโลกที่กำลังหมุนบนแกนใหม่ และสามารถนำมุมมองต่างๆ ของตัวอย่างธุรกิจที่ “รุ่ง” และ “รอด” มาปรับใช้ให้เข้ากับกลยุทธ์และรูปแบบธุรกิจของตัวเอง พร้อมทั้งสร้างวิถีการทำงานเพื่อยกระดับคุณภาพ “คน” ด้วยมุมมองแบบ Employee Work Passion ควบคู่กับมุมมองความคิดแบบ Outward Mindset และ Outside-In Perspective เพื่อเร่งพัฒนาให้เท่าทัน “ความท้าทาย” (Challenges) และสามารถรับมือปัญหาได้ในทุกสถานการณ์อย่างตรงจุดและรวดเร็ว รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถขององค์กร และคนทุกระดับเพื่อแข่งขันบนเวทีโลก
Ms. Melanie Weaver Barnett (เมลานีย์ วีเวอร์ บาร์เน็ต) Chief Executive Education Officer, the University of Michigan's Ross School of Business กล่าวว่า “ที่ผ่านมา เราได้ร่วมวางแผนและสร้างกลยุทธ์รูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งวางแนวทางการแก้ไขปัญหาให้กับองค์กรชั้นนำทั่วโลก ภายใต้กลยุทธ์ 4 ขั้น ได้แก่ Discover ศึกษาและวิเคราะห์, Design ออกแบบกลยุทธ์หรือโมเดลทางธุรกิจ, Deliver ส่งมอบโซลูชั่นที่ตรงตามความต้องการ, และ Deploy เพื่อสามารถปรับใช้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยล่าสุดเราได้ศึกษาและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลธุรกิจในช่วงวิกฤตโควิด-19 ขององค์กรชั้นนำระดับโลก พร้อมตกผลึกมุมมองภายใต้แนวคิด “OUTSIDE-IN THINKING” ที่เปรียบเสมือนการคิดนอกกรอบเพื่อทำลายความคิดแบบวงกลมเดิมๆ (Circular Thinking) และกระตุ้นความคิดและผลลัพธ์เชิงสร้างสรรค์ใหม่ โดยได้กำหนด มุมมองเชิงลึกที่สร้างผลลัพธ์แบบมหภาค หรือ Insights for Impact Series แบ่งเป็น 4 ธีมศึกษา ได้แก่ Getting More From Your People, Building Influence & Collaboration, The Digital Economy และ Leadership พร้อมทั้งแบ่งหัวข้อสำคัญ ในแต่ละธีม รวมทั้งสิ้น 17 หัวข้อ อาทิเช่น การบริหารจัดการคนเก่ง (Managing Talent), มุ่งสู่อนาคตด้วยหลักคิดของ วะบิ-ซะบิ (Futuring featuring Wabi-Sabi), และการปรับทิศทางกลยุทธ์ใหม่ (The New Strategic Direction) เป็นต้น
Ms. Dobie Houson (โดบี้ ฮิวสตัน) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท The Employee Work Passion Company และ Former Director of Marketing Research, The Ken Blanchard Companies กล่าวว่า “จากการทำวิจัยอย่างเจาะลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์ที่ส่งผลบวกต่อการทำงานที่ลื่นไหล ทำให้ทราบถึงความจริงที่ว่า ต้นตอของปัญหาที่หลากหลายองค์กรส่วนใหญ่กำลังเผชิญคือ การมุ่งใช้เกณฑ์การวัดความมีส่วนร่วมของพนักงานต่อองค์กร (Employee Engagement) ที่ทำให้องค์กรขาดพลังความทุ่มเท แรงใจและความคิดสร้างสรรค์ของพนักงาน อันเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและผลักดันองค์กรให้ไปต่อได้ เพราะแท้จริงแล้ว องค์กรมองหาทรัพยากรคนที่มีลักษณะเป็น Passionate Employee ที่มีความรู้สึกรักและหลงใหลในงานที่ทำ มีความมุ่งมั่นกระตือรือร้นให้งานนั้นประสบความสำเร็จ ความมั่นใจที่จะอยู่กับองค์กร พร้อมรับฟังและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ รวมไปถึงความอยากมีส่วนร่วม โดยไม่ได้เกิดจากการบังคับหรือเพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ซึ่งทำให้ Employee Work Passion เป็นความมุ่งมั่นและพลังขับเคลื่อนที่องค์กรต้องหันมาให้ความสำคัญมากกว่าการมีส่วนร่วมของพนักงาน (Employee Engagement) เพียงอย่างเดียว”
Mr. Mike Rener (ไมค์ เรเนอร์) Director of Client Solutions, The Arbinger Institute กล่าวว่า “อุปสรรคที่สำคัญที่สุด ในการเปลี่ยนแปลง คือ การจำกัดกรอบความคิด Mindset – มายด์เซ็ต หรือ 'วิธีการมองโลกและสภาพแวดล้อมรอบข้าง' โดยมีดัชนีตัวเลขบ่งชี้ว่า องค์กรที่ตั้งต้นการทรานส์ฟอร์มด้วยการปรับเปลี่ยน Mindset ก่อน มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จกว่าผู้ที่ไม่ทำถึง 4 เท่า เพราะ Mindset ที่ถูกต้องและเหมาะสมคือฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนทุกพฤติกรรมของมนุษย์ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ Inward Mindset หรือ การมองที่เป้าหมายของตนเองเป็นใหญ่ และเห็นคนอื่นแค่เป็นวัตถุสิ่งของ เป็นพาหนะสู่เป้าหมายของตนเอง เป็นอุปสรรคและสิ่งกีดกั้นการมีความสุขของตนเอง หรือแม้แต่เป็นแค่สิ่งไร้ค่า ไร้ตัวตน ไร้ซึ่งความสำคัญ ตรงกันข้ามกับ Outward Mindset ที่เป็นการมองคนรอบข้างเป็น “เห็นคนเป็นคน” และให้ความสำคัญกับผู้อื่นไม่น้อยไปกว่าความสำคัญต่อตัวเราเอง ปัจจุบัน ปฎิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีกำลังถูกพัฒนาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่วิธีคิดหรือ Mindset คือสิ่งที่ AI ยังไม่สามารถทำแทนหรือเลียนแบบมนุษย์ได้ การมีวิธีคิดที่ถูกต้องนอกจากจะช่วยให้องค์กรสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงแล้ว ยังเพิ่มคุณค่าให้กับตัวพนักงานให้เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานอีกด้วย”
SEAC มีความมุ่งมั่นที่จะเดิ
ผู้ที่สนใจในโครงการสามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อขอรับข้อมูลที่ต้องการได้ที่ https://forms.zohopublic.com/helpme/form/ExecutivesPackageGlobalLIVEConference
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด