TikTok แพลตฟอร์มสร้างสรรค์วิดีโอสั้นที่กำลังมาแรงด้วยฐานผู้ใช้ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขึ้นแท่นแอปพลิเคชั่นอันดับหนึ่งที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดทั่วโลกในเดือนมกราคมที่ผ่านมาตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์คอนเทนท์วิดีโอสั้นที่เข้าใจง่าย กระชับ และสนุกสนานที่จะพลิกโฉมการทำ Digital Marketing ตอบโจทย์แบรนด์ที่ต้องการสร้างการรับรู้ (awareness) และการปฏิสัมพันธ์ (engagement) ระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ได้จนเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว ผ่านคอนเทนท์วิดีโอสั้นสุดครีเอทบน Challenge Campaign ที่สร้างประวัติศาสตร์การทำไวรัลมาแล้วทั่วโลก
กว่า 2 ปีที่ TikTok ได้ถือกำเนิดขึ้นในฐานะแพลตฟอร์มสร้างสรรค์วิดีโอสั้น ซึ่งการเกิดขึ้นของ TikTok นับได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคอนเทนท์ที่จากเดิมเป็นยุคของคอนเทนท์วิดีโอทั่วไปสู่รูปแบบวิดีโอสั้น ซึ่ง TikTok ถือเป็นต้นกำเนิดแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น ที่ให้ผู้ใช้ได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่านคอนเทนท์วิดีโอสั้น ซึ่ง Challenge Campaign ต่างๆ บน TikTok ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าร่วมเล่นได้ผ่านการถ่ายวิดีโอและตัดต่อบนแอปพลิเคชั่น โดยเน้นคอนเทนท์วิดีโอแนวตั้งที่ตอบโจทย์การรับชมวิดีโอบนมือถือของผู้คนในปัจจุบัน ซึ่งความนิยมนี้ส่งผลให้ TikTok เป็นที่รู้จักในวงกว้างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก้าวกระโดดทั่วโลก โดยล่าสุด TikTok ได้ขึ้นแท่นแอปพลิเคชั่นที่มียอดดาวน์โหลดสูงที่สุดในโลกในเดือนมกราคมที่ผ่านมา (ข้อมูลจาก Sensor Tower) อีกทั้งยังพบว่า การใช้เวลาบนแพลตฟอร์มหรือ Time Spent ของผู้ใช้ TikTok เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในประเทศไทยค่าเฉลี่ยของการใช้เวลาบนแพลตฟอร์มอยู่ที่มากกว่า 35 นาทีต่อวัน
จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้คนการเติบโตของเทรนด์วิดีโอสั้นและความนิยมของ TikTok รวมถึงการที่แบรนด์ดังระดับโลกมากมาย เริ่มเข้ามาใช้ TikTok เป็นแพลตฟอร์มในการทำการตลาดและสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์สำคัญสำหรับการทำ Digital Marketing
ตัวอย่างแคมเปญแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จพร้อมสร้างการรับรู้แบรนด์ได้อย่างทั่วถึงจาก Challenge Campaign ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อย่างแคมเปญ #ดีดี๊xNescafe ที่ได้เพลงดี๊ดี (UNEXPECTED) โดยสองหนุ่ม ไอซ์ พาริส และ เจเจ กฤษณภูมิ มาถ่ายทอดโดยมีจุดเริ่มต้นมาจากเนสกาแฟ ลาเต้ ในคอนเซ็ปต์ “ฉีกกรอบกาแฟเดิมๆ เติมรสชาติที่คาดไม่ถึง” จนกลายเป็นชาเลนจ์ยอดฮิตสร้างยอดวิวรวมมากกว่า 59 ล้านวิว
หรือแคมเปญจากแบรนด์ใหญ่ๆ อย่างซัมซุง (Samsung) ที่ได้เกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง อย่าง BLACKPINK ร่วมโปรโมทโทรศัพท์มือถือ Galaxy A ภายใต้แคมเปญ #DanceAwesome ให้เหล่าครีเอเตอร์ได้โชว์ลีลาการแดนซ์กระจาย ส่งผลให้มียอดวิวรวมกว่า 17.3 พันล้านวิว
ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยการเป็นต้นแบบแพลตฟอร์มสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด TikTok ยังถือเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการพื้นที่โฆษณาที่มาในมิติใหม่ฉีกกฎโฆษณาแบบเดิมๆ โดยแบ่งประเภทรูปแบบโฆษณาตามวัตถุประสงค์ออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. Brand Takeover: รูปแบบโฆษณาที่สามารถสร้างการเข้าถึงหรือ Reach ได้เยอะที่สุดถึง 100% Share of Voice เหมาะสำหรับแบรนด์ที่มีแคมเปญการตลาดอยู่แล้วและอยากโปรโมทข้อความสั้นๆ เพื่อสร้างการรับรู้ และตอกย้ำก่อนที่ผู้ใช้จะเข้าไปยังหน้า Feed
2. Top View: รูปแบบโฆษณาในตำแหน่งด้านบนที่สามารถสร้างได้ทั้ง Reach (การเข้าถึง), Traffic (จำนวนคนที่เข้ามาบนแพลตฟอร์ม) และ Consideration (การพิจารณาเพื่อตัดสินใจ) ไปยังหน้าเว็บ--ของแบรนด์นั้นๆ ซึ่งเป็นรูปแบบ ที่มีจำนวนการแสดงผล ทั้ง View (การมองเห็น) และ Impression (จำนวนครั้งที่แสดงโฆษณา) เป็นจำนวนมากหลายล้านต่อวัน
3. In-Feed Ads: รูปแบบโฆษณาที่จะเกิดขึ้นระหว่าง Feed ของวิดีโอต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยในเรื่องของ Reach แบบเจาะกลุ่มเป้าหมายและยังสามารถใส่ Call-to-Action ต่างๆ เพื่อเพิ่มการตัดสินใจหรือ Conversion ได้อีกด้วย
1. Hashtag Challenge: รูปแบบโฆษณาในลักษณะของการจัดแคมเปญเพื่อท้าให้ผู้ใช้มาร่วมกิจกรรมเพื่อลุ้นรับรางวัลต่างๆ จนกลายเป็นกระแส ซึ่งสามารถสร้าง Engagement หรือปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้ในแบบ User Generated Content หรือคอนเทนท์ที่สร้างขึ้นจากผู้ใช้กับแบรนด์ได้อย่างมหาศาล
2. Branded Effect: รูปแบบโฆษณาที่แบรนด์สามารถเข้ามาสร้างสรรค์ Effect ต่างๆ ทั้งภาพและเสียง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ประกอบกับวิดีโอขนาดสั้นของพวกเขาได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจดจำและปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ได้ลึกซึ้งมากขึ้น
ซึ่งจากรูปแบบโฆษณาต่างๆ บนแพลตฟอร์มของ TikTok ที่กล่าวมาข้างต้นแบรนด์สามารถเลือกนำไปใช้สำหรับรูปแบบที่เหมาะสมกับแบรนด์นั้นๆ เพื่อสร้างสรรค์การทำตลาดและสื่อสารที่ตอบโจทย์และกลายเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ของแบรนด์นั้นๆ ได้อีกด้วย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด