Goodbye FamilyMart Welcome Tops Daily สู่สมรภูมิร้านสะดวกซื้อ | Techsauce

Goodbye FamilyMart Welcome Tops Daily สู่สมรภูมิร้านสะดวกซื้อ

ปิดฉากร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง FamilyMart เป็นที่เรียบร้อย หลังจากกลุ่มเซ็นทรัล ขอรีแบรนด์ทำด้วยตัวเอง เนื่องด้วยสภาวะทางการเงินที่ขาดทุนถึง 5 ปีซ้อน พร้อมปรับกลยุทธ์มาเป็น Tops Daily สู้ศึกร้านสะดวกซื้อ ตั้งเป้าภายในสิ้นปี 2566 รีแบรนด์ครบทุกสาขาทั่วประเทศ

นับว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวใหญ่ของวงการธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยที่ผู้บริโภคต้องโบกมือลาร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง FamilyMart แม้จะเข้าไปครองใจผู้บริโภคด้วย ‘โอเด้ง’ และ ‘กาแฟอาริกาโตะ’ แต่ก็ไปต่อไปไหว ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย

บทความนี้ Techsauce ขอพาย้อนรอยเส้นทางธุรกิจของ FamilyMart ตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมาว่าอะไรเป็นปัจจัยและสาเหตุหลักที่สุดท้ายต้องบายเธอ ก่อนจะถูกปัดฝุ่นลงสู่สมรภูมิร้านสะดวกซื้ออีกครั้งในนามของ Tops Daily จากกลุ่มเซ็นทรัล

จากอาทิตย์อุทัย สู่ สยามประเทศ

ย้อนกลับไปในปี 2535 FamilyMart เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยโดยเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทไทยและญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ ‘Siam FamilyMart’ ด้วยทุนจดทะเบียน 800 ล้านบาท และดำเนินการมาเรื่อยๆ จนมีสาขามากถึง 1,035 สาขา ทั่วประเทศ

ก่อนที่ในปี 2555 Family Mart จะถูกเปลี่ยนมือมาอยู่ในมือของเซ็นทรัล รีเทล หรือ CRC ที่ทุ่มงบกว่า 2,000 ล้านบาทตั้งเป้าเปิดสาขาให้ได้ 1,500 สาขาใน 5 ปี 3,000 สาขาใน 10 ปี พร้อมสัดส่วนหุ้น 50.29% และเปลี่ยนชื่อเป็น เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด

CRC พยายามผลักดัน Family Mart ให้เหนือคู่แข่งตั้งแต่ปี 2557 ด้วยการขนสินค้าและบริการที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น ทั้ง ตู้กดอาหารพร้อมทานอัจฉริยะ มุมกาแฟจากแบรนด์อาริกาโตะ เบเกอรี่ บาร์เครื่องดื่มเบียร์สด ไปจนถึงเข้าร่วมเป็นหนึ่งในร้านค้าพันธมิตรของเครือข่ายบัตร ‘The1’ Loyalty Program ของเซ็นทรัล ทำให้สมาชิกสามารถสะสมและแลกคะแนนที่ร้าน FamilyMart ได้ทุกสาขา

มาจนถึงปี 2563 ปี บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้บรรลุข้อตกลงการเข้าซื้อหุ้นบริษัท เซ็นทรัล แฟมิลี่มาร์ท จำกัดจาก FamilyMart Co., Ltd. (JFM) จำนวน 5,757,500 หุ้น หรือคิดเป็น 49%  ส่งผลให้กลุ่มเซ็นทรัลเป็นผู้ถือหุ้น 100% ในบริษัท เซ็นทรัล แฟมิลี่มาร์ท จำกัด อย่างเต็มรูปแบบ

ตัวเลขมันฟ้อง จนต้องเคลียร์คัท

นับตั้งแต่ปี 2561 - 2565 ตลอด 5 ปี ร้านสะดวกซื้ออย่าง FamilyMart เผชิญสภาวะทางการเงินที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก อ้างอิงจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะพบว่า

  • ปี 2561 มีรายได้ 17,884.6 ล้านบาท ขาดทุน 360.2 ล้านบาท
  • ปี 2562 มีรายได้ 16,754.8 ล้านบาท ขาดทุน 182.5 ล้านบาท
  • ปี 2563 มีรายได้ 11,877.7 ล้านบาท ขาดทุน 281.4 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 7,481.8 ล้านบาท ขาดทุน 1,049 ล้านบาท
  • ปี 2565 มีรายได้รวม 7,849.1 ล้านบาท กำไร 29.8 ล้านบาท

ทำให้เซ็นทรัลต้องปรับกลยุทธ์สู้ศึกครั้งนี้ใหม่ ด้วยการดึงแบรนด์ Tops Daily กลับมา เพราะเป็นแบรนด์ที่มีฐานลูกค้าเหนียวแน่น และเพื่อสร้างการจดจำในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอีกด้วยเช่นกัน

ทำนายอนาคตบนตัวเลข

ศูนย์วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ฉายภาพแนวโน้มอุตสาหกรรมค้าปลีกสมัยใหม่ในปี 2566 - 2568 ว่า ร้านสะดวกซื้อหรือมินิมาร์ท (Convenience Store)  จะมียอดขายเติบโตเฉลี่ย 4.5-5.5% ต่อปี จาก 4.5% ในปี 2565 เป็นผลจากการมีสาขาจำนวนมากกระจายไปในทุกพื้นที่ ทั้งยังมีการเพิ่มสินค้าประเภทอาหารพร้อมทานและเพิ่มบริการการขายผ่านออนไลน์ต่อเนื่อง ด้วยความเข้มข้นในการแข่งขันทั้งการตลาดและประเภทสินค้า ตลอดจนบริการต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามาอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคมากขึ้น ทั้ง รับชำระค่าสาธารณูปโภค ค่าบัตรเครดิต บริการ Delivery บริการฝากส่งพัสดุ ที่ร่วมกับพันธมิตร เช่น ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และผู้ให้บริการด้าน E-commerce อีกทั้งเพิ่มจุดบริการตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending machine) ด้วย

โดยนับจากปี 2562 พบว่าร้านสะดวกซื้อมีการเติบโต 2.9% แต่กลับมาติดลบถึง 6.5% ในปี 2563 จากสถานการณ์ของโควิด-19 ที่ภาครัฐสั่งควบคุมเวลาเปิดปิด ทำให้จำนวนลูกค้าที่ใช้บริการลดลง และยังส่งผลต่อเนื่องมาในปี 2564 ทำให้การเติบโตยังคงติดลบที่ 4.5% ขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 2565 ร้านสะดวกซื้อกลับมาเติบโตเป็นบวกอีกครั้งที่ 4.5% หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มเบาลง

มีการคาดการณ์ว่าต่อจากนี้ไปอีก 3 ปีธุรกิจร้านสะดวกซื้อก็ยังคงมีการเติบโตเป็นบวกต่อไป จากการกลับมาเดินหน้าลงทุนของผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยเฉพาะเบอร์ 1 ในตลาดอย่าง ‘7-Eleven’ ภายใต้การนำของ CP All หรือ เบอร์ 2 อย่าง ‘Lotus Go Fresh’ โดย CP Axtra รวมถึงการกลับเข้าตลาดหุ้นของ ‘BigC Retail’ ที่เดินหน้าขยายการลงทุนของกลุ่มค้าปลีกทั้งแบรนด์ BigC และ Mini BigC อย่างเต็มรูปแบบ แม้ว่าตอนนี้ Family Mart จะอยู่ในมือของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างกลุ่มเซ็นทรัล แต่ก็ยังอยู่ที่เบอร์ 4 ในส่วนแบ่งของตลาดอยู่ดี

Tops Daily เดินหน้าเต็มกำลัง Go Big or Go Home

ทั้งนี้ทาง ‘เซ็นทรัล รีเทล’ หรือ CRC ได้เริ่มทยอยรีแบรนด์ร้าน ‘FamilyMart’ เป็น ‘Tops Daily’ ทยอยปรับเปลี่ยนในหลายสาขา พร้อมๆ กับการเปลี่ยนโลโก้ในช่องทาง Online ที่มีการปรับหน้าเว็บไซต์บริการสั่งสินค้าออนไลน์เป็น Tops Daily แล้วทั้งหมด

ส่วนสินค้าข้างในยังมีสินค้าเหมือนเดิม ทั้ง โอเด้ง เมนูยอดฮิต Coffee Arigato กาแฟ-เครื่องที่จะยังคงมีวางจำหน่ายเหมือนเดิม เพื่อการเข้าถึงและพร้อมรองรับลูกค้าทุกท่านและให้บริการเป็นมาตรฐานเดียวกัน

อ้างอิงจาก Nikkei Asia ได้สัมภาษณ์ผู้บริโภคบางคนว่ารู้สึกอย่างไรบ้างกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ 

“เสียดายที่จะไม่ได้รับประทานโอเด้ง และเห็นสินค้าจากญี่ปุ่นที่หลากหลาย” และอีกท่านให้ความเห็นว่า “ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักกับการเปลี่ยนแปลง เพราะ Tops มีสินค้าที่หลากหลายเหมือนกัน”

Kenichi Shimomura หัวหน้าฝ่าย Asia Japan แห่งบริษัทที่ปรึกษาอย่าง Roland Berger ก็มองว่า “เซ็นทรัลน่าจะซึมซับการทำธุรกิจสไตล์ญี่ปุ่นแบบ FamilyMart มาบ้างและน่าจะนำความรู้ดังกล่าวมาประกอบธุรกิจให้ดีต่อไปได้”

To be Continued

FamilyMart ก็มีส่วนแบ่งตลาดขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของไทย ขณะที่ 7-Eleven จาก CP All นั้นครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 มีหน้าร้านมากถึง 13,433 แห่ง คิดเป็น 80% ของตลาดทั้งหมด ขณะที่ FamilyMart มีหน้าร้านเพียง 448 แห่ง จากการยุติข้อตกลงของ FamilyMart กับเครือเซ็นทรัล ที่ทำให้ FamilyMart ลดจำนวนลงจากราวๆ 1,000 แห่งในปี 2020 เป็น 200 แห่งในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และจะถูกเปลี่ยนเป็น Tops Daily ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ 

อย่างไรก็ตาม เราอาจคงต้องติดตามกันอย่างต่อเนื่องว่าเซ็นทรัล รีเทล จะมีกลยุทธ์ใดบ้างที่นำ Tops Daily มาเสริมทัพในสมรภูมิร้านสะดวกซื้อ และจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในเบอร์ที่เท่าไหร่จากเบอร์ 4 ในปัจจุบัน และจะครองตลาดร้านสะดวกซื้อได้สำเร็จหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

อ้างอิง

Nikkei (1), Nikkei (2), Krungsri, DBD, Nation

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

5 เทรนด์หางานปี 2025 ที่มนุษย์เงินเดือนควรรู้

ปี 2025 โลกของการทำงานเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาท แต่พฤติกรรมของคนทำงานและแนวโน้มของบริษัทก็เปลี่ยนไปด้วย การสมัครงานไม่ใช่แค่การส่งเรซูเม่แล้วรอเรียกส...

Responsive image

Bill Gates แนะนำ 'The Coming Wave' หนังสือ AI ที่ควรอ่าน ทำนายการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกการทำงาน

Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft แนะนำหนังสือ "The Coming Wave" เขียนโดย Mustafa Suleyman ซีอีโอของ Microsoft AI ซึ่งเขายกให้เป็นหนังสือ AI ที่สำคัญที่สุดและอยากให้ทุกคนอ่าน เพื่อเต...

Responsive image

The Puzzle Principle เคล็ดลับของไอน์สไตน์ที่จะทำให้คุณฉลาดขึ้น

เรียนรู้หลักการ The Puzzle Principle ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์และแนวคิดจาก Adam Grant ที่ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เปิดใจกว้าง และทำให้คุณฉลาดขึ้น พร้อมตัวอย่างงานวิจัยที่ยืนยันผลลัพ...