หลายคนอาจจะเคยได้รับการปลูกฝังว่า ต้องเรียนให้เก่ง เรียนให้สูง ถึงจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และมีรายได้ที่ดี ในขณะที่ทางเลือกอื่นที่เป็นการคิดนอกกรอบอาจจะถูกมองว่า เป็นอะไรที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มขึ้นมาได้ แต่อนาคตอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ การรู้กว้างและความสามารถในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆได้ (Generalist) มีแนวโน้มที่จะมีความสำคัญพอ ๆกับการรู้ลึกและความเชี่ยวชาญในศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง (Specialist)
จากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ประกอบกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนในสังคมปัจจุบัน ทำให้การเรียนรู้เชิงลึกไม่ได้เป็นทุกอย่างอีกต่อไป เพราะโลกเราหมุนไปตลอดเวลา ผู้คนจึงต้องมีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ หลักการทางความคิดก็ไม่ควรที่จะยึดติดกับหลักการเชิงลึกเดิมอีกต่อไปเช่นกัน....
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การเรียนรู้อย่างกว้างขวาง ได้กลายเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้คนสมัยใหม่ เนื่องจากความซับซ้อนของสังคม ผนวกกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในปัจจุบัน ทำให้พวกเขานั้นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้จากรู้ลึก สู่รู้กว้าง ด้วยความหวังว่า พวกเขาจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้ให้น้อยที่สุด
เมื่อมองกลับไปในอดีต อย่างการทำธุรกิจเมื่อ 40 หรือ 50 ปีที่แล้ว มักจะมีการกล่าวถึง ความสามารถเฉพาะทาง หรือผู้เชี่ยวชาญเชิงลึก ซึ่งวลีเหล่านี้ เป็นภาพสะท้อนของหลักความคิดการเรียนรู้เชิงลึกทั้งสิ้น และความคิดนี้ยังปลูกฝังในตัวเรา ด้วยหลักการที่ว่า การเติบโตในหน้าที่การงานต้องมาจากการมีความรู้เชิงลึกเฉพาะทางเท่านั้น
ยกตัวอย่าง อาชีพแพทย์ที่จะต้องมีความรู้และเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางไปด้วย เช่นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ แต่แล้วการเป็นแพทย์โรคหัวใจยังไม่เพียงพอที่จะต้องมีความเชี่ยวชาญเพิ่มเติมอาจจะเป็นศัลยแพทย์หัวใจ ซึ่งจะต้องรู้ลึกในสิ่งใดๆสิ่งหนึ่งไปเรื่อย ๆ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความเชี่ยวชาญ เพื่อการก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นและการได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน จึงทำให้เห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับสูงส่วนใหญ่มักจะมาจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
เพราะผลลัพธ์ในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งที่จะสามารถการันตีผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้้นในอนาคตได้ ดังนั้นทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยเฉพาะวิธีคิดที่จะนำไปสู่การเป็นผู้รอบรู้ หรือ Generalist
เคยมีคำเปรียบเปรยโบราณที่กล่าวไว้ว่า ในมือของชายที่ถือค้อน เขาจะมองทุกอย่างเป็นตะปู แต่ถ้าหากชายคนนั้นรู้จักเครื่องมืออื่นๆ เช่น ไขควงหรือประแจ น็อตหรือสกรูหกเหลี่ยม เขาจะมองเห็นด้านอื่น เช่น ถ้าด้านบนมีร่องแคบ ก็จะไม่ใช้ค้อน แต่ใช้ไขควง หรือหาเครื่องอย่างอื่นที่เหมาะสมแทน จากคำกล่าวนี้ทำให้เห็นได้ว่าการรู้จักเครื่องมือเพิ่มขึ้น ก็สามารถทำให้เข้าใจปัญหาได้ดีขึ้น
จากตัวอย่างเหตุการณ์ที่กล่าวมานั้น ไม่ได้หมายความว่า การรู้ลึกหรือความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านนั้นไร้ประโยชน์ ในทางตรงข้าม ค้อนไม่ใช่ปัญหา แต่จากการที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่รู้จักเครื่องมือหลายอย่างสามารถที่จะปรับวิธีคิดให้สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนได้ดีขึ้น และสำคัญไปกว่านั้นคือ จะต้องมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวด้วย
หนึ่ง ให้ความสำคัญกับบริบทของสิ่งที่กำลังทำ และต้องฝึกมองภาพรวมในงานที่ทำ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือเฉพาะสิ่งที่ทำส่วนเดียวเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณทำงานในอุตสาหกรรมน้ำมัน ก็ต้องมองว่าอุตสาหกรรมนี้มีอะไรที่เข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัจจัยที่มาส่งผลกระทบทั้งสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งการศึกษาเรื่องการเงินเพิ่มเติม ซึ่งการเรียนรู้เชิงกว้างจะทำให้สามารถมองภาพรวมได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยให้สามารถคิดเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆได้ดียิ่งขึ้น
สอง ให้มองว่าสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันจะสามารถส่งผลกระทบซึ่งกันและกันได้อย่างไร วซึ่งการคิดเช่นนี้จะเป็นการศึกษาเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมและฝึกคาดการณ์ถึงความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ว่าสิ่งหนึ่งจะสามารถเข้าไปเป็นอุปสรรคการดำเนินงานของอีกสิ่งหนึ่งได้อย่างไร
เพราะการรู้กว้างนั้น เปรียบเสมือนการมีอุปกรณ์หลากหลายชนิด ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นผลดีต่อการปรับตัวท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนได้ดีกว่าเสมอ ดังนั้นความรอบรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon มหาเศรษฐีอันดับต้นๆของโลก ที่ความร่ำรวยของเขานั้น ไม่ได้มาเพราะโชคหรือความรู้ในด้านการค้าขายเพียงอย่างเดียว เป็นที่ทราบกันดีว่าการพัฒนาของอินเตอร์เน็ตนั้นสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วให้กับโลกใบนี้ ซึ่ง Jeff สามารถสร้างธุรกิจจากการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเพื่อคว้าโอกาสที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ได้
หลายๆบริษัทที่มีมุมมองก้าวหน้า มักจะเลือกจ้างงานพนักงานที่มีความสามารถหลากหลาย เพื่อให้บริษัทพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น Google ที่มักจะให้พนักงานได้มีการเปลี่ยนทีมงานและตำแหน่งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การทำงานของพวกเขามีประสิทธิภาพสูงสุด
Lisa Stern Hayes เจ้าหน้าที่สรรหาพนักงาน ของ Google เคยกล่าวไว้ในรายการพอดแคสต์ว่า Google นั้น ให้คุณค่ากับพนักงานที่มีความสามารถหลากหลาย มากกว่าผู้ที่มีความรู้เชิงลึกในตำแหน่งของตนเพียงอย่างเดียว
“Google เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ถ้าคุณตั้งใจจ้างพนักงานมาทำงานในตำแหน่งเฉพาะของเขา แล้วบริษัทของคุณมีการปรับเปลี่ยนเกิดขึ้น คุณต้องหาตำแหน่งอื่นให้พนักงานคนนั้นทำให้ได้ เพราะเช่นนี้ Google จึงต้องการที่จะจ้างพนักงานมากความสามารถไว้ก่อนเสมอ”
ถ้าคุณพึ่งเข้าสู่วงการการทำงานได้ไม่นานนัก หนึ่งในคำแนะนำของคุณ Lisa Stern Hayes คือ คุณควรที่จะทำให้ประสบการณ์ทำงานของคุณหลากหลายเข้าไว้ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ อย่างเช่น ทักษะพื้นฐานทางสถิติ และการใช้หลักเหตุผลได้ดีนั้น จะช่วยให้คุณได้เปรียบในการแข่งขันร่วมกับผู้คนที่มีความสามารถเชิงลึกอีกด้วย
หนึ่งสิ่งที่มีความแน่นอนในโลกของเรา คือ ความไม่แน่นอน ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี AI และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอื่นๆ กำลังทำให้ข้อมูลกลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่า ความต้องการความสามารถเฉพาะทางในตลาดกำลังลดน้อยลง ความต้องการของโลกในอนาคต จะไม่ได้ต้องการความสามารถเฉพาะทางอีกต่อไป
ข้อมูลจาก CNBC
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด