ไตรมาสสอง Layoff ต่อเนื่อง Google,Meta,Microsoft และบรรดา Fintech พร้อมใจชะลอจ้างงาน | Techsauce

ไตรมาสสอง Layoff ต่อเนื่อง Google,Meta,Microsoft และบรรดา Fintech พร้อมใจชะลอจ้างงาน

ดูเหมือนว่าหลายบริษัทยังคงประกาศชะลอจ้างงานและเลิกจ้างพนักงานอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ Layoff ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น สืบเนื่องจากช่วงต้นปี 2022 ถึงช่วงพีคในเดือนพฤษภาคมที่มีสตาร์อัพประมาณ 786 รายทั่วโลกที่เลิกจ้างพนักงานรวมแล้วกว่า 1.32 แสนคน การเปลี่ยนแผนการดำเนินงานของนักลงทุนรายใหญ่เจ้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการชะลอการให้เงินลงทุนและดึงเงินลงทุนออกจากระบบได้ส่งผลให้เกิดการเลิกจ้างงานแบบโดมิโนทั่วทุกภูมิภาค ปรากฏการณ์ The Great Layoff ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น อาจเป็นคำนิยามที่อธิบายบริบทนี้ได้สมเหตุสมผลที่สุดในช่วงเวลานี้ อ่านเพิ่มเติมสถานการณ์ไตรมาสแรกได้ที่ จาก The Great Resignation สู่ The Great Layoff ปรากฎการณ์ชะลองาน-เลิกจ้างทั่วโลก

สำหรับไตรมาสสองที่หลายคนหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยเศรษฐกิจมหภาค สภาวะเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่อาจคาดเดาได้ว่าจุดสิ้นสุดวิกฤตจะเกิดขึ้นเมื่อใดกันแน่  ในขณะเดียวกันที่ภาคธุรกิจที่มีการตัดสินใจทิศทางธุรกิจของตนในช่วงไตรมาสแรกไปแล้วนั้น บริษัทที่ไม่ได้สร้างผลลัพธ์ทางกำไรจากผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ในไตรมาสนี้ แน่นอนว่าเงินสดสำรองที่คงคลังอยู่นั้นต้องได้รับผลกระทบเป็นที่แน่นอน 

บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งที่เฟื่องฟูในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด กำลังดำเนินการเพื่อลดค่าใช้จ่าย Klarna บริการชำระเงินและช็อปปิ้งชั้นนำระดับโลกประกาศแผนที่จะเลิกจ้างพนักงาน 10% ทั่วโลก เช่นเดียวกับในช่วงที่ผ่านมาพนักงานหลายร้อยคนจากธุรกิจสตาร์ทอัพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ถูกบอกเลิกจ้าง อาทิ Shopee Pay และ Shopee Food ปลดพนักงานกะทันหันในหลายประเทศรวมทั้งไทย จะเห็นว่าอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงสองปีที่ผ่านมาไม่สามารถต้านทานการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้

The Great Layoff ไตรมาสสอง

การลดจำนวนพนักงานในเฟสแรกนั้นส่งผลกระทบต่อพนักงานสตาร์ทอัพในทุกภาคส่วน มีการประกาศชะลอ-เลิกจ้างเกือบในทุกเซคเตอร์อุตสาหกรรมตั้งแต่ eCommerce-Retailer-Automobil-Manufacturing-Electronic-Edtech ล่าสุดในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมต่อเนื่องยังต้นเดือนมิถุนายนที่ Fintech หรือบริษัทเทคฯ หรือผู้ให้บริการด้านการเงินกลายเป็นเซคเตอร์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากความวุ่นวายในตลาดคริปโตเคอเรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัล การเทขายเหรียญพร้อมกับการเททิ้งความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าว สร้างความเจ็บปวดแก่ Exchange หลายเจ้าที่สูญเสียผู้ใช้งาน 

Gemini ประกาศเลิกจ้างพนักงานประมาณ 100 คนหรือประมาณ 10% ของบริษัท Crypto.com ประกาศเลิกจ้างพนักงานพนักงาน 260 คนหรือประมาณ 5% ตามด้วย BlockFi ที่ประกาศลดพนักงานถึง 170 คน หรือแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตฯที่นิยมที่สุดในสหรัฐฯอย่าง Coinbase ก็เผชิญวิกฤตในบริษัทก็ประกาศชะลอจ้งงานและประกาศเลิกจ้างพนักงานถึง 1,100 คน BitOasis แพลตฟอร์มในดูไบ ล่าสุด OpenSea NFT Marketplace ที่มีสัดส่วนตลาดมากที่สุดก็ประกาศเลิกจ้างพนักงานถึง 20% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด

เว็บไซต์ Techcrunch ได้ระบุการวิเคราะห์โดย Roger Lee จาก Layoffs.fyi ว่าในไตรมาสที่สองนี้มีพนักงานสตาร์ทอัพถูกเลิกจ้างถึง 36,861 คนโดยเป็นกลุ่มพนักจากบริษัทด้าน Fintech มากถึง 10.1% ของทั้งหมด หากรวมการเลิกจ้างของบริษัทไตรมาสแรกด้วยทำให้ยริษัท Fintech กลายเป็นหมวดหมู่ที่มีการเลิกจ้างมากที่สุดถึง 15.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 

เช่นเดียวกับการสำรวจจาก Trueup หนึ่งในแพลตฟอร์มสรรหาบุคลากรด้านเทคฯที่ติดตามการเลิกจ้างงาน เปิดเผยข้อมูลว่า Fintech คือ ภาคส่วนที่มีการ Layoff มากที่สุด รองลงมาคือ บริษัทคริปโตเคอเรนซีและภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์เพราะการเติบโตที่ก้าวกระโดดในปี 2021 ของอุตสาหกรรมดังกล่าวจากการการหลั่งไหลของเงินทุนจำนวนมากที่อ้างถึงโอกาสของนวัตกรรมการเงินในอนาคต ทำให้สตาร์ทอัพด้านฟินเทคกลายเป็นอุตสาหกรรมที่หนาแน่นไปด้วยนักลงทุนรายใหญ่ คิดเป็นสัดส่วนถึง 21% ของเงินดอลลาร์ที่ระดมทุนได้ 131.5 พันล้านดอลลาร์จาก 4,969 ดีล

“ในปีที่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมากมายคือเงินทุนราคาถูกจำนวนมาก ทำให้ตลาดท่วมท้น ทำให้บริษัทต่างๆ เติบโตไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ส่งผลให้ผู้คนได้รับการว่าจ้างอย่างรวดเร็ว” Jessica Huang Pouleur หุ้นส่วนของบริษัทร่วมทุน Openspace กล่าว

ในส่วนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบรองลงมาบริษัทอสังหาฯ อย่าง Redfin ก็ได้ประกาศลดพนักงาน 8% ตามด้วยCompass ประกาศลดพนักงานลง 10% สาเหตุจากผลกระทบของตลาดที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัว มากไปกว่านั้นคือยอดขายบ้านลดลงเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน และคาดว่าจะแย่ลงไปอีกเนื่องจากอัตราการจำนองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ยอดขายบ้านนั้นลดลง

Big Tech พร้อมใจประกาศชะลอ-เลิกจ้างงานอีกครั้ง

ล่าสุด บริษัทเทคฯยักษ์ใหญ่พากันประกาศลดจำนวนพนักงานอีกครั้ง หลังจากเป็นการเป็นผู้นำในปรากฏการณ์การเลิกจ้างในระลอกแรก 

  • ในครั้งนี้ Microsoft ผู้นำไตรมาสสอง เริ่มประกาศลดพนักงานแต่ระบุว่าเป็นเพียง 1% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด อีกทั้งประกาศว่าจะใช้แนวทางที่ระมัดระวังมากขึ้นในการจ้างงานในเดือนพฤษภาคมและหลังจากนี้ กลุ่มวิจัยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจาก Gartner ประมาณการว่าปัจจัยการจัดส่งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ส่งผลต่อธุรกิจระบบปฏิบัติการ Windows ของ Microsoft ที่ลดลงเกือบ 13% ในไตรมาสที่สอง ซึ่งเป็นช่วงที่ซบเซาที่สุดในรอบ 9 ปี ของ Microsoft อาจเป็นผลทำให้นำไปสู่การปรับตัวของบริษัท

นี่เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ใหม่เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ เราประเมินธุรกิจของเราเป็นประจำ เรายังคงลงทุนในบางพื้นที่และจะเพิ่มจำนวนพนักงานในปีหน้า” ถึงแม้ว่า Microsoft วางแผนที่จะปลดพนักงานจำนวนเล็กน้อย เนื่องจากการปรับกลุ่มธุรกิจใหม่แต่สิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการให้คำปรึกษาด้านโซลูชั่นกับพันธมิตรทั่วโลกเป็นแน่ 

  • ในขณะเดียวกัน Meta ประกาศลดการจ้างงานวิศวกรซอฟต์แวร์ในปีนี้จาก 10,000 เหลือเพียง 6,000- 7,000 และล่าสุดพึ่งประกาศยกเลิกสัญญากับ ABM Industries บริษัทด้าน Facility Management Provider ใน Silicon Valley นำมาซึ่งการลดจำนวนพนักงานที่คอยอำนวยความสะดวกในสำนักงาน Meta หลายร้อยคน โดยบริษัทได้แจ้งผู้จำหน่ายการจัดการสิ่งอำนวยความสะดวก ABM Industries เกี่ยวกับแผนการที่จะยกเลิกสัญญาในกลางเดือนมิถุนายน ซึ่งจะมีผลในวันที่ 25 กรกฎาคมเป็นต้นไป สืบเนื่องจากธุรกิจโฆษณาออนไลน์ของ Facebook ที่ชะลอตัวลง เรียกได้ว่า Meta ต้องแบกรับปัจจัยหลายส่วนโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงความเป็นส่วนตัวของ iOS ของ Apple ที่กระทบต่อระบบโฆษณาในแพลตฟอร์มที่คาดว่ารายได้จะลดลงเมื่อเทียบปีต่อปีในไตรมาสที่สอง
  • ต่อเนื่องด้วยในวันเดียวกันที่ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ออกประกาศเตือนพนักงานว่าจะมีการชะลอการลงทุนและการจ้างงานบางส่วนในช่วงที่เหลือของปี 2022 โดยประกาศดังกล่าวมาในรูปแบบของบันทึกภายในโดย Sundar Pichai ซีอีโอของ Alphabet ที่ระบุว่า “เนื่องจากความก้าวหน้าในการจ้างงานในปีนี้ เราจะชะลอการจ้างงานในช่วงที่เหลือของปี ในขณะที่ยังคงสนับสนุนโอกาสที่อาจเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรา อย่างไรก็ตามจะยังมีการจ้างงานอย่างต่อเนื่องในปีนี้และปี 2023” นอกจากนี้ยังแจ้งต่อพนักงานว่า “จำเป็นต้องมีความเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น ทำงานด้วยความเร่งด่วนมากขึ้น ปราดเปรียวมากขึ้น” ซึ่งกล่าวเป็นนัยที่ว่า การปรับองค์กรให้กระชับ ยืดหยุ่น การปรับใช้ทรัพยการใหม่ไปยังพื้นที่ที่มีลำดับความสำคัญมากกว่า ถึงแม้อัตราการจ้างงานของ Google ในไตรมาสที่สองจะมีการเพิ่มพนักงานใหม่ 10,000 คน อย่างไรก็ตามในช่วงที่เหลือของปี 2022 Google จะมุ่งเน้นการจ้างงานในด้านวิศวกรรม เทคนิค และบทบาทสำคัญอื่นๆ แม้ว่าจะไม่ใช่การหยุดจ้างงานอย่างหนักหรือการเลิกจ้าง แต่ก็หมายความว่าโครงการต่างๆ อาจถูกลดทอนลง
  • ในระลอกนี้ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยอดนิยม Netflix เช่นเดียวกันก็เริ่มประกาศเลิกจ้างพนักงาน 300 คน ซึ่งคิดเป็น 3% ของกำลังคน ซึ่งเป็นครั้งที่สองของบริษัทในรอบสองเดือน หลังจากที่ปลดพนักงานกว่า 150 คนในเดือนพฤษภาคม ทั้งในสหรัฐฯ เอเชียแปซิฟิก ละตินอเมริกาและยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา 

เราได้ทำการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ต้นทุนของเราเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของรายได้ที่ช้าลง เรารู้สึกขอบคุณมากสำหรับทุกอย่างที่พวกเขาทำเพื่อ Netflix และกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อสนับสนุนพวกเขาผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ยากลำบากนี้” โฆษกของบริษัทกล่าวในแถลงการณ์

  • Warner Bros Discovery ประกาศลดพนักงานมากถึง 30% หรือเกือบ 1,000 ในทีมขายโฆษณาทั่วโลก โดยเริ่มเสนอโอกาสให้ทีมขายโฆษณาในสหรัฐฯ ออกจากบริษัทโดยสมัครใจ เนื่องจากสภาพทางการเงินของบริษัทไม่สู้ดีนักหลังจากหลังจากการควบรวมกิจการระหว่าง Discovery Inc และ Warner Media ของ AT&T (T.N) มูลค่า 43 พันล้านดอลลาร์ ตามด้วย Spotify ที่ประกาศลดอัตราการจ้างงานใหม่ลง 25% เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และ Amazon ลดเป้าหมายการจ้างงานในปี 2022 ลงเช่นกัน 

ผู้เขียนมองว่าการลดปริมาณการจ้างงานเพิ่มและการปลดพนักงานออก คือ วิธีการเบื้องต้นของธุรกิจเพื่อปรับสมดุลค่าใช้จ่ายเงินสดสำรอง ในขณะเดียวกันอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงผลกระทบที่อาจส่งผลถึงกิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องหลังจากนี้ นับช่วงเป็นเวลาที่ท้าทายอย่างมากสำหรับภาคธุรกิจทุกระดับ การลงทุนในบริษัทระยะ Growth นักลงทุนจะเริ่มสงวนเงินทุนไว้มากขึ้น และกลุ่มนายทุนหลายกลุ่มกำลังหาวิธีประเมินมูลค่าธุรกิจต่างๆ ใหม่ โดยอาจสังเกตท่าทีเพื่อรอให้ตลาดสงบลง อ่านเพิ่มเติมได้ที่ 8 สิ่งที่ต้องคำนึงในช่วงตลาดตกต่ำสำหรับธุรกิจ

ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามต่อไปเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ 



อ้างอิง

Fintech startups lead the layoff wave

Startups keep laying off swaths of employees as the downturn continues

Microsoft Cuts Jobs in Structural Adjustment, Plans More Hiring

Facebook cuts hundreds of custodial jobs after ending contract with facility management vendor

Alphabet to slow hiring in second half of 2022 as economy sputters

Google CEO Pichai says company will slow hiring through 2023 in memo to employees

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไขความลับ Growth Hacking: บทเรียนจาก Spotify สู่ธุรกิจยุคใหม่

ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันดุเดือดและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืนคือสิ่งที่ทุกธุรกิจต่างใฝ่ฝัน Growth Hacking กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ไขประตูสู่ความสำเร็จ ด้วย...

Responsive image

เปิดปรัชญาแห่งความเป็นผู้นำของ Steve Jobs

Steve Jobs ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple ที่โด่งดัง อาจไม่ใช่เจ้านายในฝันของใครหลายคน แต่ปรัชญาการบริหารของเขาพิสูจน์แล้วว่าทรงพลังและนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ คำพูดที่สะท้อนแนวคิดนี้ได้...

Responsive image

โฟกัสให้ถูกจุด สำคัญกว่าทำงานหนัก! แนวคิดจาก Marc Randolph ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO คนแรกของ Netflix

หลายคนอาจเชื่อว่าความสำเร็จมาจากการทำงานหนัก แต่มาร์ค แรนดัลฟ์ (Marc Randolph) Co-founder Netflix กลับมองต่างเขามองว่าการทำงานหนักแล้วจะประสบความสำเร็จเป็นเรื่องหลอกลวง และมองว่ากา...