คาดเฟดจะใช้เวทีการประชุม FOMC สื่อสารเพื่อลดความผันผวนจากการเลือกตั้งสหรัฐในสัปดาห์นี้

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส Chief Investment Office บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS CIO) คาดว่าจะมีความผันผวนตกค้างมาจากการเลือกตั้งใหญ่ในสหรัฐไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร แต่หลังการเลือกตั้ง มีการประชุม FOMC รออยู่ ซึ่งในภาพรวม เชื่อว่าเฟดจะ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.00-0.25% แต่มองการสื่อสารจะเป็นลักษณะสวนทางกับความเสี่ยงหลักแบ่งเป็นสองกรณี  

  1. ถ้าตลาดหุ้นสหรัฐ “ปรับตัวลง” (โอกาสเกิดขึ้น 60%) เชื่อว่าเฟดจะสื่อสารในเชิงผ่อนคลายมากขึ้น และอาจมีการพูดถึงนโยบายการเงินที่สามารถนำมาใช้เพื่อลดความผันผวน และกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีก เช่น Negative Interest Rate หรือ Yield Curve Control
  2. ถ้าตลาดหุ้นสหรัฐ “ปรับตัวขึ้น” หลังเลือกตั้ง (โอกาสเกิดขึ้น 40%) เชื่อว่าเฟดจะลดการสื่อสารในเชิงผ่อนคลายนโยบายการเงินลง และหันไปสนับสนุนการใช้นโยบายการคลังในปี 2021 ทันที

มุมมองตลาดการเงินและทิศทางนโยบายการเงินดังกล่าว จะส่งผลต่อสินทรัพย์ต่าง ๆ ในตลาดการเงินดังนี้

  • ดอกเบี้ยและบอนด์ยีลด์ – ดร.จิติพลเชื่อว่ามุมมองดอกเบี้ยนโยบายจะไม่เปลี่ยนแปลง และคาดว่ายีลด์สหรัฐจะไม่ผันผวนแรง เพราะปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำใกล้ 0% มองยีลด์อายุ 2ปีจะขยับขึ้นมาที่ระดับ 0.20% ซึ่งยังต่ำกว่าขอบบนของดอกเบี้ยนโยบายอยู่ แต่ยีลด์สหรัฐระยะยาวมีโอกาสปรับตัวลงได้ จากความผันผวนโดยรวมของตลาดที่สูงขึ้น โดยประเมินยีลด์ 10ปีที่ระดับ 0.75% ในช่วงสิ้นปี
  • เงินดอลลาร์ – มองว่านโยบายการเงินไม่มีผลกับเงินดอลลาร์ เนื่องจากดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำมากแล้ว ขณะที่ในอนาคตเชื่อว่าดัชนีดอลลาร์จะถูกขับเคลื่อนจากทิศทางนโยบายการคลังและมุมมองความเสี่ยง (Risk on หรือ risk off) ของนักลงทุนในตลาด คาดว่าทั้งสองเรื่องจะมีความชัดเจนหลังจากทราบผลการเลือกตั้งใหญ่ในสหรัฐ จึงคงมุมมองกรอบดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ที่ระดับ 90-95จุดในช่วงที่เหลือของไตรมาสที่สี่ แต่คาดว่าการปล่อยให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นแต่คงดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำของธนาคารกลางสหรัฐ จะกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าได้อีกราว 7-15% ในปี 2021
  • สินค้าโภคภัณฑ์ – ประเมินบอนด์ยีลด์ที่ต่ำยาวนานเป็นประเด็นหนุนราคาทองคำให้ซื้อขายในระดับ 1700-2100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จุดที่ต้องระวังไม่ใช่นโยบายการเงิน แต่เป็นการคิดค้นวัคซีนโควิด-19 ซึ่งถ้าประสบความสำเร็จเร็ว อาจส่งผลให้ตลาดกลับไปเปิดรับความเสี่ยงซึ่งเป็นลบต่อทิศทางราคาทองคำ จึงคงมุมมองราคาทองคำสิ้นปี 2020 ที่ 1850 ดอลลาร์ต่อออนซ์

โดยสรุป ดร.จิติพล คาดว่าผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดครั้งนี้จะเป็นปัจจัยในการปรับสมดุลความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐหลังเลือกตั้ง 

ที่มา: Bloomberg World Interest Rate Probability, Bloomberg และ SCB Securities วันที่ 29 ตุลาคม 2020

ดังนั้นสำหรับนักธุรกิจไทย สามารถมองเป็นโอกาสที่จะทำการกู้ยืมในช่วงดอกเบี้ยต่ำเพื่อธุรกิจในระยะยาวได้ แต่ผู้ส่งออกอาจต้องเตรียมพร้อมกับการอ่อนค่าของดอลลาร์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากนโยบายการเงินและการคลังสหรัฐที่จะผ่อนคลายมากหลังเลือกตั้งส่วนในฝั่งนักลงทุน ประเด็นที่ต้องคำนึงถึงมากขึ้นในการลงทุนคือสัดส่วนการลงทุนในบอนด์ ซึ่งปัจจุบันให้ผลตอบแทนที่ต่ำมากเป็นความเสี่ยงต่อเป้าหมายการลงทุนระยะยาว อย่างไรก็ดี คาดว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจะช่วยให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน Emerging Markets เกิดขึ้นได้เร็ว สร้างโอกาสในการลงทุนกลุ่มวัฏจักร (Cyclical) และกลุ่มมูลค่า (Value) ที่ยังคงฟื้นตัวช้ากว่าการลงทุนในกลุ่มเติบโตสูง (Growth) การประชุม FOMC ครั้งถัดไปวันที่ 15-16 ธันวาคม 2020

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จัก Luana Lopes Lara อดีตนักบัลเลต์ที่ก้าวสู่มหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลก แซงหน้า Lucy Guo

วงการธุรกิจทั่วโลกต่างจับตามองดาวรุ่งดวงใหม่ เมื่อ Luana Lopes Lara อดีตนักบัลเลต์สาวชาวบราซิลก้าวขึ้นเป็น “มหาเศรษฐีหญิง Self-made คนใหม่ ที่อายุน้อยที่สุดในโลก” แซงหน้าผู้ประกอบก...

Responsive image

ส่องวิธีคิดแบบ นิธิฟู้ดส์ หา The New ROI อย่างไรให้เจอโอกาสในวิกฤต จนยอดขายทะลุ 500 ล้าน

บนเวที FoodX Forum 2025 คุณสมิต ทวีเลิศนิธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิธิฟู้ดส์ จำกัด และอุปนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย ได้ขึ้นมาแชร์ Insight แบบ Eclusive ถึงเบื้องหลังการเติบโต 30...

Responsive image

Fei-Fei Li เตือน! อนาคตเป็นของคนที่ ‘กล้าเสี่ยง’ ยุคนี้ Safe Zone คือจุดที่อันตรายที่สุด

Fei-Fei Li ผู้ร่วมก่อตั้ง World Labs และศาสตราจารย์จาก Stanford University หรือที่รู้จักกันในนาม ‘เจ้าแม่แห่งวงการ AI’ ได้ออกมาเปิดเผยเคล็ดลับสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในยุคที่เทคโนโล...